ถ้าพูดถึง "เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน" หรือ “ฮ่องกง” ตามที่คนไทยรู้จักก็จะนึกถึงเมืองที่มีความหลากหลายทางด้านสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งตึกสูงระฟ้า อาคารทันสมัย ประชากรหนาแน่น และการชอปปิ้งจากร้านๆ ต่าง แต่ใครจะรู้ว่าเมืองฮ่องกงเล็กๆ แห่งนี้ยังมีเรื่องราวมากมายที่น่าสนใจซ่อนอยู่ อย่าง “ตะลอนเที่ยว” ได้ไปเยือนฮ่องกงคราวนี้ เพราะ “การท่องเที่ยวฮ่องกง" ได้จัดทริปสัมผัสมุมฮ่องกงที่แตกต่าง ที่รวบรวมเรื่องราวมากมายอันน่าสนใจของเมืองฮ่องกงอย่าง ฮวงจุ้ยทัวร์ (Feng Shui Tour) หรือ เกาะลัมมา (Lamma Island) ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติของฮ่องกง และอื่นๆ อีกมาย นำเสนอเปิดมุมมองคนไทยให้รู้จักฮ่องกงอันเป็นเมืองที่มีความหลากหลายมากขึ้น
จากความหลากหลายเหล่านี้จึงทำให้การทัวร์ฮ่องกงมีมนต์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก วันแรกที่มาถึงนั้นบรรยากาศที่นี่ค่อนข้างเย็นสบาย คนฮ่องกงเลยจัดแต่งเต็มชุดหนาวกันยกชุด โดยเราเริ่มต้นสัมผัสเมืองฮ่องกงอย่าง “ทัวร์ฮวงจุ้ย” หรือที่เรียกว่า “Feng Shui Tour” อันมีความหมายตามตัวอักษรว่า "ลมและน้ำ” อย่างที่รู้กันว่าฮ่องกงนั้นเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องฮวงจุ้ยอย่างมาก เพราะฮวงจุ้ยเป็นวิชาโบราณของจีนว่าด้วยการจัดวางวัตถุและอาคารให้กลมกลืนกับธรรมชาติ เพื่อนำพาความโชคดีมาให้ มีต้นกำเนิดจากความเคารพในสิ่งแวดล้อมของชาวจีนโบราณ และความเชื่อที่ว่าอิทธิพลของดวงดาวส่งผลอย่างมากต่อชีวิตของเรา ชาวฮ่องกงจำนวนมากเชื่อว่าการจัดฮวงจุ้ยที่ดีสามารถดึงดูดความเจริญรุ่งเรืองและปัดเป่าความโชคร้ายออกไปได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้คนขอคำปรึกษาจากอาจารย์ฮวงจุ้ยในเรื่องต่างๆ ตั้งแต่การซื้อบ้านใหม่และการจัดวางแบบแปลนสำนักงาน ไปจนถึงโครงการสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมขนาดใหญ่ซึ่งทำให้เมืองมีภูมิทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์
โดยจุดไฮไลท์ที่เห็นชัดนั้นอยู่ที่ย่านเซ็นทรัล (Central) ใจกลางฮ่องกง เป็นสงครามฮวงจุ้ยระหว่างธนาคารอย่างตึกทางซ้ายสุด คือตึก “Bank of China" ส่วนตึกทางขวา คือ "HSBC" ซึ่งเป็นตึกที่ได้วางยุทธศาสตร์ฮวงจุ้ยแก้กัน ถ้าสังเกตดีๆ ตึก "HSBC" เป็นตึกที่มีลักษณะคล้ายกับปืนใหญ่ 2 อันหันหน้าไปทางตึก Bang Of China ซึ่งการก่อสร้างชิ้นนี้ทำให้เกิดข้อพิพาทกันอย่างมากมาย โดยตัวอาคาร HSBC ตั้งปืนใหญ่บนยอดตึกเล็งไปที่ตึก Bank Of China ที่เอาด้านแหลมหันไปทางตึก HSBC ถือว่าเป็นการเอามีดฟันแต่ก็เจอปืนสวนกลับ แต่ทาง HSBC อ้างว่าสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายกับปืนใหญ่แท้จริงแล้วเป็นเครนไว้สำหรับทำความสะอาจกระจกตัวอาคารเท่านั้นเอง จากนั้นมหาเศรษฐี ลี กา ชิง กลับเห็นเป็นโอกาสจึงซื้อตึกที่อยู่ตรงกลาง แต่เดิมคือโรงแรม Hilton จากนั้นก็ทุบตึก และสร้างตึก "เฉิ่ง-ก๊อง" (Cheung Kong) จัดฮวงจุ้ยใหม่โดยการดูดพลังจากสองตึกนั่นซะเลย นี่เป็นกรณีตัวอย่างของสงครามการจัดฮวงจุ้ยในฮ่องกงได้เด่นชัด
จากนั้นเราเดินทางต่อกันไปยังย่านชนบทของฮ่องกงกันที่ “หมู่บ้านหล่ง ยก เถ่า” (Lung Yeuk Tau) เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของชนเผ่าถัง หนึ่งในห้าชนเผ่าที่ใหญ่ที่สุด โดยเริ่มต้นดู “ศาลาบรรพบุรุษตั่งซงเหล็ง” (Tang Chung Ling Ancestral Hall) สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1525 และสร้างใหม่ในราวปี 1700 ศาลาบรรพบุรุษตั่งซงเหล็งเป็นศาลาบรรพบุรุษที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในฮ่องกง ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถาน ทั้งอาคารตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงด้วยลายไม้แกะสลักอย่างประณีต งานปั้นพลาสติกหลากสี งานแกะสลักเซรามิก และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีเรื่องราวที่เป็นมงคลของจีน นอกจากนั้นวันที่เราไปนั้นยังมีประเพณีอันเก่าแก่ที่น่าสนใจ อย่างปีที่ผ่านมาถ้าคนในหมู่บ้านได้ให้การกำเนิดลูกชาย หลังตรุษจีนวันที่ 12-15 ตามปฏิทินจีน ครอบครัวนั้นก็จะมาแขวนโคมเพื่อขอพรและทำพิธีไหว้เจ้าแม่ทับทิม เพื่อขอให้ลูกชายนั้นเติบโตอย่างแข็งแรง เข้มแข็ง และโชคดีมีชัย ถือว่าเป็นการฝากฝังบรรพบุรุษให้ช่วยดูแลลูกหลานในหมู่บ้านอีกด้วย
จากนั้นเดินไปชมสิ่งก่อสร้างในประวัติศาตร์กันต่อที่ “โหลไหว่” (Lo Wai) มีกำแพงหนาๆ อันเก่าแก่สร้างขึ้นล้อมรอบและสามารถเข้าออกได้ทางเดียวผ่านประตูแคบๆ ตัวกำแพงและป้อมปราการนั้นถูกเก็บรักษาและอนุรักษ์ไว้เป็นอนุสรณ์สถาน โดยอิฐพวกนี้มีเรื่องเล่าว่าสมัยก่อนหากไปรับใช้ชาติทำการรบสงครามกลับมา ฮ่องเต้จะให้อิฐเหล่านี้เป็นรางวัลตอบแทน เมื่อกลับมาจากสงครามจึงเอาอิฐพวกนี้มาสร้างบ้านสร้างกำแพงเป็นที่พักอาศัย จนกลายเป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในฮ่องกง
เดินทางออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าไปยัง “ต้นไม้อธิษฐานหลัมเจิน” (Lam Tsuen Wishing Trees) หลัมเจินในเขตไทโปเป็นชุมชนที่มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ 700 ปีก่อนในระหว่างราชวงศ์ซ่งใต้ (1127-1279) ปัจจุบันที่นี่ยังคงเต็มไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวซึ่งแวะเข้ามาเยี่ยมชม 'ต้นไม้อธิษฐาน' ทั้งสองต้น ซึ่งมีทั้งต้นจริงและต้นปลอมที่สร้างขึ้นเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว มีตำนานเล่าว่าหญิงสาวคนหนึ่งที่หมู่บ้านหลัมเจิน มีสามีที่ต้องออกไปทำงานหาเงินในต่างถิ่นเป็นเวลายาวนาน ทำให้เธอกลัวว่าสามีเธอจะนอกใจไปเป็นอื่น จึงมาอธิษฐานกับต้นไทรใหญ่นี้ให้สามีกลับมาและยังรักเธอเหมือนเดิม ซึ่งเมื่อได้ดังสมมาดปรารถนา เธอจึงนำส้มผูกเชือกไปแขวนห้อยไว้กับต้นไทรใหญ่ ขณะที่อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า มีหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งได้มากราบไหว้ขอพรกับต้นไทรใหญ่ต้นนี้ ขอให้ลูกชายของเธอมีผลการเรียนที่ดีขึ้น ก่อนจะสมหวังดังใจปรารถนา
โดยหากใครขอพรจะต้องเขียนลงในกระดาษบูชาและมีส้มหนึ่งลูก เมื่อเขียนเสร็จให้ขว้างกระดาษบูชาขึ้นไปที่ต้นไม้และขอพร เชื่อกันว่ายิ่งกระดาษบูชาขึ้นไปติดอยู่บนกิ่งไม้ที่สูงขึ้นเท่าไหร่ พรที่ขอนั้นก็จะมีโอกาสเป็นจริงขึ้นมากเท่านั้น ผู้คนจากทั่วทุกแห่งในฮ่องกงจึงแห่กันมาที่นี่เพื่ออธิษฐานขอพรของตัวเอง จึงทำให้ต้นจริงนั้นเกิดความเสียหายอย่างมาก ชาวบ้านหมู่บ้านหลัมเจินจึงเกรงว่าหากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ต้นไม้อธิษฐานอาจหักโค่นลงสักวัน พวกเขาจึงสร้างต้นไม้อธิษฐานจำลองขึ้น เพื่อให้ผู้มาขอพรได้นำส้มไปโยนแขวนอยู่บนต้นไม้ โดยส้มที่โยนก็เป็นผลส้มปลอมเพื่อไม่ให้เกิดการเน่าเหม็น ขณะที่ต้นไทรใหญ่ที่เป็นต้นไม้อธิษฐานต้นจริงนั้น ได้มีการใช้ไม้ค้ำ (เหมือนไม้ค้ำโพธิ์ในบ้านเรา) และมีการตั้งศาลไว้ข้างๆ ให้ผู้คนได้สักการบูชา นอกจากนั้นที่ใกล้ๆ กับต้นไม้อธิฐานยังมี “วัดทินโห่ว” (Tin Hau Temple) ประดิษฐาน “เจ้าแม่ทับทิม” เทพธิดาแห่งท้องทะเล ให้สักการบูชาและกราบไหว้ขอพรเสริมสิริมงคลได้เช่นกัน
เดินทางกันต่อเพื่อไปสักการะสิ่งมงคลกันที่ “วัดแชกุง” (Che Kung Temple) วัดชื่อดังที่คนไทยรู้จักดีที่หากใครมาเยือนฮ่องกงต้องไม่พลาดมาวัดแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ย่านนิวเทอริทอรี่ส์ หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า “วัดกังหัน” เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของ “แม่ทัพแชกุง” แห่งราชวงศ์ซ่งใต้ ที่ไม่เพียงสามารถปราบพวกกบฏได้แล้ว ยังสามารถนำสมุนไพรมารักษาโรค ช่วยหยุดโรคระบาดไม่ให้เป็นภัยคุกคามต่อชาวบ้าน จนได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนยุคนั้นเป็นอย่างมาก เมื่อเสียชีวิตไปก็ได้รับการยกย่องให้เป็นดังเทพเจ้า
วัดแชกุงที่เห็นในปัจจุบันได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2536 เพื่อรองรับศรัทธาจากมหาชนที่เดินทางมาสักการะเทพแชกุงกันเป็นจำนวนมาก จนตัววัดเดิมไม่สามารถรองรับได้ ภายในวัดแชกุงจะมีโถงบูชาหลัก เป็นที่ตั้งของรูปปั้นเทพแชกุงหรือแม่ทัพแชกุงองค์โต ในท่ายืนถือดาบหน้าตาขึงขัง ด้านข้างๆ มีกลองระฆังยักษ์ และ “กังหันแห่งโชคลาภ” ที่เชื่อกันว่าถ้าหมุนครบ 3 รอบ จะนำพาโชคลาภมาให้
นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าถ้ามาถวายกังหันลมที่วัดแห่งนี้ กังหันจะปัดเป่าช่วยพัดพาสิ่งชั่วร้ายโรคภัยไข้เจ็บออกไปจากตัวเรา และพัดพาสิ่งที่ดีงามเข้ามา ที่วัดแห่งนี้จึงมีกังหันทั้งเล็กใหญ่วางขายให้เรานำไปทำบุญอยู่เป็นจำนวนมาก บางคนนอกจากจะทำบุญถวายกังหันแล้ว ยังซื้อกังหันติดตัวกลับมาด้วยเพราะเชื่อว่าจะทำมาค้าขายรุ่งเรือง มีโชคดีติดตัวตามมา
สำหรับการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดแชกุงนั้น พี่ “มาลี ถามรางกุล” มัคคุเทศก์กิตติมศักดิ์มากประสบการณ์แห่งการท่องเที่ยวฮ่องกง ได้ให้คำแนะนำว่า การไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่หากอยากได้สิริมงคลสูงล้นตามความเชื่อของชาวฮ่องกง มีขั้นตอนการไหว้ดังนี้ เริ่มจากไหว้ขอพรรูปปั้นเทพแชกุงหรือแม่ทัพแชกุงที่เป็นเทพประธานก่อน จากนั้นต่อด้วยการไหว้เทพเต๋าโม (เต๋าโหม่ว)-เทพแห่งกาลเวลา และไหว้พระประจำปีนี้คือปีระกา (ปีไก่) แล้วปิดท้ายด้วยการไหว้พระประจำปีเกิด (ราศีเกิด) ของตัวเอง ซึ่งจากโถงบูชาหลักจะมีเส้นทางเดินนำไหว้พระต่างเหล่าๆนี้
เดินชิลๆ กันที่ “Tai Ping Shan Street” ถนนสุดฮิปแห่งใหม่ในย่าน Sheung Wan ที่นี่จะเต็มไปด้วยร้านกาแฟน่ารักๆ อาร์ทแกลอรี่ที่รวบรวมศิลปินมากมาย ร้านแฮงเอ้าท์ ที่ต่างพากันมานั่งหาแรงบันดาลใจ เป็นอีกที่ที่หากใครเป็นคนฮิปๆ ไม่ควรพลาด
จากนั้นเราเดินไปต่อกันอีกนิดที่ “วัดหมั่นโหม่” (วัดหมั่นโหม่ว)(Man Mo Temple) วัดเล็กๆ ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางตึกสูงตระหง่าน วัดหมั่นโหม่เป็น 1 ใน 24 วัดดังอันเก่าแก่ของฮ่องกง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2390 เพื่ออุทิศแด่เทพบู๊กับบุ๋น คือ เทพวรรณกรรม (หมั่น-บุ๋น) และเทพแห่งสงคราม (โหม่-บู๊) ภายในวัดซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพประธาน มีรูปปั้นของเทพทั้งสองตั้งอยู่เคียงคู่กัน พร้อมกับสัญลักษณ์รูปหล่อทองเหลืองมือจับพู่กันของเทพวรรณกรรมในฝ่ายบุ๋น และง้าวทองเหลืองของเทพสงครามในฝ่ายบู๊ ซึ่งเชื่อกันว่าเมื่อไปลูบที่ง้าวและมือจับพู่กันก็สมหวังในพรที่ขอไป
สำหรับวัดหมั่นโหม่นั้นมีความว่าเด่นในการขอพรด้านการศึกษา (บุ๋น) และด้านการค้าธุรกิจ การต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค และการทำงาน (บู๊) นอกจากนี้ที่ด้านข้างติดกับวัดหมั่นโหม่ก็ยังมีองค์เจ้าแม่กวนอิมศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะบูชากัน
เดินชมเกาะลัมมา แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติของฮ่องกง
ไหว้พระชื่นอกชื่นใจ เดินชมย่านกลางเมืองกันแล้ว ไปท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ "เกาะลัมมา" กันบ้าง (Lamma Island) เกาะลัมมาเป็นเกาะอีกแห่งหนึ่งในฮ่องกงที่มีการผสมผสานกันอย่างลงตัวตั้งแต่หมู่บ้านชาวจีนดั้งเดิมไปจนถึงชุมชนหลายวัฒนธรรมที่ดำรงชีพกันอย่างเรียบง่าย ที่รวมโลกตะวันตกและจีนเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างสร้างสรรค์ จึงทำให้ที่นี่มีบรรยากาศที่ทำให้ชาวฮ่องกงไม่ต้องเร่งรีบแข่งขันกับเวลา คนส่วนมากจะมาเที่ยวที่นี่แบบไปเช้าเย็นกลับ แต่ก็มีบางคนที่ตัดสินใจย้ายมาอยู่อย่างถาวร เกาะลัมมาถือว่าเป็นเกาะที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติรวมไปถึงเป็นเกาะที่มีชาวประมงอาศัยอยู่กันมากที่สุด
เราเดินทางมาเกาะลัมมาโดยการนั่งเรือเฟอร์รี่จากเกาะฮ่องกงเริ่มต้นกันที่ย่าน “Sok Kwu Wan” ถ้าพูดถึงย่านนี้ของขึ้นชื่อนอกจากอาหารทะเลแห้งที่เป็นของฝากแล้ว ร้านอาหารทะเลก็ถือเป็นของขึ้นชื่อที่ชาวฮ่องกงมาเที่ยวรับประทานเช่นกัน เพราะของสดใหม่เตรียมจัดรอให้ได้ทานกันอย่างเต็มที่หลากหลายเมนู เดินไปอีกนิดก็จะพบเจอ "ศาลเจ้า Tin Hua" ศาลเจ้าแห่งนี้ถือว่าเป็นศาลเจ้าที่ศรัทธาของชาวประมงในพื้นที่อย่างมาก ข้างหน้ามีสิงโตหินแบบจีนตั้งอยู่ ด้านในมีเทพเจ้า Tin Hau ให้ได้สักการะบูชา แต่สิ่งหนึ่งที่จัดแสดงโชว์อยู่ในศาลเจ้าแห่งนี้คือ ปลาที่มีลักษณะคล้ายกับพญานาค ที่มีชื่อว่า "ปลาออร์" (OarFish) ถูกแช่ดองเก็บไว้ด้านในให้ได้ชมกัน
เดินลัดเลาะไปตามทางบรรยากาศเย็นสบาย ก่อนจะเจอ “ถ้ำกามิกาเซ” (Kamikaze Grottos) ถ้ำแห่งนี้ เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่ง ที่เชื่อว่าเกิดจากทหารชาวญี่ปุ่นขุดขึ้นในสมัยที่ยกพลขึ้นบกมายึดเกาะฮ่องกงเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อซ่อนเรือกามิกาเซไว้โจมตีทหารอังกฤษ จากนั้นเดินไปเรื่อยๆ จะเห็นวิวมุมสูงของเกาะลัมมา นั่นคือจุดชมวิวศาลาพักผ่อนบนยอดเขา (Hiltop Pavillion) เป็นจุดนั่งพักยอดฮิตจากการเดินชมแหล่งธรรมชาติ และยังเป็นจุดที่มีทิวทัศน์อันสวยงามของเกาะลัมมาให้เห็นไกลสุดลูกหูลูกตา
เดินไปได้สักพักเราก็จะเห็นวิวมุมสูงของ “โรงไฟฟ้าเกาะลัมมา" (Lamma Power Station) โรงไฟฟ้าแห่งนี้สร้างขึ้นโดย บ.ฮ่องกง อิเลคทริค (The Hongkong Electric Company) เมื่อปี 2525 เป็นสถานีผลิตไฟฟ้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในฮ่องกง จากนั้นเดินไปไม่เท่าไรก็พบเจอ "ชายหาดห่งเซ็งเหย่" (Hung Shing Yeh) หาดทรายเม็ดขาว และน้ำทะเลที่ใสสะอาด เป็นจุดน่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างมาก ถึงแม้จะมีโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ข้างๆ แต่ก็ดูเหมือนไม่มีปัญหาทำลายสิ่งแวดล้อมเท่าไร เพราะยังมีนักท่องเที่ยวและชาวฮ่องกงแห่กันมาเล่นน้ำที่นี่มากมาย นอกจากนี้ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องการปิ้งบาร์บีคิวอีกด้วย
ก่อนที่เราจะเดินไปยังจุดสิ้นสุดของเส้นทางชมธรรมชาติของเกาะลัมมา ต้องผ่าน “ถนนหลัก Yung Shue Wan” เพื่อไปยังจุดขึ้นเรือเฟอร์รี่ Yung Shue Wan จากท่าเรือเพื่อกลับไปยังฝั่งเซ็นทรัล เกาะฮ่องกง ถนนหลัก Yung Shue Wan เป็นสถานที่สำคัญของเกาะลัมมา ซึ่งเป็นถนนที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม และอาหารหลากหลายชาติ ตั้งแต่อาหารท้องถิ่นไปจนถึงอาหารตะวันตก รวมทั้งอาหารไทย อีกทั้งยังมีร้านขายของที่รวบรวมของแปลก ต่างๆ มาขายกัน
จบเส้นทางเที่ยวธรรมชาติของฮ่องกงกันแล้ว ถึงเวลาเดินทางกันต่อ ที่ฮ่องกงได้มีเส้นทางเดินรถไฟใต้ดินเส้นทางใหม่ นั่นคือสถานีสีเขียวอ่อน (South Island Line) ที่เปิดการเดินทางสู่ทางใต้ของฮ่องกง โดยเรานั่งรถไฟจาก Admiralty Station เดินทางกันมาที่สถานี Wong Chuk Hang รอบๆ สถานีรถไฟแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านอาหารกาแฟน่ารักๆ และตึกการเรียนรู้ที่รวมทุกอย่างไว้เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย นอกจากนั้นไม่ไกลยังมีห้างเอาใจขาชอปอย่างห้าง "Horizon Plaza" ที่รวบรวมของแบรนด์เนมมากมาย ไว้จับจ่ายซื้อใช้กันอย่างจุใจ
ก่อนจะจบทริปฮ่องกงแบบประทับใจ เราเดินทางมาสักการะ "ศาลเจ้า Tin Hau" (Tin Hau Temple) ตั้งอยู่ที่ถนนอาเบอร์ดีน ที่นี่เป็นวัดเก่าแก่และสำคัญอีกวัดหนึ่งของฮ่องกง เพราะในสมัยก่อนฮ่องกงเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง ซึ่งเคารพนับถือเจ้าแม่ทับทิมว่าเป็นเทพีแห่งทะเล จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีวัดเจ้าแม่ทับทิมกระจายตัวอยู่หลายสิบวัด
ถือว่าทริปมาเยือนฮ่องกงคราวนี้เป็นทริปที่น่าประทับใจอีกแห่งหนึ่ง เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้สถานที่ท่องเที่ยวฮ่องกงแล้ว ยังเปิดมุมมองเรื่องราวต่างๆ ที่ยังไม่เคยรู้อีกด้วย เป็นการเปิดประสบการณ์ในการท่องเที่ยวฮ่องกงแบบใหม่ ที่ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่น่าสนใจรอทุกคนมาเยือนสักครั้ง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
หมายเหตุ : ชื่อเรียกสถานที่ต่างๆในภาษาไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์“การท่องเที่ยวฮ่องกง”(ภาษาไทย)
สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในฮ่องกง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.discoverhongkong.com/th
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com