ใกล้ถึงวันสำคัญในพระพุทธศาสนาอย่างวันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ในวันที่ 11 กุมพาพันธ์ 2560 ตรงกับวันหยุดพอดี ฉันเลยว่าจะไปทำบุญให้สบายกายสบายใจสักหน่อย โดยวัดที่ฉันจะไปเยือนนี้อยู่ไม่ใกล้ไกล และเป็นวัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในประเทศไทย นั่นคือ “วัดโพธิ์”
“วัดโพธิ์” หรือ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม” นั้น เป็นวัดที่ฉันได้มาเยือนอยู่บ่อยครั้ง โดยแต่ละครั้งที่มาก็จะมีสิ่งที่น่าสนใจแตกต่างกันไปทุกครั้ง อย่างในวันนี้ที่วัดโพธิ์เขามีหลายอย่างที่น่าสนใจ ก่อนที่ฉันจะรวบรวม “9 สิ่งมหัศจรรย์วัดโพธิ์” ซึ่งเป็นการดึงเอาสิ่งที่น่าสนใจ 9 อย่างมาทำเป็นเส้นทางให้นักท่องเที่ยวได้ชม
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) นั้นตั้งอยู่ที่ถนนสนามไชย ข้างพระบรมหาราชวัง เป็นวัดเก่าแก่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรม วัดนี้ถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดโพธิ์ใหม่ทั้งหมด และได้นำเอาตำราวิชาการด้านต่างๆ มาจารึกไว้โดยรอบ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน ถือได้ว่าวัดโพธิ์เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย
เริ่มจากมหัศจรรย์ที่ 1 “มหัศจรรย์พระไสยาส” พระพุทธไสยาสเป็นพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหู ประดิษฐานอยู่ในวิหารพระพุทธไสยาส พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปนอนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ คือมีขนาดความยาว 1 เส้น 3 วา หรือ 46 เมตร ความสูง 15 เมตร สร้างแบบก่ออิฐถือปูนแล้วลงรักปิดทองจนทั่วทั้งองค์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 เป็นผู้โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเมื่อครั้งปฏิสังขรณ์วัดครั้งใหญ่ ซึ่งพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขนาดนี้จึงต้องสร้างองค์พระพุทธรูปขึ้นก่อน แล้วจึงสร้างวิหารครอบองค์พระทีหลัง
หลังจากจะได้ตื่นตะลึงกับความใหญ่โตอลังการของพระพุทธไสยาสแล้ว ก็อย่าลืมเดินมาที่พระบาทของพระพุทธรูปเพื่อชมการประดับมุกเป็นภาพมงคล 108 ประการบนฝ่าพระบาทแต่ละข้าง โดยการประดับลวดลาย 108 ประการไว้ที่ฝ่าเท้าของพระพุทธไสยาสน์นั้น เป็นไปตามคติอินเดียโบราณที่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งคือฝ่าพระบาทมีลายมงคล 108 ประการ ได้แก่ ปราสาท หอยสังข์ ช้างแก้ว นก หงส์ ภูเขา เมฆ ฯลฯ ตรงกลางเป็นรูปกงจักร แสดงถึงพระบุญญาบารมีอันแรงกล้า
มหัศจรรย์ที่ 2 คือ “มหัศจรรย์ตำราเวชเชตุพน” ที่บริเวณศาลาจารึกตำรานวดแผนโบราณ ใกล้กับเจดีย์ 4 รัชกาล ในศาลาหลังนี้มีศิลาจารึกเกี่ยวกับการรักษาโรค มีภาพจิตรกรรมลายเส้นบอกตำแหน่งต่างๆของอวัยวะในร่างกาย และจุดต่างๆ สำหรับการนวด โดยการนวดไทยที่วัดโพธิ์นั้นก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจุดกำเนิดของการนวดนั้นก็อยู่ตรงนี้เอง
มาต่อกันที่มหัศจรรย์ที่ 3 “มหัศจรรย์มหาเจดีย์สี่รัชกาล” วัดโพธิ์ได้ชื่อว่าเป็นวัดแห่งเจดีย์ เพราะมีเจดีย์มากถึง 99 องค์ โดยเจดีย์องค์ใหญ่และโดดเด่นที่สุดในวัดก็คือมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ 4 องค์ด้วยกัน ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1-4 สำหรับพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1 นั้นเป็นเจดีย์กระเบื้องเคลือบสีเขียว มีนามว่า “พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ” พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 2 เป็นเจดีย์กระเบื้องเคลือบสีขาว นามว่า “มหาพระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน”
พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 3 เป็นเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง นามว่า “พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร” และพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 4 ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีขาบหรือน้ำเงินเข้ม มีนามว่า “พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย”
ที่วัดโพธิ์นี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับตำนานสงกรานต์อีกด้วย โดยมหัศจรรย์ที่ 4 “มหัศจรรย์ต้นตำนานสงกรานต์ไทย” ที่มีคติความเชื่อเกี่ยวกับตำนานนางสงกรานต์ ที่เกี่ยวข้องกับท้าวกบิลพรหมและธรรมบาลกุมาร จนเป็นที่มาของนางสงกรานต์ทั้งเจ็ด โดยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯให้จารึกเรื่องราวเหล่านี้ลงในแผ่นศิลาติดไว้ในวิหารที่อยู่ระหว่างพระมณฑปและพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล แต่ปัจจุบันศิลาจารึกเหล่านั้นไม่มีให้เห็นแล้ว ตำนานนางสงกรานต์ที่จะได้ชมกันในวันนี้จึงอยู่ในรูปของสื่อมัลติมีเดียแทนซึ่งก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบหนึ่ง
เดินผ่านพระมณฑปมาชม “มหัศจรรย์มรดกโลกวัดโพธิ์” ในวันที่ 31 มีนาคม 2551 จารึกวัดโพธิ์ จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองให้เป็น "มรดกแห่งความทรงจำแห่งโลก (Memory of the World)" จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ องค์การยูเนสโก (UNESCO) ความดีความชอบอันนี้ต้องถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เพราะพระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ให้วัดโพธิ์เป็นแหล่งความรู้ของมหาชนโดยไม่เลือกชนชั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมและเลือกสรรตำรับตำราวิชาความรู้ต่างๆ มาจารึกไว้บนแเผ่นศิลา และประดับไว้ในบริเวณวัดโพธิ์แห่งนี้ ทำให้คนทุกชนชั้นสามารถมาหาความรู้จากวัดโพธิ์ได้ทั่วถึงกัน โดยศิลาจารึกบางหมวด เช่น จารึกนิทาน 12 เหลี่ยม และโคลงโลกนิติ ก็จารึกไว้ที่บริเวณศาลาทิศที่ล้อมพระมณฑป ที่ปัจจุบันศาลาเหล่านี้ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์เก็บของมีค่าของวัดไว้นั่นเอง
มหัศจรรย์ต่อมาคือ “มหัศจรรย์ตำนานยักษ์วัดโพธิ์” ที่คนชอบเข้าใจผิดว่าตุ๊กตาหินจีนตัวโตที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้าต่างๆ นั้นคือยักษ์วัดโพธิ์ แต่ยักษ์วัดโพธิ์จริงๆแล้วนั้นมีอยู่สองตน ยืนเฝ้าซุ้มประตูทางเข้ามณฑปอยู่เงียบๆ แต่แม้จะยืนเงียบๆอย่างนี้แต่หลายคนก็คงเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับท่าเตียนที่ว่ายักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งมาตีกันจนทำให้พื้นที่บริเวณนั้นถูกทำลายจนราบเรียบจนเรียกกันว่าท่าเตียนมาจนปัจจุบัน
มีคำถามถามกันบ่อยๆ ว่า ยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งวัดไหนดุกว่ากัน ฉันขอตอบฟันธงขาดเลยว่ายักษ์วัดโพธิ์ดุกว่าแน่ๆ เพราะแม้จะมีขนาดเล็กกว่ายักษ์วัดแจ้งหลายเท่า แต่ก็คงต้องมีฤทธิ์ก็มากเสียจนต้องให้อยู่ในตู้กระจกหน้าพระมณฑป ไม่อย่างนั้นอาจจะมาแผลงฤทธิ์ตีกันอีกก็เป็นได้
มาถึงมหัศจรรย์ที่ 7 “มหัศจรรย์ผ่านภพรัตนโกสินทร์” อันนี้ถือว่าเป็นอันซีนโดยแท้ ชมพระอุโบสถหลังเก่าของวัดโพธาราม ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ภายหลังการสถาปนาพระอุโบสถหลังใหม่ของวัดพระเชตุพนแล้ว พระอุโบสถหลังนี้จึงลดฐานะลงเป็นเพียงศาลาการเปรียญอย่างในปัจจุบัน
ภายในพระอุโบสถหลังเก่านี้มี “พระพุทธศาสดา” ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ภายใน ซึ่งก็เป็นพระพุทธรูปองค์ดั้งเดิมตั้งแต่สมัยอยุธยาด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีบุษบกเก่าแก่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับวัดตั้งอยู่เบื้องหน้าพระประธานอีกด้วย
คราวนี้ไปไหว้พระกันที่พระอุโบสถกันบ้าง “มหัศจรรย์วิจิตรพระพุทธเทวปฏิมากร” พระพุทธรูปประธานภายในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ซึ่งรัชกาลที่ 1 ทรงอัญเชิญมาจากวัดศาลาสี่หน้าหรือวัดคูหาสวรรค์ พระพุทธเทวปฏิมากรนี้เป็นพระพุทธรูปโบราณมีพระลักษณะอันงามยากที่จะหาพระพุทธรูปอื่นมาเปรียบได้ ดูจากชื่อก็คงพอทราบแล้วว่างดงามราวกับเทวดามาสร้างไว้ ส่วนใครเป็นผู้สร้างและได้สร้างขึ้นเมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐานให้ทราบ
คราวนี้ก็มาถึงมหัศจรรย์สุดท้ายกันแล้ว ที่ “มหัศจรรย์ต้นตำรับนวดแผนไทย” ที่รัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้รวบรวมการแพทย์แผนโบราณและศิลปะวิทยาการครั้งกรุงศรีอยุธยาไว้ อีกทั้งทรงพระราชดำรินำเอาท่าดัดตนอันเป็นการพักผ่อนอิริยาบถแก้เมื่อยตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และประยุกต์กับคติไทยที่ยกย่องฤษีเป็นครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาการต่างๆ เป็นรูปฤาษีดัดตน แสดงท่าไว้ที่วัดเพื่อให้ราษฎรทั่วไปได้ศึกษาเล่าเรียนและรักษาโรคได้อย่างกว้างขวาง
นี่เป็นเพียง 9 สิ่งมหัศจรรย์วัดโพธิ์เท่านั้น ยังมีอื่นๆ มากมายในวัดที่น่าสนใจ หากใครไม่เคยมาเที่ยววัดโพธิ์ ต้องลองมาดูสักครั้ง เพราะที่แห่งนี้ถือว่าเป็นวัดที่มีเรื่องราว ประวัติศาสตร์ และสิ่งของที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าที่แท้จริง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
วัดโพธิ์ ตั้งอยู่ริมถนนสนามไชยและถนนมหาราช ติดกับพระบรมมหาราชวัง เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00 -18.30 น. ชาวต่างชาติจะต้องซื้อบัตรเข้าชมคนละ 100 บาท
สำหรับนักท่องเที่ยวต้องแต่งกายสุภาพ สุภาพสตรีห้ามสวมกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเข้าเยี่ยมชม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com