โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
ขอร่วมไว้อาลัย และแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ “รศ.วราพร สุรวดี” หลัง รศ.วราพร ประสบอุบัติเหตุตกจากชั้น 2 และได้พักรักษาที่สถาบันประสาทวิทยา ก่อนจะเสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2560 ที่ผ่านมา
รศ.วราพร สุรวดี เป็นประธานกรรมการมูลนิธิอินสาท-สอาง ผู้ก่อตั้ง“พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก” ย่านบางรัก และผู้ดูแลสนับสนุนกิจการด้านต่างๆของพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ดี พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกเคยประสบปัญหาจากการความล้มเหลวของภาครัฐ เนื่องจากที่ดินด้านข้างพิพิธภัณฑ์ที่กำลังจะดำเนินการก่อสร้างตึกสูง 8 ชั้น ให้เป็นสถานที่ทำการค้าและที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบพิพิธภัณฑ์ถูกบดบังทัศนียภาพและเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของตัวอาคารอันเก่าแก่ รศ.วราพร จึงเป็นผู้ดำเนินการต่อสู้เปิดรับบริจาคเงินจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งใช้ระยะเวลาที่เปิดรับบริจาคไม่ถึง 2 เดือน ยอดเงินบริจาคจากทุกช่องทางที่ประชาชนต่างร่วมบริจาคกันเข้ามาช่วย อ.วราพร ก็ทะลุเป้าหมายหมายที่วางไว้อย่างรวดเร็ว
วันนี้แม้ รศ.วราพร จะจากไป แต่พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก ที่ท่านอาจารย์ก่อตั้ง ยังดำรงคงอยู่
“พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก” หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า “พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก” ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 43 ย่านบางรัก กทม.
“พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก” เป็นที่อยู่อาศัยของอาจารย์วราพร สุรวดี ที่ได้อุทิศบ้านและที่ดินทั้งหมดนี้ให้เป็นประโยชน์แก่คนที่เข้ามาเยี่ยมชมและเรียนรู้อดีตวิถีชีวิตของคนกรุงสมัยก่อน ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ร่มเย็นไปด้วยต้นไม้ เมื่อเดินเข้ามาก็สัมผัสถึงความแตกต่างได้ในทันที
แม้ย่านบางรักจะเต็มไปด้วยตึกอาคารสูงหลายชั้น แต่ที่นี่ถือว่าเป็นพื้นที่สีเขียวที่ยังมีชีวิต ที่หาสัมผัสได้ยากจากข้างนอก โดยที่นี่เปิดให้เข้าชมกันได้ฟรีๆ และยังมีเจ้าหน้าที่มาคอยต้อนรับ เล่าเรื่องราวประวัติของบ้านและพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ รวมถึงนำชมส่วนต่างๆ พร้อมเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสนุกๆ ให้ฟังอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีลักษณะเป็นบ้านพักอาศัยที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของชาวบางกอกที่มีฐานะปานกลาง ในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ประมาณ พ.ศ.2480-2500) ซึ่งจะแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 อาคาร
เริ่มจากอาคารหลังแรกที่อยู่ด้านหน้าสุด เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น สถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากตะวันตก หลังคาทรงปั้นหยามุงกระเบื้องว่าวสีแดง เพราะว่าที่นี่เป็นเรือนเดิมที่ครอบครัวสุรวดีเคยอาศัยอยู่ เป็นเรือนไม้สักสองชั้น ภายในจะเก็บข้าวของเครื่องใช้ในอดีตของชาวบางกอกที่ได้เก็บรักษาไว้อย่างดีให้ได้ชม มีทั้งตู้จัดแสดงชุดรับประทานอาหารเย็นแบบยุโรป ภาชนะเครื่องเคลือบลายครามแบบจีน เครื่องประดับแบบเครื่องถมและเครื่องเงิน รวมไปถึงห้องต่างๆ ก็เต็มไปด้วยเครื่องเรือนเครื่องใช้ในสมัยนั้น
ที่น่าสนใจก็อย่างเช่น เปียโนงาช้าง ที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขก ซึ่งในสมัยก่อนมีความเชื่อกันว่า ใครที่เจ็บไข้ได้ป่วยให้มานั่งเล่นเปียโนงาช้างแบบนี้ เพราะเปียโนงาช้างจะสามารถดูดพิษไข้ได้ และที่ใต้บันไดติดกับห้องนอน ก็จะเป็นห้องน้ำ มองเข้าไปแล้วก็เหมือนกับโถส้วมธรรมดา แต่ถ้าพิจารณาดีๆ จะเห็นว่ามีลักษณะเป็นกระโถนที่รองอยู่ด้านล่าง เป็นโถส้วมที่ใช้สมัยที่ยังไม่มีน้ำประปาและส้วมชักโครก เมื่อถ่ายแล้วก็จะมีคนนำกระโถนที่รองอยู่ด้านล่างไปเททิ้ง ทำความสะอาด และนำมาใช้ใหม่ได้
ส่วนที่ชั้นสองของอาคารหลังแรกจะมีห้องนอนใหญ่ ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว โต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งเป็นไฮไลต์ของชั้นบนนี้ เพราะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งศิลปะแบบเดโค คือ มีกระจกประดับทั้ง 3 ด้าน สามารถมองได้ทั้งด้านหน้า-ซ้าย-ขวา ในคราวเดียวกัน
จากอาคารหลังแรก ก็เดินลัดเลาะใต้ต้นไม้มาถึงอาคารหลังที่ 2 ซึ่งเดิมนั้นบ้านหลังนี้ปลูกอยู่ที่ทุ่งมหาเมฆ จุดประสงค์ที่สร้างบ้านหลังนี้ คือ เพื่อใช้ชั้นล่างเป็นคลินิกของ คุณหมอฟรานซิส คริสเตียน ชาวอินเดีย ซึ่งเป็นสามีคนแรกของคุณแม่ของ อ.วราพร ท่านจบการศึกษาทางด้านศัลยแพทย์ จากอังกฤษ แต่ครั้นบ้านหลังนี้สร้างเสร็จยังไม่ทันเข้าอยู่ คุณหมอฟรานซิส ก็ล้มป่วยลง และเสียชีวิต บ้านหลังนี้จึงไม่ได้ใช้เอง คุณแม่ของ อ.วราพร ให้คนเช่าเรื่อยมา จนยกที่ดินนี้ให้แก่ อ.วราพร ในที่สุด
ครั้นเมื่อจะทำพิพิธภัณฑ์นั้นขาดเงินที่จะนำมาปรับปรุง จึงขายที่ดินและขอเอาบ้านไว้ และได้รื้อบ้านที่ทุ่งมหาเมฆ มาจัดสร้างไว้ที่นี่ โดยมีขนาดย่อส่วนลงตามพื้นที่ที่มีจำกัด ตกแต่งบ้านด้วยสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆของคุณหมอ ฟรานซิสคริสเตียน เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับคุณหมอผู้ล่วงลับไปแล้ว นอกจากนี้โถงล่างของบ้านจัดแสดงผลงานศิลปะต่างๆ รวมถึงแบบแปลนของอาคารหลังนี้ ส่วนที่ชั้นบนจัดเป็นห้องนอนและห้องทำงาน ซึ่งเก็บรวบรวมของใช้เก่าๆ รวมถึงเครื่องมือแพทย์ในสมัยนั้นให้เราได้ชมกัน
มาที่อาคารหลังที่ 3 อาคารหลังนี้จัดแสดงเป็นนิทรรศการ โดยชั้นล่างแสดงสิ่งของเครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตประจำวันของชาวบางกอกในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ในครัว หม้อ กระทะ ตู้เย็น ฯลฯ ที่ใกล้ๆ กันนั้นก็มีการจัดโต๊ะอาหารของคนไทย คนจีน และชาวตะวันตก
นอกจากนี้ยังมีถ้วยชาม เครื่องมือช่าง ของเล่นเด็ก อุปกรณ์เย็บปักถักร้อย และยังมีของที่ระลึกจากสินค้าต่างๆ ในสมัยก่อน ที่บางชิ้นฉันก็เคยเห็นมาบ้างแล้ว
ส่วนที่ชั้นสอง จัดแสดงเป็นนิทรรศการต่างๆ ในหัวข้อพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นในเขตบางรัก ซึ่งบริหารจัดการโดยกทม. มีการจัดแสดงนิทรรศการภาพรวมของกรุงเทพฯ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ประวัติความเป็นมาของชื่อ บางกอก ประวัติความเป็นมาของเขตบางรัก
เดินเล่นเดินชมอยู่ในพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกอยู่หลายชั่วโมง ฉันได้รับทั้งความเพลิดเพลินใจ และความรู้ต่างๆ มากมาย ที่สำคัญยังได้มองเห็นภาพว่าคนในยุคก่อนเขาใช้ชีวิตกันอย่างไรบ้าง เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ที่เรามีกันอยู่ทุกวันนี้ก็ล้วนแต่พัฒนามาจากของใช้ของคนในสมัยก่อนทั้งนั้น
และนี่ก็คือเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก มรดกอันทรงคุณค่าจาก “รศ.วราพร สุรวดี” ผู้ล่วงลับ ที่หลงเหลือไว้ให้กับอนุชนคนรุ่นหลังได้ท่องเที่ยวเรียนรู้ ในสถานที่ที่จะพาเราย้อนเวลาไปสัมผัสกับกลิ่นอายอดีตอันทรงเสน่ห์ที่น่าสนใจยิ่ง
******************************************
“พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก” หรือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก ตั้งอยู่ที่ 273 ซอยเจริญกรุง 43 ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก กทม. เปิดทำการวันพุธ-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์-อังคาร) เวลา 08.00-16.00 น. เปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากเดินทางจากถนนเจริญกรุง ให้เลี้ยวเข้าซอยเจริญกรุง 43 ไปประมาณ 300 เมตร จะเห็นพิพิธภัณฑ์ฯ ตั้งอยู่ทางขวามือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2233-7027
ขอร่วมไว้อาลัย และแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ “รศ.วราพร สุรวดี” หลัง รศ.วราพร ประสบอุบัติเหตุตกจากชั้น 2 และได้พักรักษาที่สถาบันประสาทวิทยา ก่อนจะเสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2560 ที่ผ่านมา
รศ.วราพร สุรวดี เป็นประธานกรรมการมูลนิธิอินสาท-สอาง ผู้ก่อตั้ง“พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก” ย่านบางรัก และผู้ดูแลสนับสนุนกิจการด้านต่างๆของพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ดี พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกเคยประสบปัญหาจากการความล้มเหลวของภาครัฐ เนื่องจากที่ดินด้านข้างพิพิธภัณฑ์ที่กำลังจะดำเนินการก่อสร้างตึกสูง 8 ชั้น ให้เป็นสถานที่ทำการค้าและที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบพิพิธภัณฑ์ถูกบดบังทัศนียภาพและเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของตัวอาคารอันเก่าแก่ รศ.วราพร จึงเป็นผู้ดำเนินการต่อสู้เปิดรับบริจาคเงินจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งใช้ระยะเวลาที่เปิดรับบริจาคไม่ถึง 2 เดือน ยอดเงินบริจาคจากทุกช่องทางที่ประชาชนต่างร่วมบริจาคกันเข้ามาช่วย อ.วราพร ก็ทะลุเป้าหมายหมายที่วางไว้อย่างรวดเร็ว
วันนี้แม้ รศ.วราพร จะจากไป แต่พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก ที่ท่านอาจารย์ก่อตั้ง ยังดำรงคงอยู่
“พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก” หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า “พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก” ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 43 ย่านบางรัก กทม.
“พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก” เป็นที่อยู่อาศัยของอาจารย์วราพร สุรวดี ที่ได้อุทิศบ้านและที่ดินทั้งหมดนี้ให้เป็นประโยชน์แก่คนที่เข้ามาเยี่ยมชมและเรียนรู้อดีตวิถีชีวิตของคนกรุงสมัยก่อน ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ร่มเย็นไปด้วยต้นไม้ เมื่อเดินเข้ามาก็สัมผัสถึงความแตกต่างได้ในทันที
แม้ย่านบางรักจะเต็มไปด้วยตึกอาคารสูงหลายชั้น แต่ที่นี่ถือว่าเป็นพื้นที่สีเขียวที่ยังมีชีวิต ที่หาสัมผัสได้ยากจากข้างนอก โดยที่นี่เปิดให้เข้าชมกันได้ฟรีๆ และยังมีเจ้าหน้าที่มาคอยต้อนรับ เล่าเรื่องราวประวัติของบ้านและพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ รวมถึงนำชมส่วนต่างๆ พร้อมเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสนุกๆ ให้ฟังอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีลักษณะเป็นบ้านพักอาศัยที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของชาวบางกอกที่มีฐานะปานกลาง ในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ประมาณ พ.ศ.2480-2500) ซึ่งจะแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 อาคาร
เริ่มจากอาคารหลังแรกที่อยู่ด้านหน้าสุด เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น สถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากตะวันตก หลังคาทรงปั้นหยามุงกระเบื้องว่าวสีแดง เพราะว่าที่นี่เป็นเรือนเดิมที่ครอบครัวสุรวดีเคยอาศัยอยู่ เป็นเรือนไม้สักสองชั้น ภายในจะเก็บข้าวของเครื่องใช้ในอดีตของชาวบางกอกที่ได้เก็บรักษาไว้อย่างดีให้ได้ชม มีทั้งตู้จัดแสดงชุดรับประทานอาหารเย็นแบบยุโรป ภาชนะเครื่องเคลือบลายครามแบบจีน เครื่องประดับแบบเครื่องถมและเครื่องเงิน รวมไปถึงห้องต่างๆ ก็เต็มไปด้วยเครื่องเรือนเครื่องใช้ในสมัยนั้น
ที่น่าสนใจก็อย่างเช่น เปียโนงาช้าง ที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขก ซึ่งในสมัยก่อนมีความเชื่อกันว่า ใครที่เจ็บไข้ได้ป่วยให้มานั่งเล่นเปียโนงาช้างแบบนี้ เพราะเปียโนงาช้างจะสามารถดูดพิษไข้ได้ และที่ใต้บันไดติดกับห้องนอน ก็จะเป็นห้องน้ำ มองเข้าไปแล้วก็เหมือนกับโถส้วมธรรมดา แต่ถ้าพิจารณาดีๆ จะเห็นว่ามีลักษณะเป็นกระโถนที่รองอยู่ด้านล่าง เป็นโถส้วมที่ใช้สมัยที่ยังไม่มีน้ำประปาและส้วมชักโครก เมื่อถ่ายแล้วก็จะมีคนนำกระโถนที่รองอยู่ด้านล่างไปเททิ้ง ทำความสะอาด และนำมาใช้ใหม่ได้
ส่วนที่ชั้นสองของอาคารหลังแรกจะมีห้องนอนใหญ่ ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว โต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งเป็นไฮไลต์ของชั้นบนนี้ เพราะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งศิลปะแบบเดโค คือ มีกระจกประดับทั้ง 3 ด้าน สามารถมองได้ทั้งด้านหน้า-ซ้าย-ขวา ในคราวเดียวกัน
จากอาคารหลังแรก ก็เดินลัดเลาะใต้ต้นไม้มาถึงอาคารหลังที่ 2 ซึ่งเดิมนั้นบ้านหลังนี้ปลูกอยู่ที่ทุ่งมหาเมฆ จุดประสงค์ที่สร้างบ้านหลังนี้ คือ เพื่อใช้ชั้นล่างเป็นคลินิกของ คุณหมอฟรานซิส คริสเตียน ชาวอินเดีย ซึ่งเป็นสามีคนแรกของคุณแม่ของ อ.วราพร ท่านจบการศึกษาทางด้านศัลยแพทย์ จากอังกฤษ แต่ครั้นบ้านหลังนี้สร้างเสร็จยังไม่ทันเข้าอยู่ คุณหมอฟรานซิส ก็ล้มป่วยลง และเสียชีวิต บ้านหลังนี้จึงไม่ได้ใช้เอง คุณแม่ของ อ.วราพร ให้คนเช่าเรื่อยมา จนยกที่ดินนี้ให้แก่ อ.วราพร ในที่สุด
ครั้นเมื่อจะทำพิพิธภัณฑ์นั้นขาดเงินที่จะนำมาปรับปรุง จึงขายที่ดินและขอเอาบ้านไว้ และได้รื้อบ้านที่ทุ่งมหาเมฆ มาจัดสร้างไว้ที่นี่ โดยมีขนาดย่อส่วนลงตามพื้นที่ที่มีจำกัด ตกแต่งบ้านด้วยสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆของคุณหมอ ฟรานซิสคริสเตียน เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับคุณหมอผู้ล่วงลับไปแล้ว นอกจากนี้โถงล่างของบ้านจัดแสดงผลงานศิลปะต่างๆ รวมถึงแบบแปลนของอาคารหลังนี้ ส่วนที่ชั้นบนจัดเป็นห้องนอนและห้องทำงาน ซึ่งเก็บรวบรวมของใช้เก่าๆ รวมถึงเครื่องมือแพทย์ในสมัยนั้นให้เราได้ชมกัน
มาที่อาคารหลังที่ 3 อาคารหลังนี้จัดแสดงเป็นนิทรรศการ โดยชั้นล่างแสดงสิ่งของเครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตประจำวันของชาวบางกอกในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ในครัว หม้อ กระทะ ตู้เย็น ฯลฯ ที่ใกล้ๆ กันนั้นก็มีการจัดโต๊ะอาหารของคนไทย คนจีน และชาวตะวันตก
นอกจากนี้ยังมีถ้วยชาม เครื่องมือช่าง ของเล่นเด็ก อุปกรณ์เย็บปักถักร้อย และยังมีของที่ระลึกจากสินค้าต่างๆ ในสมัยก่อน ที่บางชิ้นฉันก็เคยเห็นมาบ้างแล้ว
ส่วนที่ชั้นสอง จัดแสดงเป็นนิทรรศการต่างๆ ในหัวข้อพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นในเขตบางรัก ซึ่งบริหารจัดการโดยกทม. มีการจัดแสดงนิทรรศการภาพรวมของกรุงเทพฯ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ประวัติความเป็นมาของชื่อ บางกอก ประวัติความเป็นมาของเขตบางรัก
เดินเล่นเดินชมอยู่ในพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกอยู่หลายชั่วโมง ฉันได้รับทั้งความเพลิดเพลินใจ และความรู้ต่างๆ มากมาย ที่สำคัญยังได้มองเห็นภาพว่าคนในยุคก่อนเขาใช้ชีวิตกันอย่างไรบ้าง เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ที่เรามีกันอยู่ทุกวันนี้ก็ล้วนแต่พัฒนามาจากของใช้ของคนในสมัยก่อนทั้งนั้น
และนี่ก็คือเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก มรดกอันทรงคุณค่าจาก “รศ.วราพร สุรวดี” ผู้ล่วงลับ ที่หลงเหลือไว้ให้กับอนุชนคนรุ่นหลังได้ท่องเที่ยวเรียนรู้ ในสถานที่ที่จะพาเราย้อนเวลาไปสัมผัสกับกลิ่นอายอดีตอันทรงเสน่ห์ที่น่าสนใจยิ่ง
******************************************
“พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก” หรือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก ตั้งอยู่ที่ 273 ซอยเจริญกรุง 43 ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก กทม. เปิดทำการวันพุธ-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์-อังคาร) เวลา 08.00-16.00 น. เปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากเดินทางจากถนนเจริญกรุง ให้เลี้ยวเข้าซอยเจริญกรุง 43 ไปประมาณ 300 เมตร จะเห็นพิพิธภัณฑ์ฯ ตั้งอยู่ทางขวามือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2233-7027