เมื่อนึกถึงแหล่งปลูกต้น “นางพญาเสือโคร่ง” หรือที่หลายคนนิยมเรียกว่า “ซากุระเมืองไทย” ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก็ต้องเป็นที่ “ภูลมโล” ในพื้นที่ ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่ในตอนนี้กำลังเบ่งบานเป็นสีชมพูหวานไปทั่วทั้งบริเวณ
“ภูลมโล” เป็นภาษาถิ่น หมายถึง ภูที่มีลมพัดผ่านมาก (โล: ภาษาถิ่น หมายถึง มาก หรือ เยอะ) ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งหากย้อนไปในอดีตในปี 2511-2525 พื้นที่ภูลมโลเคยเป็นพื้นที่สีแดง เพราะเป็นสมรภูมิรบระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่มีความคิดต่างกัน
ต่อมาเมื่อเหตุการณ์สงบชาวม้งได้เข้ามาครอบครองพื้นที่ หักล้างถางพงทำไร่เลื่อนลอย ปลูกพืชผักต่างๆ อาทิ กะหล่ำปลี ขิง ข้าวโพด ถั่ว จนภูลมโลกลายเป็นเขาหัวโล้น
ต่อมาในปี 2527 ได้มีการประกาศให้พื้นที่ภูลมโลและพื้นที่ใกล้เคียงเป็น “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” ซึ่งครอบคลุมพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด คือ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ อ.ด่านซ้าย จ.เลย และอ.นครไทย จ.พิษณุโลก
และทำการขอพื้นที่คืน โดยตกลงกันให้ชาวม้งปลูกพืชไร่ควบคู่ไปกับต้นพญาเสือโคร่ง ซึ่งเป็นไม้ในวงศ์เดียวกับต้นซากุระของประเทศญี่ปุ่น ยามออกดอกเบ่งบานจะมีสีชมพูสวยงามดูคล้ายดอกซากุระที่ญี่ปุ่น เป็นระยะเวลา 3 ปี ก่อนออกจากพื้นที่
ทำให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “ภูลมโล” กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในฐานะ “ทุ่งนางพญาเสือโคร่ง” หรือ "ซากุระเมืองไทย" ขณะที่ชื่อภาษาถิ่นจะเรียกว่า “ซากุระดอย” ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ และมีต้นนางพญาเสือโคร่งนับ 300,000 ต้นเลยทีเดียว
สำหรับฤดูหนาวนี้ ดอกนางพญาเสือโคร่งในที่ภูลมโลได้บานอย่างเต็มที่แล้ว และคาดว่าจะบานไปจนถึงราวๆ กลางเดือนกุมภาพันธ์ และเนื่องจากที่ภูลมโลมีการปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งไว้เป็นแปลงๆ ดอกไม้จึงทยอยบานให้ชมไล่กันไป โดยมี 3 แปลงหลักๆ ได้แก่ “แปลงภูลมโล” โดยเฉพาะบริเวณที่เรียกว่า คอกวัว เพราะมีคอกวัวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้อยู่บริเวณนั้น จะมองเห็นดอกนางพญาเสือโคร่งได้อย่างงดงามทั่วเนินเขา
“แปลงก้อนหินใหญ่” ที่มีทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งให้ชมกันควบคู่ไปกับก้อนหินใหญ่ 2 จุดเป็นพร็อพถ่ายรูปที่มีคนแวะเวียนไปโพสต์ท่าถ่ายรูปคู่กันระหว่างก้อนหินกับฉากสีชมพูของทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งกันไม่ได้ขาด
และ “แปลงภูขี้เถ้า” ซึ่งส่วนใหญ่แล้วดอกนางพญาเสือโคร่งที่แปลงที่ภูขี้เถ้าจะบานทีหลังสุด โดยภูขี้เถ้าจะอยู่ห่างจากยอดภูลมโลไปประมาณ 4 กม. มีแปลงดอกนางพญาเสือโคร่งให้ชมกันมากถึง 3-4 แปลงติดๆ กัน แถมมีมุมมากมายให้เลือกชมเลือกถ่ายรูป ไม่ว่าจะเป็นมุมบนยอดเขาที่มองลงไปเห็นทุ่งสีชมพูในเบื้องล่าง มุมที่มองย้อนขึ้นมาเห็นทุ่งพราวชมพูออกดอกสะพรั่งตามไหล่เขา หรือในทุ่งดอกสีชมพูที่บานเด่นอยู่ในดงเฟิร์นสีเขียวก็สวยทุกมุม
อีกทั้งใกล้เคียงยังมีจุดชมวิวยอดภูลมโล ที่ระดับความสูง 1,661 เมตร โดยจะต้องเดินเท้าจากลานจอดรถขึ้นไปสู่ยอดเขาไปในระยะทางประมาณ 1 กม. บริเวณจุดชมวิวมีลักษณะเป็นแท่นหินเล็กๆ ยื่นล้ำเข้าไปในหน้าผา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางม่านฉากแห่งขุนเขาได้อย่างสวยงาม
อย่างไรก็ดีในปี 2559 ที่ผ่านมานี้ ทางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวนำรถส่วนตัวขับขึ้นไปด้านบนรวมถึงขึ้นไปนอนกางเต็นท์ค้างคืนบนยอดภูลมโลด้วย ดังนั้น อช.ภูหินร่องกล้าและชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. ได้ร่วมกันบริหารจัดการการท่องเที่ยวบนภูลมโล เป็นการรักษาสภาพแวดล้อมคืนความสดใสให้กับภูลมโล เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมถึงให้ชุมชนเกิดรายได้และเห็นคุณค่าของทรัพยากรต่างๆ ของพื้นที่ตนเอง
โดยมีบริการรถกระบะโฟร์วิลนำเที่ยวของชุมชน ซึ่งสามารถขึ้นได้ทั้งที่บ้านกกสะทอน จ.เลย มีระยะทางประมาณ 19 กม. และที่บ้านร่องกล้า จ.พิษณุโลก มีระยะทางประมาณ 9 กม. แม้เส้นทางการขึ้นภูลมโลจากทาง จ.เลย จะมีระยะไกลกว่าและยากลำบากกว่ามาก แต่กลับได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
โดยเส้นทางขึ้นภูลมโลทางฝั่งเลย สามารถนำรถมาจอดไว้ที่ อบต.กกสะทอน และขึ้นรถโดยสารชุมชนต่อที่นี่ คิดค่าบริการเหมารถคันละ 1,500 บาท สำหรับ 1-6 คน และคันละ 2,000 บาท สำหรับ 7-10 คน (ราคา ณ เดือนมกราคม 2560)
ทางชุมชนกกสะทอนยังมีบริการที่พักแบบโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย อาทิ บ้านสวนของพ่อโฮมสเตย์ บ้านไร่ลมโล ฯลฯ ซึ่งจะได้ซึบซับวิถีชีวิตของชาวบ้านอย่างเต็มที่ เช่น การนั่งล้อมวงแบบพร้อมหน้าพร้อมตากินอาหารพื้นบ้าน 3-4 อย่าง
วัตถุดิบต่างๆ ที่นำมาประกอบอาหารจะหาได้จากในพื้นที่ ทั้งน้ำพริกผักสะทอน ต้มแซ่บไก่บ้านแบบบ้านๆ ส้มตำน้ำผักสะทอน หรือกิจกรรมนั่งรอบกองไฟ กินมันเผาแบบสดๆ ดื่มน้ำขิงร้อนๆ ก่อนเข้านอน แล้วตื่นแต่เช้าไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดภูลมโล
นอกจากนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น ชมความงามของใบเมเปิ้ลแดงที่ โรงเรียนการเมืองการทหาร อช. ภูหินร่องกล้า, ชมทุ่งดอกกระดาษ บริเวณหน้าผา ภายในโครงการพระราชดำริภูหินร่องกล้าฯ, นมัสการพระธาตุศรีสองรัก สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญของ อ.ด่านซ้าย จ.เลย, สักการะวัดเนรมิตวิปัสสนา ที่สร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลัง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ผู้สนใจต้องการไปชมความงามของดอกพญาเสือโคร่ง สามารถโทร.สอบถามรายละเอียดช่วงเวลาการบานของดอกไม้ และสอบถามการเดินทางได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 0-5535-6607, สำนักงานพื้นที่พิเศษเลย (อพท.5) โทร. 0-4286-1116 ถึง 8 ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน 06-2557-0912-3 หรือ 06-2557-0913, อบต.กกสะทอน 0-4203-9867, กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านร่องกล้า 08-9959-5808 (คุณเน้ง), 08-7838-0195 (คุณปอ), ททท.สำนักงานเลย 0-4281-2812 และ ททท.สำนักงานพิษณุโลก 0-5525-2742-3
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com