xs
xsm
sm
md
lg

ตามรอยพระบาท ขึ้นเขาเข้าถ้ำ ย่ำป่าชายเลน มหัศจรรย์เมืองสามอ่าว ที่ประจวบฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

วิวสวยๆ  บนเขาช่องกระจก
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถือว่าเป็นจังหวัดที่สำคัญที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่างๆ และเป็นที่ที่มีเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ จึงได้จัดทำเส้นทาง “ตามรอยพระบาท มหัศจรรย์เมืองสามอ่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์” เพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านได้ทำไว้
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน
เริ่มต้นกันที่ “ศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี” ในตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 700 ไร่ เขียวขจีไปด้วยพรรณไม้ป่าชายเลนที่ขึ้นกันอยู่ชุกชุม ก่อนที่ป่าจะอุดมสมบูรณ์เช่นวันนี้ แต่เดิมป่าชายเลนของปากน้ำปราณเคยตกอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมอย่างหนัก สาเหตุมาจากการทำนากุ้งจนทำให้ดินเสีย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสื่อมโทรมของป่าชายเลนแห่งอื่นๆ เช่นกัน จนเมื่อปี 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาที่วนอุทยานปราณบุรี และทรงมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ป่าชายเลนบริเวณปากน้ำปราณบุรี ทำให้กรมป่าไม้ยกเลิกการต่อใบอนุญาตการใช้พื้นที่ป่าชายเลนในบริเวณดังกล่าว
ชมวิวสูงใน “ศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี”
ที่ศูนย์ฯ สิรินาถราชินีนั้นเปรียบความสำคัญของป่าชายเลนเสมือนเป็น “มดลูกของทะเล” เพราะเป็นทั้งแหล่งกำเนิด แหล่งอาศัย แหล่งอนุบาล และเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติของสรรพชีวิตในห่วงโซ่อาหาร เหมือนมดลูกของมารดาที่โอบอุ้มบุตรในครรภ์ให้อบอุ่นปลอดภัย ก่อนที่จะออกไปเผชิญกับโลกภายนอก เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้จึงทำให้เห็นภาพความสำคัญป่าชายเลนได้อย่างชัดเจนทีเดียว
ต้นโกงกางใบเล็ก ที่ในหลวงรัชกาลที่9ทรงปลูกเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนิน
ในส่วนของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนนั้นมีหลายจุดด้วยกันที่น่าสนใจ โดยสามารถเดินตามเส้นทางตามรอยรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินในพิธีน้อมเกล้าฯ ถวายผืนป่า 1,000,000 ไร่ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2545 และได้ทรงปลูกต้นโกงกางใบเล็กไว้ที่ตอนเติบใหญ่สวยงาม หรือจะเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 1 ก.ม. ที่ร่มรื่นเขียวครึ้มไปด้วยพรรณไม้ป่าชายเลน สัมผัสระบบนิเวศอย่างใกล้ชิด โดยจะมีป้ายข้อมูลให้ความรู้อยู่เป็นระยะ
“พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ”
จากนั้นไปชมความสวยงามของ “พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ” หรือ “พระมหาเจดีย์เก้ายอด” ตั้งอยู่ที่วัดทางสาย ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2539 โดยคณะสงฆ์วัดทางสาย คณะกรรมการเทิดพระเกียรติประชาชนชาวไทยทั้งในและต่างประเทศ ร่วมกันสร้างน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสที่พระองค์ทรงครองราชย์ครบ 50 ซึ่งได้รับการออกแบบจาก ม.ร.ว.มิตรารุณ เกษมศรี สถาปนิกประจำราชสำนัก และศิลปินแห่งชาติ โดยพระมหาธาตุเจดีย์เป็นแบบสถาปัตยกรรมไทยกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลที่ 9 มีความโดดเด่นสวยงามสะดุดตา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า "พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ" มีความหมายว่า เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อประกาศความจงรักภักดี

พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ มีลักษณะเป็นอาคารหลังเดียวขนาดใหญ่ อยู่บนเนื้อที่กว่า 3 ไร่ ฐานอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส สำหรับสัดส่วนของอาคารนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกับการครองราชย์ครบ 50 ปีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นขนาดอาคารที่มีความกว้าง 50 เมตร และสูง 50 เมตร ประกอบด้วยหมู่พระเจดีย์ 9 องค์ ภายในประกอบด้วยชั้นต่างๆ จำนวน 5 ชั้น อันหมายถึง ขันธ์ 5
“พระพุทธกิติสิริชัย”
นอกจากนี้บริเวณด้านหน้าทางขึ้นพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ ยังมี “พระพุทธกิติสิริชัย” ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิปิดทอง แบบศิลปะคันธารราษฎร์ (ปางตรัสรู้) ขนาดใหญ่ ลักษณะนั่งขัดสมาธิบนดอกบัว หน้าตักกว้าง 5 วา เปรียบได้กับขันธ์ทั้ง 5 มีความสูง 9 วา เปรียบได้กับนวโลกุตตรธรรม 9 มีฐานกว้างโดยรอบ 16 วา เปรียบได้กับโสฬสญาณ มีศาลาพัก 3 หลังหมายถึง ศีล สมาธิ ปัญญา ทางเดินขึ้น 2 ข้าง เปรียบได้กับสมถะและวิปัสสนา

ด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานอยู่ด้านทิศตะวันออกหันหน้าไปทางทิศใต้ สามารถมองเห็นชายฝั่งครึ่งหนึ่ง และทะเลอีกครึ่งหนึ่ง สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ เนื่องในโอกาสทรงพระชนมายุ 60 พรรษา โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานถวายนามว่า “พระพุทธกิติสิริชัย” นอกจากจะเป็นจุดที่กราบสักการะของประชาชนทั่วไปแล้ว ยังเป็นจุดชมวิวของหาดบ้านกรูด ที่สามารถมองเห็นวิวอันสวยงามได้โดยรอบ
บันไดจำนวน 396 ขั้น ไปกราบรอยพระพุทธบาท
“เขาช่องกระจก”
ไหว้พระดูความสวยงามของเจดีย์แล้ว เดินทางไปดูพระอาทิตย์ตกกันต่อที่ “เขาช่องกระจก” เป็นภูเขาขนาดย่อมๆ ที่เป็นดังสัญลักษณ์ของเมืองประจวบฯ ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ บริเวณอ่าวประจวบฯ เขาช่องกระจกเป็นส่วนหนึ่งของวัดธรรมิการาม บนยอดเขาประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง
ขึ้นมากราบพระบรมสารีริกธาตุบนเขาช่องกระจก
อีกทั้งยังมีองค์เจดีย์ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาทรงประกอบพิธีบรรจุพร้อมทั้งทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ไว้ตั้งแต่ปี 2501 นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดจำนวน 396 ขั้น ไปกราบรอยพระพุทธบาทพร้อมทั้งสักการะพระบรมสารีริกธาตุได้อย่างสะดวกเพราะทางวัดทำบันไดคอนกรีตขึ้นไปสู่ยอดเขาอย่างดี แต่ต้องระวังฝูงลิงแสมหลายร้อยตัวที่อาศัยอยู่บนภูเขาและมักจะมานั่งอยู่ตามขั้นบันไดคอยมองว่ามีนักท่องเที่ยวคนไหนถือของกินขึ้นมาบ้าง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วลิงเขาช่องกระจกจะไม่ก้าวร้าวมากนัก 
ในหลวงร.9 ทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์บนเขาช่องกระจก
และนอกจากจะได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาช่องกระจกแล้ว ยังจะได้ชมวิวทะเลและเมืองประจวบฯ ในมุมที่งดงามมากอีกด้วย มองไปเห็นสะพานปลาทอดยาวไปในทะเล และเกาะเล็กเกาะน้อยในอ่าวประจวบฯ มองเห็นวัดธรรมิการามที่อยู่เบื้องล่างตีนเขา และตึกรามบ้านช่องผู้คนเมืองประจวบได้บรรยกาศความมหัศจรรย์ของเมืองสามอ่าวแห่งนี้
“วัดอ่าวน้อย” หรือ “วัดถ้ำพระนอน”
เดินทางไปที่ “อ่าวน้อย” กันบ้าง แม้จะเป็นอ่าวเล็กๆ ของชุมชนหมู่บ้านชาวประมง แต่อ่าวน้อยมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือ “วัดอ่าวน้อย” หรือ “วัดถ้ำพระนอน” ที่มีความงามไม่เป็นรองใครด้วยอุโบสถไม้สักทองทั้งหลัง เพิ่มความอลังการด้วยพญานาค 9 เศียร 2 ตน ที่เลื้อยล้อมตัวโบสถ์ไว้ ข้างในมีพระพุทธรูปหินอ่อนด้านในอุโบสถ ก่อนจะเดินชมภาพเรื่องราวพุทธประวัติที่แกะสลักไม้ลอยตัวด้วยฝีมือประณีต
พระนอนขนาดใหญ่  ใน “วัดถ้ำพระนอน”
นอกจากนั้น ที่วัดอ่าวน้อยยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ “ถ้ำพระนอน” ที่ตั้งอยู่บนเขา ทางวัดได้ทำทางเดินบันไดให้ขึ้นไปชมอย่างสะดวก ภายในถ้ำมีพระนอนขนาดใหญ่ 2 องค์ ความยาว 14 เมตร และ 20 เมตร โดยข้อมูลของทางวัดกล่าวว่าเป็นพระนอนที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นศิลปะร่วมสมัยอู่ทอง-รัตนโกสินทร์ อายุราว 300-500 ปี เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดแก่การมาสักการะ
ถือเป็นสถานที่ที่นอกจาก เดินตามรอยพระบาทของในหลวงร.9 แล้ว จ.ประจวบฯ ยังเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามและเงียบสงบ ถือว่าเป็นมหัศจรรย์แห่งเมืองสามอ่าวที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือน

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ โทร. 03-251-3885
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น