“รถไฟ” ถือว่าเป็นระบบขนส่งสาธารณะในประเทศไทยที่มีมายาวนาน การเดินทางโดยรถไฟจึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่มีเสน่ห์มนต์ขลังที่แตกต่างจากการเดินทางแบบอื่น ฉันเองเวลาได้ยินเสียงรถไฟดังทีไรใจมันก็เต้นตึกตักออกอาการตื่นเต้น และเมื่อรถไฟขบวนยาวเหยียดค่อยๆ ขยับเคลื่อนไหวไปบนรางรถไฟ ก็ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นพาหนะที่สง่างาม และแน่นอนถ้าพูดถึงรถไฟไทยแล้ว ใครต่อใครหลายคนก็คงต้องนึกถึง "สถานีรถไฟกรุงเทพ" หรือที่มักเรียกกันติดปากว่า "หัวลำโพง" ที่อุดมไปด้วยเรื่องราวผ่านพ้นหลายยุคสมัย จนเปิดบริการครบรอบ 100 ปี ในวันที่ 25 มิ.ย. 2559 นี้
โอกาสอันดีแบบนี้ฉันจึงขอไปเที่ยวชม “สถานีกรุงเทพ” ซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลักที่สำคัญที่สุดในประเทศ และเป็นสถานีเก่าแก่ที่มีความคลาสสิก โดยเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2453 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มใช้งานเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2459 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งได้เสด็จพระราชดำเนินทรงกระทำพิธีกดปุ่มสัญญาณไฟฟ้าให้รถไฟขบวนแรกเข้าสู่สถานีด้วยพระองค์เอง
หลังคารูปทรงโดมที่เราเห็นจนชินตานั้น เป็นการก่อสร้างจากสถาปนิกชาวอิตาเลียนชื่อ มาริโอ ตามานโญ ลักษณะของสถานีเป็นโดมสไตล์อิตาเลียนผสมกับศิลปะแนวเรอเนสซองส์ โดยมีลักษณะคล้ายกับสถานีรถไฟของเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี และวัสดุในการก่อสร้างก็นำเข้ามาจากเยอรมันด้วยเช่นกัน
บรรยากาศของสถานีกรุงเทพ ที่ฉันได้สัมผัสเมื่อไปเยือนก็เหมือนกันทุกครั้ง นั่นคือภาพของผู้คนส่วนหนึ่งที่เดินกันขวักไขว่มีเป้สะพายหลัง และอีกส่วนหนึ่งบ้างนั่งหลับ บ้างนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันปักหลักอยู่ตามเก้าอี้ หรือปูหนังสือพิมพ์นั่งบนพื้น รอรับเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง หรือรอเวลาที่รถไฟจะมาถึง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือช่วงปีใหม่ สงกรานต์ ทำให้สถานีแห่งนี้ดูคับแคบลงไปถนัดตา หากแต่ก็อุดมไปด้วยเสน่ห์ ที่อย่างน้อยรถไฟก็เป็นการเดินทางที่ควบคู่กับประชาชนชาวไทยมานาน
แค่ได้นั่งมองอากัปกิริยาของผู้คนในสถานีรถไฟก็เพลิดเพลินมากแล้ว แต่จะเพลินมากขึ้นไปอีกถ้ามองไปรอบๆ เพื่อชมความงามภายในอาคารทรงโดมแห่งนี้ ตั้งแต่กระจกสีที่ช่องระบายอากาศทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ที่ช่วยเพิ่มความสว่างสดใสให้ตัวอาคารในเวลากลางวัน มองเห็นนาฬิกาบอกเวลาที่มีความเก่าแก่เท่ากับตัวอาคาร ในส่วนของที่ทำการกองโดยสารซึ่งอยู่ทางด้านขวามือของสถานีนั้น ก็มีลวดลายปูนปั้นที่งดงามอยู่ตามบันไดและเสาอาคาร
และหากเดินเข้าไปในชานชาลาก็จะเห็นเก้าอี้ไม้หน้าตาคลาสสิกที่พบเห็นได้เฉพาะที่สถานีรถไฟตั้งเรียงอยู่ เป็นที่นั่งรอของผู้โดยสาร ในชานชาลานี้เราสามารถเข้าไปยืนชมรถไฟขบวนต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิด แต่หากมาในช่วงที่รถไฟเพิ่งเข้าสถานีก็จะต้องเดินฝ่าคลื่นฝูงชนกันไป ก็ต้องระมัดระวังทรัพย์สินของตัวเองให้ดีด้วย
สำหรับด้านหน้าสถานีรถไฟกรุงเทพนั้น บริเวณนี้มีอนุสาวรีย์ที่ชาวข้าราชการรถไฟได้รวบรวมทุนทรัพย์จัดสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ อุทิศส่วนกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง โดยเป็นอนุสาวรีย์รูปช้างสามเศียร และมีพระบรมฉายาลักษณ์ด้านข้างแบบลายนูนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานอยู่ โดยบริเวณนั้นก็มีพวงมาลัยดอกไม้ที่ประชาชนมากราบไหว้พระองค์อยู่เสมอ
ด้วยความที่ สถานีรถไฟกรุงเทพ เปิดให้บริการแก่ประชาชนครบรอบ 100 ปี ในวันที่ 25 มิ.ย. 2559 นี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย จึงมีกิจกรรม ร่วมย้อนรอยประวัติศาสตร์ความภาคภูมิใจเที่ยวงานเฉลิมฉลอง 100 ปี สถานีกรุงเทพ ในวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2559 ตั้งแต่เวลา 07.00 - 18.00 น. ชวนประชาชนร่วมแต่งกายย้อนยุค และชมการแสดงมากมาย อาทิ การแสดงชุด “โหมโรง” (ประชันระนาดเอกโดยขุนอินทร์), การแสดง The Musical “คุณยายกับไม้หมอน” (โดยทีมงานละครเวที 4 แผ่นดิน), การแสดงจำอวดหน้าม่าน (โดยคณะ “น้าโย่ง น้าพวง น้านง”) นอกจากนั้นในช่วงกลางคืน สถานีรถไฟกรุงเทพ เปิดไฟประดับสำหรับการเฉลิมฉลองสถานีกรุงเทพ หัวลำโพง ครบ 100 ปี ให้ได้ชมเป็นสีสันอีกด้วย
ถือว่าเป็นสถานที่แห่งหนึ่ง ที่กลายเป็นความทรงจำผู้คนผ่านช่วงยุคกาลเวลา และปัจจุบันยังคงความเป็นศูนย์กลางในการเดินทางสัญจรไปมาของผู้คน ที่ชื่นชอบหลงใหลในเสน่ห์การเดินทางของรถไฟ พาหนะที่ยังคงความคลาสสิก หวังว่าสถานีปลายทางกรุงเทพแห่งนี้จะยังคงอยู่ให้เราเห็นเป็นความทรงจำดีๆ ไปอีกนาน
* * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com