xs
xsm
sm
md
lg

เยือนภูพระบาท-บ้านเชียง เพลิดเพลินเมืองอุดรฯ ชมมหัศจรรย์ทะเลบัวแดง บานหลงฤดู

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ทะเลบัวแดงบานหลงฤดู
สำหรับการออกเดินทางไปท่องเที่ยว หลายคนอาจมุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ แต่สำหรับ “ตะลอนเที่ยว” นั้นการได้ไปเยือนในสถานที่ต่างๆ เป็นการเปิดประสบการณ์ เก็บเกี่ยวความรู้ พบเจอสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็น โดยคราวนี้ได้ไปเยือน จังหวัดอุดรธานี เป็นจังหวัดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการท่องเที่ยวทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งยังเป็นดินแดนที่มีอารยธรรมเก่าแก่แห่งหนึ่งที่สุดของโลก อย่างบ้านเชียง ที่ได้ขึ้นชื่อเป็นมรดกโลก นอกจากนั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อย่างทะเลบัวแดงที่มีความสวยงามไม่แพ้ใครอีกด้วย
หีบศพท้าวบารส
เริ่มแรก เดินทางกันไปบนภูเขาทางตะวันออกของเทือกเขาภูพานที่มีภูเขาลูกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่มีชื่อเรียกว่า “ภูพระบาท” ตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ที่นี่มีสภาพภูมิประเทศที่เกิดจากการกระทำของธรรมชาติผ่านกาลเวลามาหลายพันปี โครงสร้างส่วนใหญ่จะเป็นหินทรายที่ถูกขัดเกลาจากขบวนการกัดกร่อนทำให้เกิดเป็นโขดหินน้อยใหญ่รูปร่างต่างๆ กัน นอกจากนั้นเกิดปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับชีวิตผู้คนในอดีตที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิ กลุ่มก้อนหิน แท่งหิน รูปทรงประหลาด บนลานหินอันกว้างใหญ่ คนสมัยก่อนจึงได้นำมาผูกแต่งเป็นเรื่องราว “ตำนานรักนางอุษา-ท้าวบารส” ที่ท้าวบารสกับนางอุสาแม้จะรักกันอย่างสุดซึ้ง แต่ด้วยอุปสรรคต่างๆ ทำให้นางอุสาผู้ผิดหวังในความรัก ทั้งจากการที่ท้าวบารสสังหารพระยากงพานบิดาของตน และการที่ท้าวบารสมีมเหสีอยู่ก่อนหน้านั้นถึง 10 นาง สุดท้ายแล้วนางอุสาตรอมใจกลับไปสิ้นชีวิตบนหอหินสูงที่ตัวเองอาศัยอยู่ ทำให้ท้าวบารสเมื่อรู้ข่าวก็ตรอมใจตายตามไปด้วย
วัดพ่อตาในภูพระบาท
หอนางอุษา
ทำให้สถานที่และก้อนหินแปลกๆ บริเวณภูพระบาท มีชื่อเรียกขานเกี่ยวพันกับตำนานรักนางอุสา โดยเฉพาะไฮไลต์อย่าง หอนางอุษา ที่มีลักษณะเป็นโขดหินคล้ายรูปเห็ดตั้งอยู่บนลาน เกิดจากการกัดกร่อนตามธรรมชาติ ซึ่งมีความเชื่อว่าในสมัยก่อนมีคนไปดัดแปลงโดยการก่อหินล้อมเป็นห้องขนาดเล็กเอาไว้ที่เพิงหินด้านบน ซึ่งใช้เป็นที่อยู่ของนางอุสา รวมทั้งมีใบเสมาหินขนาดกลางและขนาดใหญ่ปักล้อมรอบโขดหิน และหินทรายจำหลัก นอกจากนั้น ยังมีหินแปลกๆ หลายที่ให้ได้เดินชม อาทิ คอกม้าท้าวบารส หีบศพนางอุษา หีบศพท้าวบารส บ่อน้ำนางอุษา และวัดพ่อตา วัดลูกเขย เป็นต้น ซึ่งสถานที่ต่างเหล่าๆ นี้ถือเป็นแม่เหล็กดึงดูดทางการท่องเที่ยวให้คนมาเที่ยวจังหวัดอุดรธานีกันมากขึ้น
วัดป่าภูก้อน”
จากนั้นไปชมวัดชื่อดังที่มีชื่อเสียงในจังหวัดอุดรธานีอย่าง “วัดป่าภูก้อน” ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ท้องที่บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี อันเป็นรอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย สร้างขึ้นเมื่อปี 2530 โดยคุณปิยวรรณและคุณโอฬาร วีรวรรณ ผู้มีความเลื่อมใสในปฏิปทาของพระป่า และได้ทำเรื่องขอใช้ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาตินายูง-น้ำโสม เพื่อสร้างวัดในเนื้อที่ 15 ไร่ จากกรมป่าไม้
ด้านหน้าพระวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี
องค์พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี ที่ประดิษฐานไว้ภายในพระวิหาร
ผู้ที่มาเยือนวัดป่าภูก้อนนั้น ไม่ควรพลาดกราบนมัสการ “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” ซึ่งเป็นพระพุทธไสยาสน์หินอ่อนสีขาว ความยาว 20 เมตร สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในปี 2554 คณะพุทธบริษัทวัดป่าภูก้อนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน จึงมีการจัดสร้างพระพุทธไสยาสน์องค์นี้ขึ้น และยังมีจุดมุ่งหมายให้เป็นเอกลักษณ์ทางพุทธศิลป์แห่งรัชกาลที่ 9 อีกด้วย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง
จัดแสดงเกี่ยวกับวิถีการดำรงชีวิตของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์
โบราณวัตถุที่สำคัญ
ที่ จ.อุดรธานี นั้นมีแหล่งโบราณคดีสำคัญแห่งหนึ่งที่ควรค่าแก่การชม นั่นคือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง หรือ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี จะจัดแสดงเกี่ยวกับวิถีการดำรงชีวิตของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อาทิ เครื่องมือ เครื่องใช้ เสื้อผ้า รวมไปถึงจัดแสดงการสร้างสังคมวัฒนธรรมของมนุษย์ที่สืบทอดต่อเนื่องกันมาเป็นระยะเวลานาน โดยภายในจะแบ่งชมการแสดงเป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นนิทรรศการถาวร ซึ่งจะแสดงขั้นตอนที่เกี่ยวกับการขุดค้นทางโบราณคดีในบ้านเชียงที่พบตามชั้นดินต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาและเข้าใจถึงการขุดค้นทางโบราณคดี และโบราณวัตถุ โดยที่นี่ส่วนใหญ่จะพบภาชนะดินเผาที่ฝังรวมกับศพโครงกระดูก เป็นหลักฐานสำคัญ สำหรับส่วนที่สองนั้น จะแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของบ้านเชียงในอดีต รวมทั้งโบราณวัตถุต่างๆ ที่ค้นพบที่นี่ นอกจากนั้นข้างๆ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง มีเรือนสอนลงสีลวดลาย ซึ่งสีที่นำมาใช้ เป็นดินแดงผสมกับยางไม้ โดยลายยอดฮิตที่คนทั่วไปมักวาดกัน คือ ลายก้นหอย วาดบนถ้วยเล็กๆ สามารถนำกลับไปเป็นที่ระลึกได้
ภายในจัดนิทรรศการชมความเป็นมาของบ้านเชียง
ทะเลบัวแดงที่หนองหาน
ทะเลบัวแดงขึ้นอย่างหนาตา
และไฮไลต์ช่วงนี้ที่มาเที่ยวอุดรธานีต้องไปชม นั่นคือการได้ดู ทะเลบัวแดงบานหลงฤดู ที่ หนองหาน ซึ่งเป็นชื่อเรียกของบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ ในอำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ที่มีพันธุ์ไม้น้ำที่โดดเด่นของบึงหนองหานก็คือ “บัวสาย” หรือ “บัวแดง” เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนหนองหานในช่วงทุกฤดูหนาว แต่ด้วยสภาพอากาศในช่วงฤดูหนาวและสภาพน้ำในหนองหานปีนี้ ส่งผลให้บัวแดงไม่เจริญเติบโตตามฤดูกาล ปกติทะเลบัวแดงนั้นจะต้องออกดอกในช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี หลังจากเหล่าบัวแดงปรับสภาพฟื้นตัวได้ทำให้ออกดอกชูช่อบานสะพรั่งดุจพรมสีแดงระเรื่อทั่วหนองหานในฤดูร้อนแทน
ดอกบัวสวยๆ พบเห็นได้ทุกที่
เกิดเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกตาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ดอกบัวแดงจะมีขนาดเล็กลงแต่ยังคงความสวยงาม และใบบัวจะกระดกตัวขึ้น ทำให้ได้เห็นภาพที่แปลกตาไปกว่าเดิม เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบหลงใหลในการถ่ายภาพ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการไปชม ควรจะเป็นช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 05.00-09.00 น. เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจะทำให้ดอกบัวหุบเร็วกว่าปกติ นอกจากจะได้ชมทะเลบัวแดงที่สวยงามแล้ว ยังจะได้ยลโฉมเหล่านกน้ำนานาพันธุ์ และน้องควายที่ลงมาหากินในทะเลบัวแดงอีกด้วย สำหรับใครที่อยากมาเห็นทะเลบัวแดงสวยๆ ด้วยตาตัวเองคงต้องรีบกันสักหน่อย เนื่องจากทะเลบัวแดง หนองหานนี้ จะบานให้เห็นกันจนถึงแค่สิ้นเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น
ภาพบัวแดงที่บานหลงฤดู
มาเยือนอุดรธานีครั้งนี้นอกจากจะได้เที่ยวเต็มอิ่มสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแล้ว ยังได้เรียนรู้แหล่งอารยธรรม รวมไปถึงสัมผัสธรรมชาติสวยๆ อย่างทะเลบัวแดง จึงทำให้จังหวัดอุดรธานีแห่งนี้ เป็นที่เที่ยวที่ควรค่าแก่การมาเยือนสักครั้ง
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยวได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี โทร.0-4232-5406-7
*****************************************

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น