xs
xsm
sm
md
lg

รับลมหนาวในวันฟ้าใส ยลนางพญาเสือโคร่งที่ “ขุนวาง” งามสะพรั่งกุหลาบพันปีที่ “ดอยอินทนนท์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

รอชมความงามของนางพญาเสือโคร่งที่อุโมงค์ซากุระขุนวาง
บนยอดดอยสูงสุดของเมืองไทย นั่นคือ “ดอยอินทนนท์” ที่มีระดับความสูง 2,565.3341 เมตร ด้านบนนั้นนอกจากจะมีทิวทัศน์สวยงาม อากาศเย็นสบาย ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะในช่วงหนาวๆ แบบนี้ นักท่องเที่ยวมักจะเลือกดอยอินทนนท์ให้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่จะมาสัมผัสความหนาวกันอย่างจุใจ

“ดอยอินทนนท์” ตั้งอยู่ใน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เดิมเรียกขานกันว่า “ดอยหลวง” ที่หมายถึงขุนเขาที่มีขนาดใหญ่ (หลวง : ภาษาเหนือหมายถึงใหญ่) กับอีกชื่อหนึ่ง คือ “ดอยอ่างกา” เพราะมีเรื่องเล่าขานกันว่า ที่นี่มีแอ่งน้ำจืดที่ฝูงกาจำนวนมากชอบลงไปเล่นน้ำ จึงเป็นที่มาของ “ดอยอ่างกา”
จุดสูงสุดแดนสยาม
ในสมัยก่อน ดอยอินทนนท์ หรือ ดอยหลวง อยู่ในการดูแลของเจ้าผู้ครองนคร อันเป็นไปตามการปกครองสมัยนั้นที่ป่าไม้ทางภาคเหนือต่างขึ้นอยู่ในอาณัติของเจ้าผู้ครองนคร จนกระทั่งมาถึงในสมัย“พระเจ้าอินทวิชยานนท์” ผู้ครองนครเชียงใหม่ พระองค์เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับป่าไม้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับผืนป่าดอยหลวงที่มีความรักเป็นพิเศษ ถึงขนาดรับสั่งว่า หากสิ้นพระชนม์ไป ขอให้เอาอัฐิส่วนหนึ่งไปบรรจุไว้บนยอดดอยหลวง
กู่พระเจ้าอินทวิชยานนท์
ด้านบนยอดดอยอินทนนท์ หากใครมาถึงแล้วก็ต้องมาถ่ายภาพคู่กับป้าย “สูงสุดแดนสยาม” ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของยอดดอยอินทนนท์ และหากเดินเข้าไปด้านในอีกเล็กน้อยก็จะเห็น “กู่พระเจ้าอินทวิชยานนท์” ตั้งอยู่ ส่วนด้านในนั้น ทำเป็นทางเดินสะพานไม้ศึกษาธรรมชาติ และหมุดหลักฐานจุดสูงสุดแดนสยาม ที่บอกระดับความสูงของยอดดอยอินทนนท์ไว้ด้วย
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา
บริเวณตรงข้ามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ยังมีอีกเส้นทางที่ใช้เดินศึกษาธรรมชาติ นั่นคือ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา” มีระยะทางประมาณ 300 เมตร เป็นเส้นทางวงรอบ ใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมง หากถ่ายรูปด้วยก็ราวๆ 1 ชั่วโมง เป็นเส้นทางเดินสบายๆ ไปบนสะพานไม้ ที่สร้างทอดผ่านไปในผืนป่าอ่างกา ป่าที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติประเภทพรุน้ำจืดที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในประเทศไทย

ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติจะพาผ่านจุดสนใจต่างๆ พร้อมป้ายฐานให้ความรู้ ไม่ว่าจะเป็น ป่าพรุ ข้าวตอกฤาษี การพึ่งพาอาศัยกัน ที่เดินเที่ยวชมกันเพลิน แถมระหว่างทางยังได้ยินเสียงนกร้องเป็นระยะๆ ตามจุดต่างๆ ซึ่งที่นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมนกชั้นดี มีนักดูนกเดินทางมาส่องนกกันไม่น้อยทีเดียว
จุดชมวิวในเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
หากใครสนใจการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ บนดอยอินทนนท์ยังมีอีกจุดที่น่าสนใจเช่นกัน นั่นคือ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ กม.42 ของถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์ เส้นทางศึกษาธรรมชาติจะอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งหากว่าใครสนใจจะมาเดินที่กิ่วแม่ปาน จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางที่บริเวณที่จุดบริการนักท่องเที่ยวของกิ่วแม่ปาน นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินเข้าไปเองได้
เส้นทางเดินเลียบผา
เส้นทางเดินกิ่วแม่ปานในช่วงแรกจะเดินผ่านป่าดิบเขา ซึ่งอุดมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ โอบล้อมด้วยมอสและเฟิร์นนานาชนิด จากนั้นเดินขึ้นไปจะทะลุยังทุ่งหญ้าสีทองโล่งกว้างดูสวยงามสบายตา เมื่อพ้นจากทุ่งหญ้าสีทองจะเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทัศนียภาพเบื้องล่างอย่างชัดเจน หากมาในช่วงที่มีหมอกก็จะมองไปเห็นทะเลหมอกกว้างใหญ่สวยงามทีเดียว
ดอกกุหลาบพันปีบานสะพรั่ง
ถัดจากจุดชมวิวไปจะเป็นทางเดินเลียบไปตามสันเขาเลียบหน้าผา มีความกว้างประมาณ 1 เมตร ซึ่งจะสามารถเดินได้เพียงคนเดียว จึงเป็นที่มาของชื่อกิ่วแม่ปาน ระหว่างทางจะมีต้นไม้น้อยใหญ่ให้ชมอย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้แล้วจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่สันเขานี้จะมี “ต้นกุหลาบพันปี” สีแดงสด ออกดอกให้ได้ชื่นชมกันในช่วงฤดูหนาว (ราวเดือน ม.ค.-ก.พ.) และถ้าหากโชคดีอาจได้เห็นกวางผา (เป็นสัตว์สงวนหายากที่ใกล้สูญพันธุ์) ตามริมหน้าผาแห่งนี้ด้วย และเมื่อผ่านพ้นสันเขาไปแล้วจะเป็นจุดสุดท้าย (ทางเดินกลับ) จะเดินเข้าสู่ป่าดิบชื้นอีกครั้ง ผ่านลำน้ำหลายจุด ทางเดินจะเป็นทางเดินขึ้นและลงสลับกันไป ระหว่างทางจะมีต้นไม้และดอกไม้รูปร่างแปลกตาให้ชมอย่างเพลิดเพลิน
พระมหาธาตุนภเมทนีดล
ใกล้กับกิ่วแม่ปาน เป็นที่ตั้งของ 2 พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่ดอยอินทนนท์ นั่นก็คือ “พระมหาธาตุนภเมทนีดล” และ “พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ” พระมหาธาตุนภเมทนีดล กองทัพอากาศสร้างขึ้นถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2530 ส่วนพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2535
พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
พระธาตุนภเมทนีดลเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ 8 เหลี่ยม หมายถึงมรรคผล 8 มีความสูง 60 เมตร ส่วนพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ 12 เหลี่ยม แทนความหมายอัจฉรยะธรรม 12 ประการ พระธาตุทั้ง 2 มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปในท่าประทับยืน ขณะที่บริเวณรอบๆ องค์พระมหาธาตุเป็นสวนที่มีการประดับตกแต่งอย่างสวยงาม

จากพระธาตุทั้งสององค์ ขับรถลงจากดอยมาเรื่อยๆ จนผ่านด่านตรวจ 2 มาเล็กน้อย ก็เป็นจุดแวะซื้อสินค้าทางการเกษตร จุดนี้เรียกว่า “ตลาดม้ง” ซึ่งจะมีชาวม้งในพื้นที่นำพืชผักผลไม้เมืองหนาว เช่น สตรอว์เบอร์รี่ อโวคาโด เคพกูสเบอร์รี่ ลูกพลับ ฯลฯ รวมถึงผลไม้อบแห้งนานาชนิด มาวางขายให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน
แวะซื้อพืชพัผผลไม้เมืองหนาวที่ตลาดม้ง
ในช่วงต้นปีแบบนี้ บนดอยอินทนนท์เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจแวะเวียนมาเที่ยวกันมาก โดยเฉพาะเมื่อดอกนางพญาเสือโคร่งผลิดอกสีชมพูสวยอวดความงามให้ได้ยลกัน บนสองข้างทางขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์ บางจุดก็มีต้นนางพญาเสือโคร่งอยู่ริมถนน มีดอกสีชมพูบานอยู่เต็มต้น

แต่สำหรับจุดที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามสุดๆ ของต้นนางพญาเสือโคร่ง ก็คือ “ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่” (ขุนวาง) ตั้งอยู่ที่บ้านขุนวาง ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ท่ามกลางแวดล้อมของแนวเทือกเขาอินทนนท์ มีพื้นที่ประมาณ 450 ไร่ ภายในศูนย์ฯ มีแปลงทดลองปลูก แปลงวิจัย แปลงสาธิตไม้ดอกกล้วยไม้ พืชเมืองหนาว ไม้ผล อาทิ เบญจมาศ แมกคาเดเมียนัต กาแฟ ท้อ บ๊วย สาลี่ พลัม ฯลฯ
นางพญาเสือโคร่งที่ขุนวางบานสะพรั่งแล้วบางต้น
ภายในศูนย์จะมีเส้นทางเดินชมดอกนางพญาเสือโคร่ง (ไปทางแปลงปลูกท้อ กาแฟ) ทั้งตามต้นที่ปลูกเรียงรายอยู่ริมทางและต้นที่อยู่ในแปลงปลูก โดยนอกจากดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูที่คุ้นตากันดีแล้ว ก็ยังมีดอกนางพญาเสือโคร่งสีขาวที่หาชมได้ยากให้ชมกัน 2-3 ต้น และมีต้นซากุระญี่ปุ่นแท้ๆ ที่นำพันธุ์จากไต้หวันมาปลูกอยู่ภายในสวนขุนวางด้วยเช่นกัน ส่วนเส้นทางที่เป็นไฮไลต์ในการเดินชมดอกนางพญาเสือโคร่งของที่นี่ก็คือทางเดินตั้งแต่แปลงสวนกาแฟไปจนถึงสวนอาร์เมเนีย โดยต้นนางพญาเสือโคร่งที่ปลูกอยู่เรียงรายริมสองข้างทางจะทอดโค้งโน้มกิ่งลง เป็นดังอุโมงค์ซากุระแสนโรแมนติกสีชมพูที่คนนิยมไปเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันกัน

สำหรับปีนี้ ดอกนางพญาเสือโคร่งที่ขุนวางเริ่มผลิดอกอวดความสวยกันแล้วบางต้น ส่วนบริเวณอุโมงค์ซากุระแสนสวยนั้นคาดว่าจะบานสะพรั่งอย่างเต็มที่ราวปลายเดือนมกราคมนี้
ดอกนางพญาเสือโคร่งสีขาวก็มีให้ชม
นอกจากชมขุนเขาและดอกไม้แล้ว บนดอยอินทนนท์ก็ยังมีน้ำตกสวยๆ ให้ชมอีกหลายแห่ง อย่างเช่นที่ “น้ำตกวชิรธาร” ซึ่งเดิมนั้นชื่อน้ำตกตาดฆ้องโยง ภายหลังเปลี่ยนชื่อตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเป็นน้ำตกวชิรธาร

“น้ำตกวชิรธาร” สูงประมาณ 100 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี เมื่อขึ้นยืนในจุดชมน้ำตก จะเห็นสายน้ำตกสีขาวไหลโจนทะยานจากหน้าผาลงสู่แอ่งเบื้องล่าง นอกจากความสวยงามของสายน้ำแล้ว น้ำตกวชิรธารมีจุดเด่นตรงที่ละอองไอน้ำที่ปลิวฟุ้งกระจายนั้น ยามต้องแสงแดดจะเกิดเป็นสายรุ้งโค้งกระจาย โดยรุ้งกินน้ำตกจะเปลี่ยนมุมไปตามทิศทางของแสงที่ตกกระทบ ซึ่งวันไหนแดดดีจะมีรุ้งทอดยาวให้เห็นกันถึง 2 ตัวเลยทีเดียว แต่ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ น้ำในน้ำตกอาจจะมีน้อยไปเสียหน่อย แต่อย่างไรก็ยังคงความสดชื่นและงดงามไว้ได้เหมือนเดิม

อากาศหนาวๆ แบบนี้ ใครที่คิดจะเก็บกระเป๋าออกไปเที่ยวรับลมหนาว ลองจัด “ดอยอินทนนท์” ไว้เป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายในทริปก็ดีไม่น้อย ที่นี่มีทั้งวิวสวยๆ ทิวทัศน์ขุนเขา ดอกไม้งามๆ และอากาศเย็นๆ ที่เป็นใจที่ออกเดินเที่ยวกันจนจุใจ
น้ำตกวชิรธาร
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ดอยอินทนนท์” ตั้งอยู่ใน อ. จอมทอง จ. เชียงใหม่ อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) โดยก่อนถึง อ.จอมทอง ประมาณ 2 กม.จะมีทางเลี้ยวขวาขึ้นดอยอินทนนท์และอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ (ทางหลวงหมายเลข 1009) สอบถามรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก และการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร. 0- 5326- 8550

ส่วนที่ “ขุนวาง” หรือ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) สามารถสอบถามได้ที่ โทร.0-5311-4133, 08-1960-2033
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น