เมื่อลมหนาวพัดผ่านมาเยือน ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ซึ่งฤดูหนาวเป็นช่วงฤดูที่อากาศจะสดชื่นเย็นสบาย และที่สำคัญธรรมชาติจะดูมีชีวิตชีวาสวยงามกว่าที่เคยเป็น เหมาะแก่การท่องเที่ยวพักผ่อน “ตะลอนเที่ยว” คราวนี้จึงขอไปเยือนสัมผัสอากาศหนาวใกล้กรุงที่ “อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน” อุทยานแห่งชาติที่ถือว่าอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตั้งอยู่ใน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีพื้นที่ 1.8 ล้านไร่ ครอบคลุมถึง 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาซับซ้อนอยู่ในเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นเขตแดนที่กั้นระหว่างประเทศไทยและพม่า มีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ประกอบด้วยสัตว์ป่าและพรรณไม้นานาชนิด และผืนป่าแห่งนี้ยังเป็นแหล่งต้นกำเนิดของแม่น้ำปราณบุรีและแม่น้ำเพชรบุรีอีกด้วย
เมื่อมาถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนนั่นก็คือ “เขื่อนแก่งกระจาน” ซึ่งเป็นเขื่อนดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ภายในเขื่อนจะมีเกาะเล็กน้อยใหญ่ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของ “ชุมชนบ้านพุเข็ม” ชุมชนที่ถูกซ่อนตัวไว้หลังแนวเขื่อนแก่งกระจาน โดยสามารถนั่งเรือจากบริเวณจุดท่าเรือ ชุมชนของที่นี่ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมและประมง ปัจจุบันบ้านพุเข็มได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ไปพักผ่อนและสัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนชาวพุเข็ม เป็นรูปแบบพักผ่อนโฮมสเตย์ ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่นและเงียบสงบ เพราะที่นี่ยังไม่มีแหล่งไฟฟ้าเข้าถึง ชาวบ้านจะใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นส่วนใหญ่ จึงมีการเปิดปิดไฟฟ้าเป็นเวลา นอกจากนั้นบ้านพุเข็มมีกิจกรรมท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การตกปลา ชมสวนเกษตรชาวบ้าน เดินป่าศึกษาธรรมชาติ ปีนเขาพุเข็ม ล่องเรือชมต้นน้ำเพชร ล่องเรือชมเขื่อนแก่งกระจาน ที่จะทำให้สัมผัสและท่องเที่ยวไปกับธรรมชาติบริเวณริมเขื่อนแก่งกระจานได้อย่างเต็มที่
เมื่อเที่ยวบริเวณริมเขื่อนแก่งกระจานแล้ว จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยัง “เขาพะเนินทุ่ง” ซึ่งเป็นไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดในการเยือนอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เขาพะเนินทุ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีลักษณะเป็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์และยังเป็นบริเวณจุดชมทะเลหมอกที่น่าสนใจ โดยจะเปิดให้ขึ้นเขาได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 58 นี้ จนถึง 31 ก.ค. ปีหน้า ซึ่งจากตัวอุทยานฯ ไปถึงเขาพะเนินทุ่งมีระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร โดยรถที่สามารถใช้ขึ้นเขาพะเนินทุ่งได้นั้นต้องเป็นรถกระบะโฟร์วีล นั่งได้ถึงประมาณ 6-8 คน โดยเส้นทางเริ่มต้นจากอุทยานฯ มุ่งหน้าสู่พะเนินทุ่งนั้น จะมีเส้นทางลาดยางอย่างดีผ่านผืนป่าเข้าไปจนถึง “บ้านกร่างแคมป์” กม.15-18 ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางก่อนขึ้นเขาพะเนินทุ่ง ที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งดูผีเสื้อที่นิยมเป็นอย่างมาก โดยในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. จะถือเป็นช่วงที่เหมาะสมในการชมผีเสื้อในบริเวณลำห้วยต่างๆ ซึ่งเป็นจุดที่มีผีเสื้อมาบินวนเวียนโดยเฉพาะในช่วงสายๆ ที่แดดร้อนกำลังพอดี ผีเสื้อฝูงใหญ่จะบินกระพือปีกออกมากันขวักไขว่ บ้างบินวนเวียนไปมา บ้างเกาะนิ่งอยู่บนก้อนหิน กางปีกสวยออกผึ่งแดด ซึ่งก็มีผีเสื้อหลากหลายชนิดเช่นกัน อาทิ ผีเสื้อวงศ์ขาหน้าพู่หนอนใบรักลายเสือ ผีเสื้อหนอนกะหล่ำขอบปีกเลื่อยจุดแดง ผีเสื้อหนอนกะหล่ำเหลืองสยามธรรมดา ผีเสื้อหางติ่งสะพายฟ้า เป็นต้น รวมไปถึงแมลงปอก็บินออกมาอวดโฉมด้วยเช่นกัน
จากนั้นมุ่งหน้าสู่เขาพะเนินทุ่ง จะเป็นถนนลูกรัง ทางค่อนข้างขรุขระและอันตราย ทำให้ทางอุทยานฯ ได้ห้ามนำรถยนต์ส่วนบุคคลทุกชนิดขึ้นบนเขาพะเนินทุ่ง แต่ให้ใช้รถยนต์ที่อุทยานฯ อนุญาตเท่านั้น หากใครขึ้นชมเขาพะเนินทุ่ง สามารถติดต่อได้ที่อุทยานฯ เขาพะเนินทุ่งจะมีจุดชมทะเลหมอกบริเวณ 2 จุดด้วยกัน โดยที่แรกที่ไปชม นั่นคือ "จุดชมวิวพะเนินทุ่ง หรือจุดชมวิวบริเวณกม.30" ซึ่งเป็นจุดชมวิวใกล้กับบริเวณที่กางเต็นท์ ซึ่งสามารถเดินไปชมได้ ในยามเช้าที่นี่จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกสีขาวปกคลุมทั่วทั้งหุบเขา และเมื่อทะเลหมอกสลายตัวไป จะเห็นผืนป่าสลับซับซ้อนอยู่เบื้องล่าง สูดอากาศบริสุทธ์ได้อย่างสดชื่น และจุดที่สองนั่นคือ "จุดชมวิวบริเวณ กม. 36" โดยต้องขับรถยนต์จากจุดชมวิว กม.30 ไปประมาณ 6 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่จุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่ง ที่นี่แค่ยืนดูก็สามารถสัมผัสได้ถึงทะเลหมอกที่ลอยมาปะทะใบหน้าให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำได้อย่างใกล้ชิด จากนั้นยังมีเส้นทางเดินเท้าลงไปสู่ “น้ำตกทอทิพย์” ที่มีระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ป็นน้ำตกที่ขนาดใหญ่ความสูงประมาณ 9 ชั้น โดยชั้นที่ 5 จะเป็นชั้นที่มีความสวยงามมากที่สุด สภาพโดยรอบเป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ ระหว่างทางจะพบเห็นสัตว์ป่านานาชนิดให้ได้ชม นอกจากนั้นยังมีเส้นทางเดินชมกล้วยไม้ป่าที่จะได้พบเห็นกล้วยไม้ป่านานาชนิดที่สวยงามอีกด้วย
นอกจากทะเลหมอกแล้วที่นี่ยังเรียกได้ว่าเป็นแหล่งดูนกชั้นเยี่ยม โดยที่นี่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่มีจำนวนชนิดนกมากที่สุดในประเทศไทย มีนกที่พบแล้วไม่ต่ำกว่า 500 ชนิด ทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ และที่เขาพะเนินทุ่งนี้เป็นแหล่งที่พบ “นกกะลิงเขียดหางหนาม” นกที่แต่เดิมเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วจากประเทศไทย แต่ภายหลังในปี 2533 มีรายงานการพบเห็นอีกครั้งที่เขาพะเนินทุ่ง นอกจากนั้นก็ยังมีนกอีกหลายชนิดที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนกเงือก อาทิ นกเงือกกรามช้าง นกเงือกสีน้ำตาล นกกก กลุ่มนกพญาปากกว้าง อาทิ นกพญาปากกว้างอกสีเงิน นกพญาปากกว้างลายเหลือง นกพญาปากกว้างท้องแดง กลุ่มนกกระเต็น นกหัวขวาน นกจาบคา นกขุนแผนอกสีส้ม เป็นต้น ซึ่งนกเหล่านี้สามารถพบเห็นได้ทั้งบนเขาพะเนินทุ่งอีกด้วย
ซึ่งความสมบูรณ์ผืนป่าของเขาพะเนินทุ่งนั้นเองที่ทำให้อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีความหลากหลายและมีกิจกรรมากมายให้ได้ทำ นับเป็นความคุ้มค่าที่ไม่ต้องเดินทางไปไกล แต่ได้สัมผัสธรรมชาติเพียงแค่เอื้อม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อช.แก่งกระจาน กำหนดเวลาขึ้น-ลงเขาพะเนินทุ่งจากบ้านกร่างแคมป์คือ เวลาขึ้น 05.30-07.30 น. และ 13.00-15.30 น. เวลาลง 09.00-10.00 น. และ 16.00-17.00 น. เนื่องจากสภาพถนนเป็นทางลูกรังค่อนข้างแคบ และชันเล็กน้อย รถที่ขึ้นไปยังเขาพะเนินทุ่งควรเป็นรถกระบะหรือรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ไม่ควรเป็นรถเก๋ง ผู้ที่ต้องการติดต่อรถกระบะขึ้นพะเนินทุ่งสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อช.แก่งกระจาน สอบถามได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อช.แก่งกระจาน โทร.0-3245-9293
นักท่องเที่ยวสามารถพักแรมภายในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้ โดยทางอุทยานฯ มีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์และบ้านพักไว้รับรองนักท่องเที่ยว สามารถตรวจสอบข้อมูลหรือสำรองบ้านพักได้ทางได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อช.แก่งกระจาน โทร.0-3245-9293 , www.dnp.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี โทร. 0-3247-1005-6
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com