“โอ่โอ ปักษ์ใต้บ้านเรา แม่น้ำภูเขาทะเลกว้างไกล อย่าไปไหน กลับใต้บ้านเรา อย่าไปไหน กลับใต้บ้านเรา..”
ประเดิมด้วยการเปิดเพลง “ปักษ์ใต้บ้านเรา” ของศิลปิน แฮมเมอร์ ระหว่างทางที่นั่งรถลงใต้ ชวนให้ฮึกเหิมอยากจะไปถึงจุดหมายปลายทางเร็วๆ นั่งรถฟังเพลงชมวิวสองข้างทางเพลินๆ ไม่นานเราก็มาถึง “ชุมพร” ประตูสู่ภาคใต้ ดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ทั้งทางบกและทางน้ำ
เมื่อมาถึงเราไม่รอช้ามุ่งหน้าไปยังหาดทุ่งวัวแล่น อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เตรียมเสบียง น้ำ ขนม ชูชีพ หน้ากากดำน้ำให้พร้อม แล้วลงเรือสปีดโบ๊ทไปดำน้ำใสๆ ดูปะการังที่ “เกาะง่ามน้อย-เกาะง่ามใหญ่” เมื่อสวมชูชีพพร้อมแล้ว ก็กระโดดขึ้นเรือไปกันได้เลย นั่งเรือเพลินๆ ไม่นานนักเราก็มาถึง “เกาะง่ามใหญ่” (จากฝั่งสามารถมองเห็นเกาะง่ามน้อย-ง่ามใหญ่ได้)
สำหรับเกาะง่ามน้อย-ง่ามใหญ่เป็นเกาะที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีโขดหินและหน้าผาหินที่สูงชัน ไม่มีหาดทรายสวยๆ ให้เดินเล่น มีจุดเด่นอยู่ตรงที่เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกที่นับว่าสวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของทะเลอ่าวไทย เนื่องจากเป็นเขตสัมปทานรังนก จึงไม่มีเรือประมงของชาวบ้านเข้ามาใกล้ ทำให้เวลาดำน้ำ นักท่องเที่ยวจะสามารถดำน้ำกันได้แบบสบายๆ แต่ข้อห้ามของการมาดำน้ำที่สองเกาะนี้ก็คือนักท่องเที่ยวจะไม่สามารถขึ้นเกาะได้ จะทำได้แค่เพียงดำน้ำบริเวณรอบเกาะเท่านั้น
และเมื่อพูดถึงรังนกนั้น จ.ชุมพร ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรังนกที่ดีที่สุดในประเทศไทย และในโลก ด้วยคุณภาพที่ยอดเยี่ยม จึงมีราคาแพงกว่ารังนกจากที่อื่น และการเก็บรังนกไปนั้น ต้องมีการทำเรื่องให้ได้สัมปทานในการเก็บรังนกก่อน จึงจะเข้าไปเก็บรังนกจากเกาะออกมาขายได้ จะเห็นได้ว่าทั้งเกาะง่ามน้อย และง่ามใหญ่นั้น จะมีกระท่อมเล็กๆ สร้างอยู่บนหน้าผาใช้เป็นที่นอนของคนที่นอนเฝ้ารังนกและเฝ้าเกาะนั่นเอง ส่วนเสบียงอาหารของคนเฝ้าเกาะนั้น คนขับเรือได้บอกกับเราว่าจะมีเรือมาส่งน้ำ ส่งอาหาร ทุกๆ 3 วัน
เมื่อมาถึงเกาะง่ามใหญ่คนขับเรือจะพาขับอ้อมมาทางด้านหน้าของเกาะ เพื่อไปชม “หินรูปฝ่ามือพระพุทธเจ้า” ที่มีลักษณะเป็นหน้าผาหินที่รูปร่างละม้ายคล้ายกับฝ่ามือพระพุทธเจ้า ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเกาะง่ามใหญ่ จากนั้นจุดต่อไปที่เราจะไปก็คือจุดดำน้ำเกาะง่ามใหญ่ ทว่าวันที่เราไปนั้น คลื่นลมทะเล ไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก จึงทำให้ไม่สามารถจอดเรือและลงไปดำน้ำได้ เนื่องจากมีคลื่นและลม อาจทำให้เกิดอันตรายได้ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ทริปดำน้ำของเราจบลงง่ายๆ พี่คนขับเรือบอกกับเราว่าจะพาไปต่อที่เกาะง่ามน้อย
จากเกาะง่ามใหญ่มองมองไปด้านข้างจะเห็นเกาะเล็กๆ อีกเกาะ ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งเกาะนั้นก็คือ “เกาะง่ามน้อย” จุดดำน้ำที่เกาะง่ามน้อยแม้ทะเลมีลมก็สามารถจอดเรือดำน้ำได้ เนื่องจากจุดที่นักท่องเที่ยวลงดำน้ำ เป็นจุดที่ไม่โดนคลื่นลม จึงสามารถทำให้เราจอดเรือลงเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ พอเรือจอดสนิทปุ๊บ เราไม่รอช้า คว้าชูชีพรัดสายให้แน่น เตรียมหน้ากากดำน้ำ และท่อหายใจ กระโดดตู้มทันที แหวกว่ายบนผิวน้ำมองลงไปด้านล่างเห็นปะการังเขากวาง ดอกไม้ทะเลหลากสีสัน และปลาน้อยหลากหลายสายพันธุ์ว่ายไปว่ายมาให้เห็นกันแบบใกล้ๆ ในระหว่างที่ดำก็พากันขึ้นมาหายใจบ้างเป็นระยะๆ ก่อนจะขึ้นเรือกลับก็ขอนอนแช่น้ำอาบแดด ดื่มด่ำกับน้ำทะเลสีสวยใส และธรรมชาติของเกาะง่ามใหญ่ให้เต็มปอด ทำเอาเพลินทีเดียว
จากนั้นก็กลับเข้าฝั่ง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพิ่มพลังด้วยการกินข้าวมื้อใหญ่ แล้วไปกันต่อที่ศาลเสด็จเตี่ย(หาดทรายรี) เพื่อกราบสักการะ “เสด็จเตี่ย” หรือ “พลเรือเอกพระบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์” พระองค์ทรงเป็นพระบิดาแห่งกองทัพเรือไทย พระองค์ท่านเป็นผู้วางรากฐานของกองทัพเรือไทยให้แข็งแกร่ง ในภายหลังจากที่ทรงลาออกจากราชการแล้ว ก็ได้เสด็จมาประทับที่ จ.ชุมพร และสิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคไข้หวัดใหญ่ที่บ้านหาดทรายรี อำเภอเมือง เมื่อปี 2466 มีพระชนมายุได้ 43 พรรษา ต่อมา ชาวชุมพรจึงได้สร้างอนุสรณ์สถานของพระองค์ขึ้นที่บริเวณหาดทรายรี โดยศาลแห่งแรกอยู่ด้านล่าง ตั้งหันหน้าออกทะเล อยู่ใกล้กับเรือรบหลวงชุมพร ซึ่งเป็นเรือตอร์ปิโดขนาดใหญ่ซึ่งปลดประจำการเมื่อปี 2518 วางตั้งไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระองค์
ด้านข้างศาลเสด็จเตี่ย เป็นที่ตั้งของเรือรบหลวงจักรีนฤเบศร ส่วนด้านบนเนินเขาทางทิศเหนือของหาดทรายรี มีศาลหลังใหม่ตั้งอยู่ โดยได้มีการสร้างให้มีรูปทรงคล้ายกับเรือรบ ชาวเมืองนิยมมากราบสักการะและจุดประทัดถวายพระองค์ หากมองจากด้านบนหัวเรือจะสามารถมองเห็นเวิ้งอ่าวหาดทรายรี และท้องทะเลชุมพรได้อย่างงดงาม
เสร็จจากการสักการะเสด็จเตี่ยแล้ว ไปกันต่อที่ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน” หรือ “ป่าชายเลนอ่าวทุ่งคา” อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ไปชมธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของหมู่เกาะชุมพร จากปากทางเข้ามา จะเห็นสะพานทอดตัวยาวไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ด้านข้างมีป่าโกงกางเขียวขจีทอดยาวไปกับสะพานทั้งสองข้าง เมื่อเข้าไปจะพบกับนิทรรศการที่จัดแสดงข้อมูลต่างๆ ของหมู่เกาะชุมพร จากนั้นเราเดินผ่านศูนย์บริการเพื่อเข้าไปยังด้านในของป่าชายเลน ซึ่งอยู่เลียบริมคลอง เมื่อเข้าไปจะพบกับสะพานแขวนที่ทอดตัวยาวผ่านคลอง สำหรับสะพานแขวนนี้จะสามารถข้ามได้พร้อมกันไม่เกิน 10 คน เวลาข้าวสะพานก็จะโยกไปมา ทำเอาคนข้ามทั้งหวาดเสียวและตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน
เมื่อข้ามสะพานมาแล้ว จะพบกับเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่อยู่อีกฟากของคลอง ตลอดทางเดินจะมีป้ายสื่อความหมายเกี่ยวกับสภาพป่าและสิ่งมีชีวิตในป่าชายเลนเป็นระยะๆ เมื่อเดินเข้าไปเรื่อยๆ หากโชคดีจะพบกับลิง เพราะในตอนเย็นๆ ลิงจะออกมาหากินบริเวณริมคลอง ถ้าใครมาเวลาเย็นจะต้องเดินเงียบๆ และงดส่งเสียง ซึ่งวันที่เราเป็นเวลาใกล้จะเย็นแล้ว จึงมีโอกาสพบกับลิง ที่นั่นเรียงรายตามหัวมุมทางเดินอยู่หลายตัว นอกจากนี้แล้วยังมีปลาตีนตัวใหญ่ๆ ปู กุ้งดีด ให้พบเห็นและได้ยินเสียงตลอดทาง นับได้ว่าป่าชายเลนผืนนี้ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก
ปิดท้ายกันที่จุดชมวิวเขามัทรี ที่ตั้งอยู่บนเส้นทาง ชุมพร - ปากน้ำ - หาดทราย ที่นี่ถือเป็นจุดชมวิวที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของชุมพร ซึ่งสามารถชมวิวมุมกว้างได้ถึง 360 องศาเลยทีเดียว ด้านบนมีพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ปางมหาราชลีลา มีลักษณะคล้ายกับท่านั่งขององค์จตุคามรามเทพ ให้กราบสักการะกันด้วย เมื่อหันหน้าเข้าหาชายทะเล ด้านขวาจะเป็นหาดภราดรภาพ ด้านซ้ายเป็นชุมชนปากน้ำชุมพรและทเลชุมพร หากมองมุมกว้างๆ จะเห็นเป็นหาดภราดรภาพ ชุมชนปากน้ำ และหาดทะเลชุมพร เรียงกันเป็นภาพพาโนรามา
แต่ไฮไลท์ของการขึ้นมาจุดชมวิวเขามัทรีอยู่ที่เวลาเย็น เมื่อพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า แสงสีทองของดวงอาทิตย์จะส่องผ่านชุมชนปากน้ำชุมพร เห็นเป็นภาพบ้านเรือนสีเหลืองส้ม สะท้อนผืนน้ำ หากได้ช่วงจังหวะที่ดี จะเห็นเรือประมงวิ่งผ่านผิวน้ำ เข้าออกปากอ่าว สะท้อนกับแสงสีส้มที่น้ำ ช่างเป็นภาพชุมชนปากน้ำที่มองดูแล้วชวนให้หลงไหลจริงๆ
และนี่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวส่วนหนึ่งในจังหวัดชุมพร สำหรับใครหลายคนอาจมองว่าชุมพรเป็นเมืองทางผ่านลงไปสู่ภาคใต้ ไม่น่ามีอะไรน่าสนใจนัก แต่หากได้มาลองเที่ยวชุมพรสักครั้ง จะทำให้รู้ว่า “ชุมพร” มีอะไรมากกว่าที่คิด
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร โทร.0-7750-2775-6
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์
travel_astvmgr@hotmail.com
width="450" data-height="590" data-show-faces="true" data-stream="true" data-header="true">