ไปเดินป่า-ขึ้นเขา ที่สุพรรณฯ กันมั้ย?
เมื่อได้ยินคำชวนนี้หลายคนอาจกำลังสงสัยว่าพูดผิดอยู่หรือเปล่า? ที่ชวนไปเดินป่า-ขึ้นเขาที่สุพรรณบุรี แล้วจังหวัดสุพรรณฯ จะมีป่า มีเขาให้เดินด้วยหรือ?
ความรู้สึกแรกที่ได้ยินคำชวนนี้ก็แปลกใจเหมือนกัน ว่าสุพรรณฯ จะมีป่าให้เดินด้วยหรือ แต่เมื่อได้ยินคำชวน(ที่ไม่คุ้นหู)นั้น “ตะลอนเที่ยว” ก็ไม่ลังเลใจ รีบตอบตกลงเดินทางไปสัมผัสธรรมชาติแบบป่าเขาของเมืองสุพรรณในทันที จะได้รู้ได้เห็นและสัมผัสกับตัวเองว่าสุพรรณบุรีมีป่า มีเขาให้เดินด้วย
โดยทริปนี้เราเริ่มต้นออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ใช้เวลาประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง เราก็มาถึงจุดหมาย ซึ่งจุดหมายของเราในทริปนี้ก็คือ “อุทยานแห่งชาติพุเตย” เป็นอุทยานแห่งชาติหนึ่งเดียวของจังหวัดสุพรรณบุรี มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี มีลักษณะเป็นพื้นที่ที่มีภูเขาสลับซับซ้อน มียอดเขาสูงที่สุดคือ “ยอดเขาเทวดา” มีความสูงประมาณ 1,123 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง นอกจากนี้แล้วอุทยานแห่งชาติพุเตยยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสาย ภายในมีป่าสนสองใบธรรมชาติที่สวยงาม
เมื่อเดินทางมาถึงที่ทำการอุทยานฯ ก็จัดแจงเตรียมสัมภาระขึ้นรถ และเตรียมข้าวห่อใบตอง และน้ำดื่ม เพื่อเป็นเสบียงสำหรับมื้อกลางวันระหว่างทางเดินไปยัง “หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่” สำหรับการเดินทางของเราในช่วงแรกจะต้องขึ้นรถกระบะ 4x4 (โฟร์วีล ไดรฟ์) เพื่อไปยังจุดลงน้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ จากนั้นจะใช้เส้นทางเดินป่า โดยการเดินเท้าเข้าไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ 3 มีระยะทางประมาณ 4 - 5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง
การเดินทางของเราจะเป็นการเดินผ่านป่าเข้าไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ จึงต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เป็นผู้นำทาง และเมื่อเตรียมสัมภาระกันพร้อมแล้ว ก็ออกเดินทางกันเลย ในช่วงแรกรถโฟร์วีล ไดรฟ์จะวิ่งผ่านถนนลาดยาง ผ่านป่าเขาและบ้านเรือนของชาวบ้าน จากนั้นจะเลี้ยวเข้ามายังทางเข้าอุทยานฯ พุเตยที่ 3 สำหรับเส้นทางนี้เป็นเส้นทางลัดเลาะเขา เป็นถนนลูกรังปนหิน เป็นหลุมเป็นบ่อ จึงเป็นสาเหตุที่จะต้องใช้รถโฟร์วีล ไดรฟ์ในการเดินทาง เมื่อรถแล่นมาได้ซักพักใหญ่ ก็มาจอดยัง “จุดทางลงน้ำตกตะเพินคี่ใหญ่” สำหรับจุดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินป่า
เมื่อพร้อมแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางกันเลย โดยจุดแรกจะต้องเดินเท้าลงไปยังน้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ มีระยะทางประมาณ 500 เมตร ทางลงจะเป็นทางลงเขาเล็กๆ มีต้นไม้น้อย-ใหญ่ ให้เกาะให้จับตลอด 2 ข้างทาง ในบางช่วงจะต้องเดินลุยลำธาร ข้ามโขดหิน ผ่านสายน้ำที่ใสและเย็นเจี๊ยบเข้าไปยังน้ำตก ไม่นานเราก็มาถึงน้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ น้ำตกที่นี่มีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดไม่ใหญ่และไม่สูงมาก ช่วงที่ไปนั้นน้ำไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็เรียกความสดชื่นพอให้หายเหนื่อยกันได้
จากจุดน้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ เราเดินเลาะข้างน้ำตกกันไป จากจุดนี้ใครไม่ชอบความสูงและเส้นทางที่แคบอาจจะต้องรวบรวมความกล้าสักนิด เนื่องจากเส้นทางนี้จะเป็นเพียงทางเล็กๆ ที่ด้านขวาติดเขา ด้านซ้ายเป็นหน้าผาที่มองไปด้านล่างจะเห็นน้ำตก พอให้เดินผ่านได้ ระหว่างเดินไปก็จับเขาด้านข้างไป บางช่วงเป็นทางแคบๆ เล็กๆ จะต้องเกาะต้นไม้ผ่านไป ทำเอาสาวๆ ทั้งกลัวทั้งขาสั่น ไม่กล้าเดินกันเลยทีเดียว
หลังจากผ่านจุดนี้ไปก็เป็นเส้นทางเดินป่าขึ้นเขาลงเขา ผ่านต้นไม้น้อยใหญ่ บางจุดจะเป็นทางเดินเลียบลำธารที่ต้องลุยน้ำ เดินข้ามโขดหินกันพอสมควร เดินกันมาได้สักพักใหญ่ ก็ถึงเวลาอาหารเที่ยง เราเดินกันต่อเพื่อหาจุดพักกินข้าว โดยเราเลือกจะพักกินข้าวริมลำธาร เพื่อสัมผัสธรรมชาติ และได้เป็นจุดพักเหนื่อยล้างไม้ล้างมือกันด้วย เมื่อได้จุดพักแล้ว แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปนั่งคนละมุม หยิบข้าวห่อของตัวเองมากินกันอย่างเอร็ดอร่อย
อิ่มท้องกันไปแล้วเราก็ไม่รอช้า รีบออกเดินทางกันต่อ ในระหว่างเส้นทางเดินจะผ่านน้ำตกตะเพินคี่กลาง(น้ำตกที่ตั้งชื่อขึ้นใหม่) เดินเลาะเลียบน้ำตกไปเรื่อยๆ และจุดตื่นเต้นของการเดินป่าของเราก็มาถึง เมื่อมาถึงจุดหนึ่งที่จะต้องจับเชือกปีนผ่านน้ำตกเพื่อเดินไปต่อ จุดนี้เรียกได้ว่าทั้งสนุกทั้งมัน หวาดเสียวกันเล็กน้อย โดยเราจะต้องจับเชือกให้แน่น และปีนหินน้ำตก(ซึ่งมีน้ำไหลผ่าน)ทีละคน จากจุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ยืนประจำจุดเพื่อคอยดึงเราขึ้น เรียกได้ว่าทั้งเปียกทั้งลุ้นกันสุดๆ
ผ่านจุดหวาดเสียวกันไปแล้ว เราเดินกันต่อไปยังจุดสุดท้ายก่อนถึงที่หมาย จะเจอกับ “น้ำตกตะเพินคี่น้อย” จุดนี้เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เลยก็ว่าได้ เนื่องจากจุดนี้จะเป็นจุดที่ทำกิจกรรมโรยตัวบนหน้าผาน้ำตก น้ำตกจะมีความสูงประมาณ 50 เมตร สำหรับใครที่จะโรยตัวเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็จะมีการซักซ้อม สอนวิธีการโรยตัว และติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยกันก่อนโรยตัว เมื่อโรยตัวกันเสร็จแล้วก็เดินต่อไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ จากจุดนี้ไปจะเป็นการเดินผ่านเนินเขาทุ่งข้าวโพดเหลืองอร่าม จนไปถึงจุดหมายที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่ (ลานกางเต็นท์) ซึ่งจากจุดนี้จะมองเห็นยอดเขาเทวดา ยอดเขาที่สูงที่สุดของสุพรรณฯ ด้วย
เมื่อถึงที่พักแล้วต่างคนต่างแยกย้ายอาบน้ำอาบท่า พักผ่อนให้หายเหนื่อยเตรียมตัวกินข้าวเย็นและเข้านอน สำหรับในช่วงนี้จะมีอากาศที่หนาวเย็น เนื่องจากที่นี่อยู่บนที่สูงและรายล้อมไปด้วยภูเขา หากใครที่ชอบดูดาวในตอนกลางคืนฟ้าจะมืดสนิท ไม่มีแสงไฟรบกวนทำให้เห็นดาวบนฟ้ามากมายทีเดียว
หลังจากพักผ่อนกันทั้งคืนแล้ว ตอนเช้าเราก็ตื่นกันแต่เช้าเพื่อออกเดินทางไปชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่ “ยอดเขาเทวดา” จากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ จะต้องนั่งรถของอุทยานฯ ไปยังตีนเขาเทวดา ซึ่งจะใช้เวลาราว 5 - 10 นาที เมื่อมาถึงแล้วจะมีเจ้าหน้าที่เป็นคนนำทาง เนื่องจากช่วงเดินขึ้นยอดเขาเทวดานั้นยังไม่สว่าง แต่ละคนก็เตรียมถือไฟฉายกันไปเป็นกลุ่มๆ สำหรับยอดเขาที่นี่จะมีระยะทางในการเดินขึ้นประมาณ 800 เมตร
เส้นทางเดินขึ้นยอดเขาเทวดาจะเป็นเส้นทางเดินขึ้นที่สูงชัน โดยทางเดินจะเป็นทางเดินเล็กๆ และลื่น ระหว่างทางจะมีเชือกให้จับไปจนถึงด้านบน เมื่อถึงด้านบนจะพบกับเจดีย์สีเหลืองทอง และพระให้กราบไหว้ จากนั้นเดินตรงผ่านเจดีย์ไป จะเป็นจุดชมวิวยอดเขาเทวดา จุดสูงสุดแผ่นดินสุพรรณฯ ไม่นานพระอาทิตย์ดวงกลมโตก็ค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้ามาให้เห็น บนยอดเขาเทวดานี้จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกและภูเขามากมายเรียงรายอยู่เบื้องหน้า มองไปจนไกลสุดลูกหูลูกตา เรียกได้ว่างดงามสมกับที่เป็น “หลังคาเมืองสุพรรณ” จริงๆ
ดื่มด่ำกับธรรมชาติบนยอดเขาเทวดากันจนจุใจแล้ว ก็ได้เวลาเดินลงกลับไปตีนเขา เพื่อขึ้นรถกลับไปยังจุดกางเต็นท์ เมื่อถึงจุดกางเต็นท์ก็จัดการกินข้าว อาบน้ำ เก็บสัมภาระใส่รถ และเตรียมตัวบอกลาหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ 3 ตะเพินคี่ และยอดเขาเทวดา สำหรับขากลับจะเป็นการนั่งรถโฟร์วีล ไดรฟ์เพื่อเดินทางกลับไปยังที่ทำการอุทยานด้านล่าง รถแล่นผ่านเส้นทางขรุขระ ที่รายล้อมด้วยป่าเขาตลอดสองข้างทาง เรียกได้ว่าทริปนี้ได้ทั้งความสนุก ความประทับใจกลับไปแบบสุดๆ
ไม่น่าเชื่อว่าเมืองสุพรรณฯ ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นี้ จะมีป่าให้เดิน มีอากาศหนาวให้สัมผัส และมีทะเลหมอกให้ดู หากใครที่อยากเที่ยวสัมผัสธรรมชาติแบบ “ตะลอนเที่ยว” อุทยานแห่งชาติพุเตย ก็อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถขับรถมาได้ไม่กี่ชั่วโมง นอกจากจะได้เที่ยวสัมผัสธรรมชาติแล้ว ยังได้สัมผัสอากาศหนาว-ชมทะเลหมอก ที่ยอดเขาเทวดา หลังคาแห่งเมืองสุพรรณฯ อีกด้วย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อุทยานแห่งชาติพุเตย ตั้งอยู่ที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี โทร.0-3544-6237
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุพรรณบุรี โทร.0-3553-6030, 0-3553-5789
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on
Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย
คลิกที่นี่เลย!!
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล
travel_astvmgr@hotmail.com