xs
xsm
sm
md
lg

ล่องแก่งแหล่ง“น่าน”...“น้ำว้า” มหามันส์/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
น้ำว้า สายน้ำแห่งการผจญแก่งที่ได้ชื่อว่าโหดและยากในอันดับต้นๆของเมืองไทย
ปรี๊ดดดดดดด

นี่ไม่ใช่เสียงนกหวีดไล่ทรราชที่ดังกระหึ่มทั่วแผ่นดินอยู่ในขณะนี้ หากแต่นี่เป็นเสียงนกหวีดจากหัวหน้าสตาฟฟ์เรียกรวมพลเหล่าผู้กล้าที่จะไปล่องแก่ง ผจญ“น้ำว้า” ที่จังหวัด“น่าน”กัน

น้ำว้า ลำน้ำสายนี้ช่างชื่อเหมือนกล้วย(น้ำว้า)กระไรปานนั้น แต่ประทานโทษ!!! การจะผจญฝ่ามันไปไม่ได้ง่ายๆเหมือนปอกกล้วยน้ำว้าเข้าปาก หากแต่เป็นตรงกันข้าม เพราะนี่คือสายน้ำแห่งการล่องแก่งที่ได้ชื่อว่าโหดหินติดอันดับต้นๆของเมืองไทย
สายน้ำว้า มีต้นกำเนิดใน อ.บ่อเกลือ ก่อนจะไหลรวมกับแม่น้ำน่านที่ อ.เวียงสา
1…

น้ำว้า มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาผีปันน้ำในเขตอำเภอบ่อเกลือ ไหลผ่านขุนเขา ป่าไพร ไปรวมกับแม่น้ำน่านในอำเภอเวียงสา เดิมลำน้ำว้าเป็นเส้นทางล่องแพไม้ไผ่หาของป่าของชาวบ้าน ต่อมาถูกพัฒนาเป็นเส้นทางล่องแก่งผจญภัย แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ น้ำว้าตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง

น้ำว้าตอนบน มีสายน้ำดุดัน รุนแรง กราดเกรี้ยว เส้นทางมีความคดเคี้ยว บางช่วงสูงชัน มีความยากมากในระดับ 3-5(+) นับว่าโหดที่สุดในบรรดา 3 ช่วง เหมาะสำหรับคนว่ายน้ำเป็นและมีความชำนาญในการล่องแก่ง ส่วนน้ำว้าตอนล่างมีระดับสายน้ำอยู่ที่ 1-3 ถือชิลล์สุดของเส้นทางล่องแก่งน้ำว้า สามารถล่องแก่งได้ตลอดทั้งปี
น้ำว้าตอนกลาง มีแก่งตั้งแต่ระดับ 1-5 ให้ผจญภัยกันอย่างสุดมัน
ขณะที่ลำน้ำว้าตอนกลางที่ผมกับคณะจะไปผจญกันในทริปนี้ นับเป็นช่วงที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งทาง ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ ททท.แพร่ ได้จับมือกับหลายหน่วยงาน ผลักดันให้เป็นหนึ่งในกิจกรรม“ล่องแก่งแหล่งเหนือ” ชวนคนมาผจญภัยเมืองน่านกันในช่วงหน้าหนาว เพราะลำน้ำว้าตอนกลางมีฤดูกาลล่องแก่งที่เหมาะสมอยู่ในช่วงเดือน ต.ค.-ม.ค. มีความง่าย-ยากของสายน้ำหลากหลายและครบเครื่อง ไล่ไปตั้งแต่ระดับ 1-5 บนระยะทางที่ค่อนข้างยาวประมาณ 80 กม. ใช้เวลาล่องแก่ง 2 วัน 1 คืน(เดิมล่อง 3 วัน 2 คืน)

สำหรับจุดล่องแก่งน้ำว้าตอนกลางนั้นเริ่มต้นที่ บ้านสบมาง ต.ภูฟ้า อ.บ่อเกลือ ซึ่งหลังชาวคณะแพคข้าวของใส่ถุงกันน้ำกันเรียบร้อยแล้ว เสียงนกหวีดเรียกรวมพลจากสตาฟฟ์ก็ดังขึ้น

ปรี๊ดดดดดดดด
น้ำนิ่งไหลลึก
2…

ด้วยความที่ระดับความแรงของสายน้ำและเส้นทางล่องแก่งน้ำว้าตอนกลางนั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นก่อนล่องแก่งจึงจำเป็นต้องติวเข้มกันหน่อย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการพายเรือ การฝึกพาย ฝึกทวน การนั่งเรืออย่างปลอดภัย และที่สำคัญคือการช่วยเหลือตัวเองหากพลาดพลั้งตกเรือ

เมื่อเหล่าผู้ร่วมผจญแก่งซ้อมพาย เช็คชูชีพ เช็คหมวกกันน็อกพร้อมแล้ว ขบวนเรือผจญแก่งก็ค่อยๆทยอยออกจากท่าน้ำไล่เรียงเป็นทิวแถวไป

เรือของเรามีสมาชิกผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันรวมนายหัว- นายท้ายแล้วมีทั้งหมด 6 คน(เรือ 1 ลำนั่งได้ประมาณ 5-6 คน) สำหรับนายท้ายที่เป็นดังกัปตันเรือนั้นก็คือ “พี่นัท” ที่ผมรู้จักเขามาก่อนแล้ว ส่วนนายหัวคือ“เอ็กซ์” ฝีพายหนุ่มหุ่นไม่เอ็กซ์เหมือนชื่อตัว
ตะลุยแก่งระทึกใจ
ช่วงแรกของเส้นทางสายน้ำไหลเอื่อย ผมจึงใช้โอกาสชมวิวทิวทัศน์ 2 ฟากฝั่งที่แวดล้อมไปด้วยแมกไม้ ขุนเขา ที่บางช่วงเห็นเขาหัวโล้นเป็นหย่อมๆอันเกิดจากการถูกชาวบ้านหักร้างถางพงขึ้นไปทำไร่ ซึ่งแม้วันนี้ทางป่าไม้จะกันพื้นที่บางส่วนให้เป็นที่ทำกินของชาวบ้าน แต่ปัญหาเรื่องการบุกรุกป่าเขาเข้าไปทำไร่(โดยเฉพาะไร่ข้าวโพด)กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของจังหวัดน่าน ที่ผู้เกี่ยวข้องจำเป็นต้องลงไปแก้ปัญหาโดยด่วน

ผมปล่อยอารมณ์นั่ง(พาย)เรือชมบรรยากาศทำได้ไม่นาน เพราะหลังจากนั้นสายน้ำเริ่มมีความแรง มีแก่งในระดับง่ายๆ 1-2 ทยอยเข้ามาทักทายให้เราได้เปียกปอนกัน แต่เอ็กซ์บอกว่านี่เป็นเพียงสายน้ำไหลผ่านหินเขายังไม่เรียกว่าแก่ง งานนี้เล่นเอาสาวบางคนในเรืออดสงสัยไม่ได้ว่าแล้วอย่างไหนถึงจะเรียกว่าแก่ง เพราะแค่นี้ก็ได้ลุ้นระทึกกันพอหอมปากหอมคอ
เปียกปอนสะใจ
แล้วการผจญแก่งใหญ่(ที่เอ็กซ์เรียกว่าแก่ง)ก็เริ่มขึ้นกับแก่งโก้ที่เมื่อนำเรือฝ่าไปได้แล้วรู้สึกโก้ไม่หยอก จากนั้นเส้นทางในช่วงเช้าเราเจอแก่งหนักๆโหดๆในระดับ 3-4 ได้แก่ “แก่งผาคับ”ที่เป็นผาหินแคบๆให้ตะลุยฝ่า ก่อนต่อกันด้วย“แก่งเสือเต้น”(ห้วยลอย) ที่ถือเป็นอีกหนึ่งแก่งไฮไลท์ให้พวกเราได้ออกแรงและสาวๆได้ส่งเสียงกรี๊ดแข่งกับสายน้ำ

ผ่านจากแก่งเสือเต้นมา เราก็ผจญต่อกับแก่งไฮจ้ำ แก่งห้วยสบปึง ให้ออกแรงเรียกน้ำย่อยก่อนไปแวะพักกินข้าวเที่ยงกันบนหาดทรายริมฝั่ง
มื้อเที่ยงริมน้ำ
อาหารเที่ยงในมื้อนี้นำโดยข้าวเหนียว หมูทอด และน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกตาแดง พร้อมผักจิ้มที่เด็ดมากๆ

หลังเติมพลังข้าวเหนียวกันแล้ว ช่วงบ่ายเราออกลุยกันต่อผ่านแก่งใหญ่อย่าง แก่งหลวง แก่งส้าน แก่งห้วยเดื่อ และ“แก่งผีป่า” หรือ “แก่งเป็บซี่” เพราะเคยถูกใช้ถ่ายทำโฆษณาเครื่องดื่มน้ำดำยี่ห้อเดียวกับชื่อแก่ง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแก่งใหญ่ที่ต้องลุ้นกันมันมาก

แล้วเราก็มาถึงยังบ้านแม่สะนาน จุดตั้งแค้มป์กางเต็นท์พักแรมกลางป่าในช่วงท้ายของวัน ซึ่งถือเป็นช่วงครึ่งทางของการล่องแก่ง(ราว 40 กม.)
พักแรมกลางป่า
ที่นี่มีการทำห้องน้ำเตรียมไว้พร้อมสรรพ มีการใช้ประปาภูเขาต่อท่อเข้ามาให้สาวๆและหนุ่มๆขี้อายได้อาบน้ำกันในห้องน้ำ ส่วนใครที่อยากสัมผัสกับธรรมชาติอย่างแน่นแฟ้น ก็ให้เดินลงไปที่ลำธาร อาบน้ำกันให้ชุ่มฉ่ำใจ

เมื่อแต่ละคนอาบน้ำอาบท่ากันถ้วนทั่วหน้าแล้ว ค่ำนั้นร่วมวงนั่งหม่ำอาหารกันโดยพร้อมเพรียง เมนูมื้อนี้แม้จะดูธรรมด๊า ธรรมดา แต่นี่ถือเป็นอาหารมื้ออร่อยมากอีกมื้อหนึ่ง

หลังอาหารค่ำผ่านพ้น วิกาลโรยตัวมืดมิด ท้องฟ้าดารดาษไปด้วยทะเลดาวระยิบระยับ รอบข้างมีเสียงหรีดเรไรร้องงะงม ผสมกับเสียงสายน้ำลำธารที่ไหลรี่ข้างที่พัก เป็นดังดนตรีธรรมชาติขับกล่อมให้ชาวคณะนอนหลับใหลไปอย่างไม่ยากเย็นอันเนื่องมาจากความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย
อีกหนึ่งความมันเร้าใจ
3…

เช้าวันใหม่ อากาศหนาวเย็นพอตัว

พวกเราค่อยๆทยอยกันตื่น เมื่อทุกคนทำภารกิจส่วนตัวเสร็จก็ได้เวลาหม่ำมื้อเช้าตุนพลังก่อนออกลุยกันอีกก๊อกหนึ่งในครึ่งทางที่เหลือ

พี่นัทบอกว่าการล่องแก่งเมื่อวานแค่อุ่นเครื่อง แต่วันนี้คือ“ของจริง” เพราะมีแก่งเล็ก แก่งใหญ่ให้ผจญกันร่วม 100 แก่งทีเดียว ว่าแล้วเราประเดิมแก่งใหญ่กันด้วย แก่งแม่สะนาน แล้วต่อด้วยแก่งขอนที่สายน้ำรุนแรงต้องออกแรงลุ้นกันตัวโก่ง เรือบางลำที่ผ่านไปได้นอกจากจะส่งเสียงเฮลั่นแล้วยังทำการชูพายแสดงความสะใจที่สามารถฟันฝ่าข้ามมาได้
ฝ่าสายน้ำเชี่ยว
จากนั้นแก่งใหญ่ๆในระดับ 3-4 ยังมีมาทักทายเราอีก อย่าง แก่งครก แก่งผาขี้นก 1 ผาขี้นก 2 และ“แก่งผารถเมล์”

รถเมล์ถ้าเป็นดาราเธอคือสาวสวยน่ารักขวัญใจใครหลายๆคน(รวมทั้งผมด้วย) แต่ถ้าเป็นชื่อแก่ง มันคือแก่งในระดับ 4-5 ตามสภาพน้ำ

พี่นัทบอกว่าแก่งรถเมล์นี้มีฉายาว่า “แก่งรถเมล์ เทกระเทย” เพราะเคยมีเรือของแก๊งสตรีข้ามเพศมาคว่ำที่แก่งนี้ เนื่องเพราะสตาฟฟ์บอกให้ช่วยกันพาย แต่นางดันเอาแต่กรี๊ดเรือจึงล่มคว่ำไม่เป็นท่า จนกลายเป็นฉายาของแก่งรถเมล์เทกระเทย
พลาดท่าตกน้ำ
สำหรับในวันนั้น ด้วยความที่ทุกคนในเรือแต่ละลำช่วยกันพาย จึงไม่มีเรือลำไหนคว่ำที่แก่งรถเมล์ มีเพียงบางคนเสียหลักกระเด็นตกน้ำไปบ้าง(แต่ปลอดภัย) นับเป็นการล่องแก่งน้ำว้าที่ได้สัมผัสประสบการณ์มากกว่าคนอื่นเขา แต่ประทานโทษ!!! ประสบการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากได้กัน

จากแก่งรถเมล์เรือยางพาไปผจญฝ่าแก่งใหญ่ๆอีก อย่างเช่น แก่งเสือเต้นแม่จริม แก่งปู่สี แก่งใหม่ แก่งสร้อย และแก่งยาวหรือแก่งวังลูน ซึ่งเป็นแก่งใหญ่แก่งสุดท้ายของการล่องแก่งน้ำว้าตอนกลางให้พวกเราได้ลุ้นกันครั้งสุดท้าย ก่อนไปขึ้นฝั่งกันที่บ้านแคว้ง ต.หนองแดง อ.แม่จริม
เลี้ยวโค้ง
นับเป็น 2 วัน 1 คืน ของการผจญภัยที่แม้จะโหด เหนื่อย เปียก แต่เหล่าผู้กล้าก็ได้มาซึ่งความเพลิดเพลิน สนุก ตื่นเต้นเร้าใจ ที่สำคัญคือเราได้พิสูจน์ตัวเองว่า

...อุปสรรคต่างๆ เราสามารถเอาชนะมันได้ ถ้ามีใจที่หาญกล้า...

*****************************************

หมายเหตุ : ภาพประกอบบางส่วนเอื้อเฟื้อโดยพี่จอร์จ,น้องปู
ชัยชนะ
*****************************************

ลำน้ำว้า ตั้งอยู่ในจังหวัดน่าน โดยลำน้ำว้าตอนกลางเป็นช่วงที่รับความนิยมอย่างสูง มีความแรงของสายน้ำในระดับ 1-5 สามารถล่องได้ในช่วงเดือน ต.ค.-ม.ค. มีแพกเกจล่องแก่งหลักคือ 2 วัน 1 คืน ระยะทางประมาณ 80 กม.(สบมาง-วังลุน) และแพกเกจ 1 วัน(แม่สะนาน-วังลุน) ระยะทางประมาณ 50 กม.

นอกจากนี้ยังมีเส้นทางล่องน้ำว้าตอนล่างที่มีความแรงของสายน้ำในระดับ 1-3 สามารถล่องได้ทั้งปี กับแพกเกจครึ่งวัน ที่อช.แม่จริม มีระยะทางประมาณ 8 กม.

ทั้งนี้ผู้สนใจกิจกรรมล่องแก่งน้ำว้า และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆใน จ.น่าน รวมไปถึง ข้อมูลที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทาง สามารถสอบถามได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานแพร่(พื้นที่รับผิดชอบ แพร่,น่าน,อุตรดิตถ์) โทร.0-5452-1118,0-5452-1127
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น