xs
xsm
sm
md
lg

ฉ่ำใจชื่นตา เที่ยวป่ายลพรรณพฤกษาหน้าฝน จาก"อินทนนท์ ภูสอยดาว ถึงภูหลวง"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทุ่งหญ้าเขียวขจีที่ทุ่งแสลงหลวง
เวลาฝนตกใหม่ๆ ได้หายใจลึกๆ สูดกลิ่นไอดินให้เต็มปอดแล้วรู้สึกสดชื่นเหมือนมีพลังธรรมชาติหมุนเวียนอยู่รอบตัวเรา แต่คงทำอย่างนั้นไม่ได้แน่หากฝนตกลงบนพื้นคอนกรีต “ตะลอนเที่ยว” จึงอยากชวนทุกคนไปเดินป่า สูดกลิ่นดิน และชมธรรมชาติของดอกไม้ใบหญ้า โดยสถานที่ที่นำมาแนะนำวันนี้ไม่เฉพาะเพียงดอกไม้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทุ่งหญ้าและพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่เมื่อได้รับความชุ่มฉ่ำจากสายฝนแล้ว ต่างก็มีชีวิตชีวาเริงร่าเบิกบานไปตามๆ กัน

ทุ่งหญ้าเขียวสดใสในทุ่งแสลงหลวง

ทุ่งหญ้าในหน้าฝนนั้นแสนจะเขียวชอุ่มมองแล้วสบายตา โดยเฉพาะที่ “อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง” ผืนป่ารอยต่อระหว่างจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดเพชรบูรณ์ บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าหนองแม่นา ที่มีภูมิประเทศแบบทุ่งหญ้าสะวันนา แบบเดียวกับทุ่งหญ้าซาฟารีในแอฟริกา และได้ชื่อว่าเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาที่กว้างใหญ่และสวยที่สุดในเมืองไทย
ขี่จักรยานในเส้นทางศึกษาธรรมชาติทุ่งแสลงหลวง (ภาพ : วินิจ รังผึ้ง)
ในฤดูฝนราวเดือนมิถุนายนเป็นต้นไปจนถึงช่วงต้นฤดูหนาวเป็นช่วงที่ทุ่งหญ้าในทุ่งแสลงหลวงงดงามที่สุด สายฝนจะทำให้ต้นหญ้าในทุ่งแห่งนี้เบิกบานกลายเป็นผืนพรมสีเขียวสดใส หลังจากที่แห้งแล้งไร้ชีวิตชีวามาตลอดฤดูร้อน และหญ้าเขียวชอุ่มเหล่านั้นก็เป็นอาหารอันโอชะของสัตว์ป่าอย่าง เก้ง กวาง อีเห็น ชะมด ที่จะออกมาแทะเล็มหญ้าในท้องทุ่งยามค่ำคืน ไม่เฉพาะต้นหญ้าเท่านั้น แต่ในท้องทุ่งยังมีพันธุ์พืชอื่นๆ อย่างดอกกระเจียวขาวขึ้นแซมอยู่ทั่วบริเวณ เพิ่มความสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก

สีเขียวของหญ้าทำให้จิตใจสงบ ยิ่งบรรยากาศรอบข้างที่มีทั้งที่ราบและเนินขึ้นๆ ลงๆ มีหนองน้ำเล็กๆ แทรกตัวอย่างในความเขียวของทุ่งหญ้าที่มีผืนป่าและขุนเขาตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง หากได้ไปยืนชมพร้อมกับสูดอากาศสะอาดๆ เข้าไปเต็มปอดคงจะมีความสุขไม่น้อย
ทุ่งดอกหงอนนาคละลานตาบนภูสอยดาว
และสำหรับคนชอบขี่จักรยาน ที่ทุ่งแสลงหลวงมีเส้นทางจักรยานที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาขี่เที่ยวชมธรรมชาติ โดยเป็นเส้นทางจากที่ทำการหน่วยหนองแม่นาขี่ขึ้นไปชมทุ่งหญ้าป่าสนบนทุ่งนางพญา ระยะทางราว 4 ก.ม. ลักษณะเป็นทางดินที่รถยนต์ตรวจป่าใช้ตัดผ่านทุ่งหญ้าขึ้นเนินเขาไปบนทุ่งนางพญา โดยสามารถนำจักรยานมาเอง หรือเช่าจักรยานกับทางอุทยานฯ ก็ได้เช่นกัน

หงอนนาค นางเอกแห่งภูสอยดาว

“ดอกหงอนนาค” นางเอกของอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนเดินทางมาเยือนภูสอยดาว แม้จะต้องใช้เวลา 4-6 ชั่วโมง ในการเดินป่าจากตีนภูขึ้นไปยังลานสนซึ่งเป็นที่ตั้งแคมป์และเป็นจุดชมดอกหงอนนาค ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร สภาพเส้นทางเป็นภูเขา บางช่วงก็สูงชันใช่เล่น แต่ทุกคนพร้อมเผชิญเพราะอยากจะไปสัมผัสกับดอกไม้แสนสวย
ดอกหงอนนาค นางเอกแห่งภูสอยดาว
ดอกหงอนนาค หรือที่บางแห่งเรียกว่า หญ้าหงอนเงือก(เลย) น้ำค้างกลางเที่ยง (สุราษฎร์ธานี) หงอนพญานาคไส้เอียน(อุบลราชธานี) ว่านมูก (หนองคาย) นั้น เป็นพืชล้มลุก ดอกมีสีม่วงอ่อนหรือสีม่วงน้ำเงิน มีดอกสีขาวและสีชมพูบ้างแต่ก็เป็นส่วนน้อย ช่วงเวลาในการเบ่งบานจะอยู่ในช่วงหน้าฝนประมาณเดือนสิงหาคม-ต้นเดือนตุลาคม ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของภูสอยดาว เพราะดอกหงอนนาคสีม่วงสดใสกลีบดอกบอบบางอ่อนหวานจะบานดารดาษอยู่เต็มลานสน มีต้นหญ้าสีเขียวแซมตัด ไม่ว่าจะมองมุมไหน หรือสภาพอากาศเป็นอย่างไร เช่น ดอกหงอนนาคคลอเคลียกับสายหมอกจางๆ หรือดอกหงอนนาคฉาบด้วยสีส้มจากพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า ก็งดงามจับตาเท่าๆ กัน

สำหรับคนที่ขึ้นมาชมดอกหงอนนาคแล้วก็ยังสามารถไปเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อาทิ หลักเขตชายแดนไทย-ลาว น้ำตกภูสอยดาว น้ำตกสายทิพย์ น้ำตกหลุมพบ ได้อีกด้วย
เปราะภูกลีบบางสวยมีให้ชมในหน้าฝน
เปราะภู สวยสู้ฝน

ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ที่ครอบคลุมพื้นที่อำเภอด่านซ้าย อำเภอวังสะพุง และอำเภอภูหลวง จังหวัดเลย ในช่วงฤดูฝน นอกจากจะเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำสายน้ำสำคัญๆ หลายสาย เป็นที่อยู่อาศัยอันสงบสุขของสัตว์ป่าหลายชนิด เป็นแหล่งรวมของพันธุ์ไม้มีค่าหายาก และพืชสมุนไพรมากมายหลายชนิด ยังเป็นสถานที่ชมดอกไม้หน้าฝนอันงดงามอย่าง “ดอกเปราะภู” ที่กำลังเบ่งบานอยู่ในขณะนี้ (บานอยู่ถึงราวสิ้นเดือนมิถุนายน) โดยเฉพาะในบริเวณทุ่งแปกดำซึ่งเป็นทุ่งหญ้าป่าสน ที่จะมีดอกเปราะภูสีชมพูสดสวยออกดอกสะพรั่งไปทั่วทั้งท้องทุ่ง

ดอกเปราะภูเป็นพืชชนิดหนึ่งในตระกูลขิง ข่า มีเหง้าอยู่ใต้ดิน พอได้รับน้ำฝนเหง้าก็จะแตกตัวแทงยอดขึ้นมาตามพื้นดินและซอกหินอย่างน่าอัศจรรย์ มีทั้งสีขาว ชมพู เหลืองสลับกัน มีลักษณะใบเรียวแหลมมีความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร

ไม่เพียงที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงเท่านั้น แต่ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ที่ลานหินปุ่มและลานหินแตก ฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีต ที่ในฤดูกาลอื่นจะพบเจอเพียงโขดหินเท่านั้น แต่ถ้ามาในฤดูฝนก็จะได้พบดอกเปราะภูที่ผลิดอกขึ้นเป็นดงเช่นกัน แต่ใครจะมาชมคงต้องรีบหน่อย เพราะมีให้ชมถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น หรือหากไม่ทันก็สามารถเตรียมตัวให้พร้อมชมได้ในปีหน้า
ชมดอกลิ้นมังกรสีชมพูที่น้ำตกหมันแดง (ภาพ : ททท.)
ชมลิ้นมังกรชมพู ดูน้ำตกสวย

ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ายังมีอีกหนึ่งดอกไม้หน้าฝนให้ชมคือ “ดอกกล้วยไม้ลิ้นมังกรสีชมพู” และ “บีโกเนียสีขาว” ซึ่งขึ้นอยู่บริเวณน้ำตกหมันแดงชั้นที่ 5 และจะมีให้ชมในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมเท่านั้น

นอกจากจะได้ชมดอกไม้สวยๆ แล้ว ยังจะได้เที่ยวชม “น้ำตกหมันแดง" น้ำตกขึ้นชื่อของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดของอุทยานฯ ตัวน้ำตกมี 32 ชั้นและชั้นใหญ่ๆ มี 9 ชั้น การเข้าไปยังตัวน้ำตกต้องใช้วิธีเดินเท้าไปราว 3.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง แต่นักเดินป่าหลายๆ คนก็ยินดีที่จะเดินเพื่อไปชมความงามของน้ำตกด้วยตาตัวเอง อีกทั้งบริเวณแผ่นหินลานน้ำตกหมันแดงยังมีรอยเท้าไดโนเสาร์กินเนื้อมากกว่า 20 รอยอีกด้วย
หญ้าข้าวก่ำ หาชมได้ที่เขาใหญ่
นอกจากดอกไม้ใบหญ้าที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังมี “ดอกหญ้าข้าวก่ำ” ดอกหญ้าน่ารักที่มีแหล่งชมไม่ไกลจากผาเดียวดาย ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา หญ้าข้าวก่ำเป็นพืชล้มลุก ลำต้นเป็นเหง้าสั้นๆ มีดอกย่อยเรียงตัวกันเป็นแถวกลีบดอกสีม่วงถึงสีม่วงอมน้ำเงิน เกสรเล็กๆ สีเหลือง จะขึ้นอยู่ตามลานหินหรือดินที่ชื้นแฉะอากาศค่อนข้างเย็น ขึ้นปะปนกับหญ้าอื่นๆ ในช่วงฤดูฝน ชมได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน
ป่าดึกดำบรรพ์อันชุ่มชื้นที่ดอยอินทนนท์ (ภาพ : ททท.)
ส่วนที่ป่าอ่างกาหลวง ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่เป็นแหล่งรวมพันธุ์พฤกษาอันเขียวชอุ่มในช่วงหน้าฝนจนเรียกได้ว่าเป็น “ป่าดึกดำบรรพ์” เพราะเป็นแหล่งรวมพืชพันธุ์และสัตว์ป่าหายากหลายชนิด โดยที่ผืนป่าอ่างกาหลวงจะเย็นฉ่ำไปด้วยสายหมอก ต้นไม้มีมอสและเฟิร์นขึ้นเกาะอยู่ทั่วไป รวมทั้งสัตว์แปลกๆ อย่างจิ้งจกน้ำและสัตว์เลื้อยคลานหายากต่างๆ ให้บรรยากาศของป่าดึกดำบรรพ์ คนรักธรรมชาติสามารถมาเดินชมได้ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกาหลวง

*  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  

และนี่ก็คือเสน่ห์แห่งผืนป่าหน้าฝนที่รอให้นักนิยมไพรได้เดินทางไปสัมผัสในความงดงามที่มาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำเขียวขจี


*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *  


นักท่องเที่ยวที่อยากไปชมดอกไม้และพันธุ์พืชต่างๆ ในหน้าฝน ควรโทรสอบถามทางอุทยานฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าก่อนวางแผนการเดินทาง อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โทร. 0 5526 8019 อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว โทร. 0 5543 6001 - 2 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง โทร.0 4280 1955 อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทร. 0 5535 6652 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โทร. 08 6092 6527 อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร. 0 5328 6728
กำลังโหลดความคิดเห็น