โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
“ยามเมื่อลมพัดหวน” เป็นชื่อหนังที่แวบเข้ามาในความคิดผม ในขณะกำลังเดินเที่ยวอยู่ที่ “ภูฝอยลม” สถานที่ซึ่งผม“อยากให้ฝอยลมพัดหวน”เกิดขึ้น
1…รู้จักฝอยลม
ภูฝอยลม ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพันดอน-ปะโค ต.ทับกุง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี มีสภาพเป็นพื้นที่โล่งบริเวณยอดเขาของเทือกเขาภูพานน้อย มีความสูงจากกระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 600 เมตร
พี่“พิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์” นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าโครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูฝอยลม ผู้อาสามาเป็นคนพาผมทัวร์ภูฝอยลม ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ว่า เดิมภูฝอยลมเป็นป่าต้นน้ำที่สำคัญมีสภาพอุดมสมบูรณ์ มีความอากาศหนาวเย็น และมีความชุ่มชื้นสูงมาก จนเกิดสิ่งเล็กๆที่เรียกว่า“ฝอยลม” ขึ้น และเป็นที่มาของชื่อภูแห่งนี้
ฝอยลม(Usnea abissinica Mot.) เป็น “ไลเคน”ชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในกลุ่ม “Frutiose” เป็นไลเคนประเภทพุ่มกอ มีลักษณะเป็นเส้นฝอยสีเขียวปนเทา เกาะอาศัยอยู่ตามลำต้น ตามกิ่งของต้นไม้ขนาดใหญ่ และสามารถกระจายไปได้ทั่วบริเวณ
ฝอยลมเป็นไลเคนที่พบหาได้ยาก เพราะมันจะเจริญเติบโตเฉพาะในผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ที่มีความชุ่มชื้นสูงและมีสภาพอากาศที่เหมาะสม ซึ่งป่าภูฝอยลมในอดีตนั้นมีลักษณะเช่นนี้
อย่างไรก็ดีป่าภูฝอยลมอัน(เคย)อุดมสมบูรณ์นั้น ดูจะมีสภาพไม่ต่างจากป่าหลายๆแห่งในเมืองไทย เพราะป่าผืนนี้ได้ถูกผู้คนบุกรุกทำลายจนสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์กลับกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ส่วนฝอยลมที่เคยมีอยู่เป็นจำนวนมากก็ค่อยๆลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ก่อนจะสูญหายไปกลายเป็นตำนานของฝอยลมแห่งภูฝอยลมให้คนรุ่นหลังถามว่า
“ฝอยลม มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร?”
2...ชีวิตใหม่ภูฝอยลม
หลังป่าภูฝอยลมเปลี่ยนสภาพจากป่าสมบูรณ์เป็นป่าเสื่อมโทรมจนฝอยลมสูญหายไป จนกระทั่งในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ.2528 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินยังโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสามพาด ที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาความแห้งแล้ง พระองค์ท่านทรงให้แนวพระราชดำริว่า ถ้าอยากให้จังหวัดอุดรธานี ไม่แห้งแล้ง ต้องมีต้นไม้ให้มากกว่านี้
นั่นถือเป็นดังการชุบชีวิตใหม่ให้กลับภูฝอยลม เพราะหลังจากนั้นทางจังหวัด ภาครัฐ ได้ตื่นตัว มีการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ จัดทำโครงการเพื่อฟื้นฟูสภาพป่าขึ้น
โดยในปี 2533 ได้มีการริเริ่มจัด “โครงการเยาวชนพิทักษ์ไพร”ขึ้น เพื่อฝึกอบรมเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้เห็นความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 กรมป่าไม้ ได้อนุมัติให้จัดตั้ง“สวนรวมพรรณไม้ป่า 60 พรรษามหาราชินี”ขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพรรษาครบ 60 พรรษา และเพื่อใช้เป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ฝนภาคอีสาน รวมถึงเปิดเป็นพื้นที่สำหรับศึกษาธรรมชาติและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ
ครั้นเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงปี พ.ศ. 2541 กรมป่าไม้ได้อนุมัติให้จัดทำโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่แห่งนี้ขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2545 ได้มีการให้งบเพื่อปรับปรุงพัฒนาโครงการนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยว พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “โครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูฝอยลม” (Phu Foilom Ecotourism Project)
3...เที่ยวภูฝอยลม
ภูฝอยลมอาจจะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวฮอตฮิตในอันดับต้นๆของเมืองไทย แต่ที่นี่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน
ในพื้นที่โครงการมีการจัดผังบริเวณอย่างดี มีการตกแต่งภูมิทัศน์ของพื้นที่อย่างสวยงาม หลายจุดจัดเป็นมุมถ่ายรูปชั้นดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไปในช่วงหน้าหนาวที่ดอกไม้เบ่งบานอวดสีสันสวยงามจะน่าอภิรมย์เป็นอย่างมาก ส่วนถ้าไปในช่วงหน้าฝนก็จะได้ในเรื่องของความร่มรื่น ความชุมฉ่ำสดชื่นเขียวขจี ทั้งนี้จุดน่าสนใจในพื้นที่ท่องเที่ยวของโครงการ ได้แก่
-เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติชมพืชพันธุ์ไม้และสภาพป่าอันแตกต่าง เช่น ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง ป่าทุ่งหญ้า รวมถึงยังมีถ้ำและน้ำตกเล็กๆให้เพลิดเพลิน
-จุดชมวิวภูฝอยลมที่สามารถมองลงไปเห็นทิวทัศน์ของป่าเขาเบื้องล่างได้อย่างน่ายล
-ซากลูกระเบิดจากสงครามเวียดนาม ซึ่งที่นี่ถือเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ และการถูกทิ้งบอมบ์จากกองทัพมะกันก็ถือเป็นหนึ่งตัวเร่งสำคัญให้ป่าผืนนี้เหี้ยนเตียนเร็วขึ้น
-สวนรวมพรรณไม้ป่า 60 พรรษามหาราชินี ที่รวบรวมพรรณไม้น่าสนใจต่างๆไว้ให้ชม ในสภาพพื้นที่ที่มีการตกแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงาม น่ายลไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับหลากสีสัน โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่มีการจัดงานทิวลิปบาน ที่นี่พลันคึกคักคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งงานนี้แม้จะมีคนเห็นต่างว่าทำไมทางโครงการไม่นำไม้สวยๆงามๆประจำถิ่นมาจัดงาน หากแต่ต้องไปเสียเงินเสียทองนำดอกไม้จากต่างถิ่นมาจัดแสดง แต่เหตุผลที่ทางผู้จัดงานให้มาก็น่าฟังคือ ถ้านำไม้ประจำถิ่นมาจัดแสดง คนจะมาเที่ยวชมกันน้อยมาก ต่างไปจากการนำดอกทิวลิปมาจัดแสดงที่ถือเป็นแม่เหล็กชั้นดี สามารถเรียกแขกได้เป็นจำนวนมาก
ในโครงการนี้ยังมีสวนต้นไม้ใหญ่น้อยที่ปลูกขึ้นมาให้ผู้สนใจได้ศึกษาเรียนรู้ อย่าง กลุ่มไม้ยืนต้น กลุ่มไม้เศรษฐกิจ กลุ่มไม้มีพิษ กลุ่มไม้มงคล พรรณไม้ในพุทธประวัติ พรรณไม้ในวรรณคดีเป็นต้น
อีกหนึ่งจุดที่เป็นเป็นดังไฮไลท์ของโครงการก็คือ “พิพิธภัณฑ์ล้านปีภูฝอยลม” ที่มุ่งเน้นในเรื่องไดโนเสาร์เป็นพิเศษ โดยมีทั้งส่วนอาคารพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่มีกระดูกไดโนเสาร์ ซากฟอสซิล เรื่องราวอันน่าสนใจของเจ้ากะปอมยักษ์ล้านปี และส่วนจัดแสดงกลางแจ้งที่มีรูปปั้นของไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ รวมถึงเต่า-จระเข้โบราณ นาฬิกาแดด และหุ่นจำลองวิวัฒนาการของมนุษย์จากลิงมาเป็นคนให้ได้เรียนรู้กัน
นอกจากจุดน่าสนใจที่มนุษย์สร้างทำขึ้นแล้วที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ได้แก่ น้ำตกธารงาม น้ำตกนางคอย ถ้ำติ้ว ถ้ำบ่วง ผางูจงอาง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
สำหรับการเที่ยวชมในพื้นที่โครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูฝอยลมนั้น แม้ผมจะไม่ได้ไปตะลุยทั่วทั้งหมดในโครงการ หากแต่เน้นไปเฉพาะจุดที่เป็นไฮไลท์สำคัญๆ
อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่ได้ไปสัมผัสมา ผมพบว่า มนุษย์แม้สามารถทำลายป่าได้ก็สามารถปลูกป่าได้ เพียงแต่ว่าระยะเวลานั้นต่างกันลิบลับ
มนุษย์ผู้มีจิตสำนึกชั่วร้ายอาจใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำลายป่าจนเหี้ยนเตียนได้ภายใน 1 วัน แต่กว่ามนุษย์ผู้มีจิตสำนึกดีจะปลูกป่าให้กลับมาเขียวขจีใหม่อีกครั้งต้องใช้เวลายาวนานนับสิบนับร้อยปี แถมป่าผืนใหม่ที่เกิดขึ้นมายังไงก็ไม่เหมือนเดิม สู้ป่าที่ธรรมชาติสรรค์สร้างไม่ได้
พี่พิชัยบอกกับผมว่าแม้ที่นี่จะปลูกฟื้นป่าขึ้นมาได้ แต่การจะให้ฝอยลมกลับมานั้นคงหมดโอกาส เพราะที่ผ่านมามนุษย์ได้ทำลายป่า ทำลายธรรมชาติ จนระบบนิเวศที่นี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
4…ยามเมื่อ“ฝอยลม”ไม่พัดหวน
“ยามเมื่อลมพัดหวน” เป็นชื่อหนังที่แวบเข้ามาในความคิดผม หลังเดินทางกลับจาก “ภูฝอยลม” สถานที่ซึ่งผม“อยากให้ฝอยลมพัดหวน”เกิดขึ้น โดยจากสภาพที่เห็นและข้อมูลที่ได้รับรู้ ที่นี่แม้จะมีลมพัดหวน
แต่“ฝอยลม”กลับมิอาจพัดหวน
*****************************************
ภูฝอยลม สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู และมีบ้านพักให้บริการสำหรับผู้ต้องการพักค้างท่ามกลางธรรมชาติ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูฝอยลม โทร.0-4291-0902,0-4225-0207,0-4291-0935
“ยามเมื่อลมพัดหวน” เป็นชื่อหนังที่แวบเข้ามาในความคิดผม ในขณะกำลังเดินเที่ยวอยู่ที่ “ภูฝอยลม” สถานที่ซึ่งผม“อยากให้ฝอยลมพัดหวน”เกิดขึ้น
1…รู้จักฝอยลม
ภูฝอยลม ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพันดอน-ปะโค ต.ทับกุง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี มีสภาพเป็นพื้นที่โล่งบริเวณยอดเขาของเทือกเขาภูพานน้อย มีความสูงจากกระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 600 เมตร
พี่“พิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์” นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าโครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูฝอยลม ผู้อาสามาเป็นคนพาผมทัวร์ภูฝอยลม ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ว่า เดิมภูฝอยลมเป็นป่าต้นน้ำที่สำคัญมีสภาพอุดมสมบูรณ์ มีความอากาศหนาวเย็น และมีความชุ่มชื้นสูงมาก จนเกิดสิ่งเล็กๆที่เรียกว่า“ฝอยลม” ขึ้น และเป็นที่มาของชื่อภูแห่งนี้
ฝอยลม(Usnea abissinica Mot.) เป็น “ไลเคน”ชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในกลุ่ม “Frutiose” เป็นไลเคนประเภทพุ่มกอ มีลักษณะเป็นเส้นฝอยสีเขียวปนเทา เกาะอาศัยอยู่ตามลำต้น ตามกิ่งของต้นไม้ขนาดใหญ่ และสามารถกระจายไปได้ทั่วบริเวณ
ฝอยลมเป็นไลเคนที่พบหาได้ยาก เพราะมันจะเจริญเติบโตเฉพาะในผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ที่มีความชุ่มชื้นสูงและมีสภาพอากาศที่เหมาะสม ซึ่งป่าภูฝอยลมในอดีตนั้นมีลักษณะเช่นนี้
อย่างไรก็ดีป่าภูฝอยลมอัน(เคย)อุดมสมบูรณ์นั้น ดูจะมีสภาพไม่ต่างจากป่าหลายๆแห่งในเมืองไทย เพราะป่าผืนนี้ได้ถูกผู้คนบุกรุกทำลายจนสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์กลับกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ส่วนฝอยลมที่เคยมีอยู่เป็นจำนวนมากก็ค่อยๆลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ก่อนจะสูญหายไปกลายเป็นตำนานของฝอยลมแห่งภูฝอยลมให้คนรุ่นหลังถามว่า
“ฝอยลม มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร?”
2...ชีวิตใหม่ภูฝอยลม
หลังป่าภูฝอยลมเปลี่ยนสภาพจากป่าสมบูรณ์เป็นป่าเสื่อมโทรมจนฝอยลมสูญหายไป จนกระทั่งในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ.2528 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินยังโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสามพาด ที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาความแห้งแล้ง พระองค์ท่านทรงให้แนวพระราชดำริว่า ถ้าอยากให้จังหวัดอุดรธานี ไม่แห้งแล้ง ต้องมีต้นไม้ให้มากกว่านี้
นั่นถือเป็นดังการชุบชีวิตใหม่ให้กลับภูฝอยลม เพราะหลังจากนั้นทางจังหวัด ภาครัฐ ได้ตื่นตัว มีการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ จัดทำโครงการเพื่อฟื้นฟูสภาพป่าขึ้น
โดยในปี 2533 ได้มีการริเริ่มจัด “โครงการเยาวชนพิทักษ์ไพร”ขึ้น เพื่อฝึกอบรมเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้เห็นความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 กรมป่าไม้ ได้อนุมัติให้จัดตั้ง“สวนรวมพรรณไม้ป่า 60 พรรษามหาราชินี”ขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพรรษาครบ 60 พรรษา และเพื่อใช้เป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ฝนภาคอีสาน รวมถึงเปิดเป็นพื้นที่สำหรับศึกษาธรรมชาติและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ
ครั้นเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงปี พ.ศ. 2541 กรมป่าไม้ได้อนุมัติให้จัดทำโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่แห่งนี้ขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2545 ได้มีการให้งบเพื่อปรับปรุงพัฒนาโครงการนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยว พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “โครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูฝอยลม” (Phu Foilom Ecotourism Project)
3...เที่ยวภูฝอยลม
ภูฝอยลมอาจจะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวฮอตฮิตในอันดับต้นๆของเมืองไทย แต่ที่นี่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน
ในพื้นที่โครงการมีการจัดผังบริเวณอย่างดี มีการตกแต่งภูมิทัศน์ของพื้นที่อย่างสวยงาม หลายจุดจัดเป็นมุมถ่ายรูปชั้นดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไปในช่วงหน้าหนาวที่ดอกไม้เบ่งบานอวดสีสันสวยงามจะน่าอภิรมย์เป็นอย่างมาก ส่วนถ้าไปในช่วงหน้าฝนก็จะได้ในเรื่องของความร่มรื่น ความชุมฉ่ำสดชื่นเขียวขจี ทั้งนี้จุดน่าสนใจในพื้นที่ท่องเที่ยวของโครงการ ได้แก่
-เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติชมพืชพันธุ์ไม้และสภาพป่าอันแตกต่าง เช่น ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง ป่าทุ่งหญ้า รวมถึงยังมีถ้ำและน้ำตกเล็กๆให้เพลิดเพลิน
-จุดชมวิวภูฝอยลมที่สามารถมองลงไปเห็นทิวทัศน์ของป่าเขาเบื้องล่างได้อย่างน่ายล
-ซากลูกระเบิดจากสงครามเวียดนาม ซึ่งที่นี่ถือเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ และการถูกทิ้งบอมบ์จากกองทัพมะกันก็ถือเป็นหนึ่งตัวเร่งสำคัญให้ป่าผืนนี้เหี้ยนเตียนเร็วขึ้น
-สวนรวมพรรณไม้ป่า 60 พรรษามหาราชินี ที่รวบรวมพรรณไม้น่าสนใจต่างๆไว้ให้ชม ในสภาพพื้นที่ที่มีการตกแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงาม น่ายลไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับหลากสีสัน โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่มีการจัดงานทิวลิปบาน ที่นี่พลันคึกคักคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งงานนี้แม้จะมีคนเห็นต่างว่าทำไมทางโครงการไม่นำไม้สวยๆงามๆประจำถิ่นมาจัดงาน หากแต่ต้องไปเสียเงินเสียทองนำดอกไม้จากต่างถิ่นมาจัดแสดง แต่เหตุผลที่ทางผู้จัดงานให้มาก็น่าฟังคือ ถ้านำไม้ประจำถิ่นมาจัดแสดง คนจะมาเที่ยวชมกันน้อยมาก ต่างไปจากการนำดอกทิวลิปมาจัดแสดงที่ถือเป็นแม่เหล็กชั้นดี สามารถเรียกแขกได้เป็นจำนวนมาก
ในโครงการนี้ยังมีสวนต้นไม้ใหญ่น้อยที่ปลูกขึ้นมาให้ผู้สนใจได้ศึกษาเรียนรู้ อย่าง กลุ่มไม้ยืนต้น กลุ่มไม้เศรษฐกิจ กลุ่มไม้มีพิษ กลุ่มไม้มงคล พรรณไม้ในพุทธประวัติ พรรณไม้ในวรรณคดีเป็นต้น
อีกหนึ่งจุดที่เป็นเป็นดังไฮไลท์ของโครงการก็คือ “พิพิธภัณฑ์ล้านปีภูฝอยลม” ที่มุ่งเน้นในเรื่องไดโนเสาร์เป็นพิเศษ โดยมีทั้งส่วนอาคารพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่มีกระดูกไดโนเสาร์ ซากฟอสซิล เรื่องราวอันน่าสนใจของเจ้ากะปอมยักษ์ล้านปี และส่วนจัดแสดงกลางแจ้งที่มีรูปปั้นของไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ รวมถึงเต่า-จระเข้โบราณ นาฬิกาแดด และหุ่นจำลองวิวัฒนาการของมนุษย์จากลิงมาเป็นคนให้ได้เรียนรู้กัน
นอกจากจุดน่าสนใจที่มนุษย์สร้างทำขึ้นแล้วที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ได้แก่ น้ำตกธารงาม น้ำตกนางคอย ถ้ำติ้ว ถ้ำบ่วง ผางูจงอาง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
สำหรับการเที่ยวชมในพื้นที่โครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูฝอยลมนั้น แม้ผมจะไม่ได้ไปตะลุยทั่วทั้งหมดในโครงการ หากแต่เน้นไปเฉพาะจุดที่เป็นไฮไลท์สำคัญๆ
อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่ได้ไปสัมผัสมา ผมพบว่า มนุษย์แม้สามารถทำลายป่าได้ก็สามารถปลูกป่าได้ เพียงแต่ว่าระยะเวลานั้นต่างกันลิบลับ
มนุษย์ผู้มีจิตสำนึกชั่วร้ายอาจใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำลายป่าจนเหี้ยนเตียนได้ภายใน 1 วัน แต่กว่ามนุษย์ผู้มีจิตสำนึกดีจะปลูกป่าให้กลับมาเขียวขจีใหม่อีกครั้งต้องใช้เวลายาวนานนับสิบนับร้อยปี แถมป่าผืนใหม่ที่เกิดขึ้นมายังไงก็ไม่เหมือนเดิม สู้ป่าที่ธรรมชาติสรรค์สร้างไม่ได้
พี่พิชัยบอกกับผมว่าแม้ที่นี่จะปลูกฟื้นป่าขึ้นมาได้ แต่การจะให้ฝอยลมกลับมานั้นคงหมดโอกาส เพราะที่ผ่านมามนุษย์ได้ทำลายป่า ทำลายธรรมชาติ จนระบบนิเวศที่นี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
4…ยามเมื่อ“ฝอยลม”ไม่พัดหวน
“ยามเมื่อลมพัดหวน” เป็นชื่อหนังที่แวบเข้ามาในความคิดผม หลังเดินทางกลับจาก “ภูฝอยลม” สถานที่ซึ่งผม“อยากให้ฝอยลมพัดหวน”เกิดขึ้น โดยจากสภาพที่เห็นและข้อมูลที่ได้รับรู้ ที่นี่แม้จะมีลมพัดหวน
แต่“ฝอยลม”กลับมิอาจพัดหวน
*****************************************
ภูฝอยลม สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู และมีบ้านพักให้บริการสำหรับผู้ต้องการพักค้างท่ามกลางธรรมชาติ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูฝอยลม โทร.0-4291-0902,0-4225-0207,0-4291-0935