xs
xsm
sm
md
lg

เชียงรายรำลึก โต้ลมหนาว“ภูชี้ฟ้า” อำลาทะเลหมอกเหมันต์/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
ภูชี้ฟ้า มุมมหาชน
“เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป ผ่านไปพร้อมใบไม้บาง ร่วงลงพริ้ว ปลิวลู่ลงทาง ดูใบไม้วาง อ้างว้าง เอกา...”

เพลง : เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป : สุชาติ ชวางกูร

อีกไม่กี่วันฤดูเหมันต์อย่างเป็นทางการกำลังจะผ่านพ้นไป ส่วนที่ไม่เป็นทางการก็คือที่กรุงเทพฯวันนี้อากาศร้อนระยับ แต่กระนั้นมันก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้บางวันมีถึง 3 ฤดูให้สัมผัสกันทั้ง ร้อน ฝน หนาว
รับแสงแรกแห่งวัน
ดังนั้นเราๆท่านๆควรระวังดูแลรักษาสุขภาพให้ดี เพราะในช่วงที่สภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลงบ่อยเช่นนี้ อะไรๆมันก็บ่แน่ดอกนาย

1...

สำหรับช่วงฤดูเหมันต์หรือหน้าหนาวของฤดูกาลที่ผ่านมา ถือเป็นฤดูหนาวในฝันของใครหลายๆคน เพราะอากาศมันหนาวเย็นได้ใจ โดยเฉพาะตามขุนเขา ภู ดอย ในภาคเหนือและภาคอีสานนี่ หลายแห่งหนาวจัดถึงขนาดเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งตามใบไม้ยอดหญ้า หรือ “แม่คะนิ้ง” หรือ “เหมยขาบ” กันเลยทีเดียว
ทะเลหมอก ไฮไลท์แห่งภูชี้ฟ้า
อย่างไรก็ดี ตามแหล่งท่องเที่ยวภูสูงดอยสวยดังๆ ต่อให้ยิ่งสูงยิ่งหนาวแค่ไหน แต่นั่นหาได้เป็นอุปสรรคต่อนักท่องเที่ยวผู้รักการท้าทายไม่ เพราะหน้าหนาวถือเป็นช่วงเวลาทองของการขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ ชมพระอาทิตย์ขึ้น -ตก และชมทะเลหมอก ที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัสชื่นชมในความงามกันอยู่ชั่วนาตาปี โดยจุดชมทะเลหมอกแสนงามในอันดับต้นๆของเมืองไทย อย่าง “ห้วยน้ำดัง” เชียงใหม่ กับที่ “ภูชี้ฟ้า” เชียงรายนั้น ถ้าหากไปในช่วงหน้าหนาวราวเดือน ธ.ค. - ก.พ.แล้ว ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยผิดหวังกลับมา

แต่ถึงกระนั้นธรรมชาติก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะผมเคยไปห้วยน้ำดังในช่วงเดือนม.ค. ปรากฏว่าฟ้าเคลียร์จริงๆชนิดไม่มีหมอกลอยมาให้ชื่อใจแม้แต่สายเดียว เห็นเพียงวิวทิวทัศน์ของขุนเขาที่ไม่ใช่เป้าประสงค์ของเราที่อยากเห็นทะเลหมอกมากกว่า ส่วนที่ภูชี้ฟ้านั้นก็เคยไปกินแห้วที่นั่นมาแล้วเหมือนกัน ตอนนั้นไปช่วงปีใหม่พอดี ปรากฏว่าหมอกลงหนาทึบ(มาก)บดบังทัศนียภาพ(หมด) ชนิดไกลเกินกว่า 10 เมตรก็มองไม่เห็นกันแล้วเมื่อเดินขึ้นไปจึงไม่เจอทะเลหมอก เพราะสายหมอกมันได้ลอยมารุมล้อมรอบตัวเราไปหมด งานนี้จึงแต่ทะเลคนที่หลั่งไหลมาเที่ยวกันในวันหยุดยาวเต็มแน่นไปหมด
อีกมุมหนึ่งของจุดชมทะเลหมอก
แต่นั่นเป็นความไม่สมหวังที่เกิดขึ้นในช่วงหน้าหนาวเพียงแห่งละครั้งเดียว ส่วนการไปแอ่วในครั้งอื่นๆนั้น สามารถคุยได้ว่า“ไปแล้วคุ้ม” เพราะทะเลหมอกที่ปรากฏมีทั้งสวยมาก สวยน้อยแตกต่างกันไป

ในขณะที่การขึ้นไปแอ่วภูชี้ฟ้าครั้งหลังนี้ มีความพิเศษตรงที่นอกจากจะไปแล้วคุ้มแล้ว ยังสวยเกินคาดอีกด้วย เพราะผมไปในช่วงปลายหนาวที่ไม่ได้มีทะเลหมอกงามๆให้ชมกันทุกวัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและ“ดวง” ที่หากโชคดีก็จะได้เห็นทะเลหมอกสวยงามสมดังความคาดหวัง

2...

สำหรับภูชี้ฟ้าหลังคาเชียงราย เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดอยผาหม่น ตั้งอยู่ใน ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย บนรอยต่อระหว่างแนวตะเข็บของเส้นแบ่งพรหมแดนของประเทศไทย-ลาว มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,628 เมตร
สายหมอกล่องลอยในขุนเขา
ภูชี้ฟ้าเป็นภูที่มีลักษณะสัณฐานอันโดดเด่น ด้านหนึ่งเป็นหน้าผาตัด ยอดภูด้านหนึ่งมีลักษณะตัดราบ ปลายแหลมเหลี่ยมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า สมชื่อภูชี้ฟ้า

ในอดีตยุคสงครามเย็น ภูชี้ฟ้าเป็นหนึ่งในพื้นที่สู้รบของผู้ที่มีความคิดต่างทางการเมืองระหว่างรัฐบาลกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.)

หลังควันไฟการสู้รบยุติ ภูชี้ฟ้าได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เพราะขึ้นชื่อลือชาว่ายามเช้าของที่นี่มีทะเลหมอกที่งดงามนัก ก่อนที่จะได้รับการประกาศจัดตั้งให้เป็น “วนอุทยานภูชี้ฟ้า"ในปี พ.ศ. 2541

ตัวผมเองมีโอกาสได้ไปสัมผัสกับความงามของทะเลหมอกและทิวทัศน์บนชี้ฟ้าครั้งแรกเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ในยุคที่ผมยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยวัยระห่ำ สมัยนั้นภูชี้ฟ้าเพิ่งเริ่มดัง ยังไม่ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยานเหมือนทุกวันนี้
ทะเลหมอก ปรากฏเป็นประจำในหน้าหนาว
ช่วงนั้นผมกับเพื่อนๆโบกรถจากเชียงใหม่ไปแอ่วเชียงราย แล้วค่อยๆหาทางบากบั่นต่อไปยังภูชี้ฟ้า ซึ่งพวกเรานำเต็นท์และเสบียงไปก่อไฟนอนจิบเหล้าข้าวโพดเคล้าแสงดาวกันแถวยอดภู ก่อนที่จะตื่นมาสัมผัสกับทะเลหมอกยามเช้าอันแสนงาม

ภูชี้ฟ้าในยุคนั้นมีสภาพค่อนข้างดิบ ยอดภูมีสภาพเป็นป่าหญ้า ไม่มีถนนลานจอดรถ ไม่มีร้านค้าเป็นแถวยาว ไม่มีรีสอร์ทมากหลาย และไม่มีนักท่องเที่ยวมากมายเหมือนทุกวันนี้ ดังนั้นการขึ้นไปเยียบภูชี้ฟ้าครั้งแรกของผมจึงถือเป็นความทรงจำอันแสนงาม ที่ภาพอดีตยังคงตราตรึงมาจนถึงทุกวันนี้
2 หนูน้อยผู้มาสร้างสีสันให้กับภูชี้ฟ้า
3...

ชี้ฟ้าในวันแม้สภาพรอบข้างบริเวณด้านล่างก่อนทางขึ้น จะดูเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพการณ์ทางการท่องเที่ยวที่เติบโตโด่งดัง แต่สภาพธรรมชาติโดยรวมของภูชี้ฟ้า ณ จุดชมทะเลหมอกก็ยังดูไม่ต่างจากเดิม มีเพียงลวดสลิงที่ขึงกันเป็นแนวริมหน้าผาที่มีการสร้างเพิ่มเติมขึ้นมา หลังเกิดอุบัติเหตุนักท่องเที่ยวพลัดตกภูเสียชีวิตในวันที่หมอกลงจัดเมื่อหลายปีก่อน

สำหรับการเดินเท้าขึ้นไปพิชิตภูชี้ฟ้านั้น จากลานจอดรถต้องเดินเท้าขึ้นเขาสูงชันขึ้นไปอีกประมาณ 700 เมตร ซึ่งระหว่างทางจากตีนภูไปสู่ยอดภู นอกจากเส้นทางจะสูงชันแล้ว ในเช้าวันนั้นอากาศยังหนาวเหน็บ ลมแรงระยับ ชนิดพัดขาตั้งกล้องสั่น ถ้าไม่ยึดจับให้ดี

แต่ประทานโทษ!?! แม้จะหนาวเหน็บ ลมแรงแค่ไหน แต่ดูเหมือนน้องๆชาวม้งที่มานั่งขายของริมทาง หรือมาแต่งชุดม้งสวยๆยืนร้องเพลงแลกเงิน(ตามกำลังศรัทธา)นั้น จะไม่แสดงอาการเหน็บหนาวใดๆให้เห็น พวกหนูยังคงปฏิบัติหน้าที่โยกย้ายส่ายเต้น ร้องเพลง ให้นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไป-มา เป็นที่น่าเอ็นดู ชนิดที่ใครหลายคนเห็นแล้ว อดไม่ได้ต้องควักเงินส่งให้น้องๆหนูๆเหล่านั้นเก็บไว้เป็นค่าขนมหรือทุนการศึกษาไม่ได้
ภูชี้ฟ้ายามตะวันลอยเด่น
จากจุดเริ่มต้น หลังเดินมาได้ประมาณ 500 เมตร ผมก็มาถึงยังจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่สามารถมองเห็นรูปพรรณสัณฐานของภูชี้ฟ้า ที่เป็นยอดเหลี่ยมแหลม หน้าผาตัด เปิดพื้นที่อีกฟากหนึ่งทางฝั่งลาวที่มีแม่น้ำโขงไหลผ่านให้มองเห็นทะเลหมอกลอยไหลได้อย่างสวยงาม แต่ดูเหมือนในเช้ามืดของวันนั้นช่วงที่ผมไปยืนหนาวเหน็บรอตะวันแรกแย้มเบิกฟ้า ปรากฏว่าเมื่อมองลงไปเบื้องล่าง แววชักไม่ค่อยดี เพราะสายหมอกที่ลอยมาโชว์ตัวให้เห็นมันช่างบางและจางเหลือเกิน

บางจนผมคิดว่าเช้านี้คงจะต้องกินแห้วเสียแล้ว
เทือกเขาดอยผาหม่น แห่งภูชี้ฟ้า
แต่ประทานโทษ!?! (อีกครั้ง) หลังจากแสงยามเช้าค่อยๆฉาบทอสาดส่องเข้ามา สายหมอกที่ดูบางและจางก็เปลี่ยนไป กลายเป็นทะเลหมอกไหลเอื่อยลอยระเรื่อยดุจดังปุยนุ่นปกคลุมทิวทัศน์ทะเลภูเขาในเบื้องหน้า

หลังจากนั้นผมใช้เวลาเดินเก็บภาพทะเลหมอกยามเช้าของที่นี่ นับตั้งแต่ดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าสาดส่องทะเลหมอกเป็นสีทองอร่าม ก่อนที่แสงแดดอ่อนๆของยามเช้าจะค่อยสาดส่องเป็นลำโลมไล้ไปตามมวลหมู่ทะเลหมอกที่ลอยไหล ท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ตั้งตระหง่าน เสริมภาพสีสันของทะเลหมอกให้ดูมีมิติมีจังหวะจะโคน สมศักดิ์ศรีของจุดชมทะเลหมอกแสนงามในอันดับต้นๆของเมืองไทย
บนยอดภูมีสลิงขึงเป็นแนวกันตก
นั่นจึงทำให้ในทุกๆหน้าหนาว ภูชี้ฟ้าจึงเนืองแน่นคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเฝ้ารอชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดภูแห่งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อขึ้นไปเยือนแล้วมักจะไม่ค่อยผิดหวัง

ยกเว้นก็แต่ในวันดวงแตกฟ้าฝนไม่เป็นใจ ที่สุดท้ายอาจต้องกินแห้วกลับไป

แต่นี่ไยมิใช่เสน่ห์แห่งธรรมชาติที่มนุษย์มิอาจคาดเดา
กำลังโหลดความคิดเห็น