อพท. ร่วมกับ เอแบค ทำโครงการวิจัยศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนดนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อการท่องเที่ยว หวังเป็นต้นแบบการพัฒนาเขตพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว บนหลักการ การพัฒนาพื้นที่ต้องอยู่บนเป้าหมายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และมีกระบวนการมีส่วนร่วมที่ชัดเจนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
พันเอก ดร. นาฬิกอติภัค แสงสนิท ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. หรือ DASTA กล่าวว่า อพท. ได้ร่วมกับ สถาบันพัฒนาองค์กรมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือ เอแบค ศึกษาและวิจัยโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนดนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อการท่องเที่ยว (Special Economic Zone for Tourism) เพื่อค้นหาต้นแบบการพัฒนาเขตพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว โดยจะทำการวิเคราะห์ระเบียบ กฎหมายต่างๆ เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางในการออกแบบระเบียบวิธีปฏิบัติในกรอบกฎหมายเพื่อตอบสนองการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ได้ผลตามเป้าหมาย
“นอกจากนี้ยังได้ศึกษาวิเคราะห์และกำหนดโอกาสในการดึงดูดนักลงทุนเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง โดยกำหนดจุดขายที่แตกต่าง แข่งขันได้, ศึกษาวิเคราะห์และกำหนดแนวทาง การส่งเสริมให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชนในเขตพื้นที่พิเศษ ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และการธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมวิถีชีวิตที่ดีแบบไทย โดยใช้รูปแบบการศึกษาอย่างมีส่วนร่วม (Co-creation) จากคนในท้องถิ่นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง และเปิดโอกาสให้เกิดนวัตกรรมในการพัฒนาพื้นที่พิเศษนี้”
ผอ. อพท. กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางรัฐบาลใหม่เกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยวต้อง “ตั้งเป้าและสนับสนุนงบประมาณ” ให้ถูกทิศทาง เพื่อสนับสนุนให้มีการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่เป้าหมายสู่ความยั่งยืนครบทั้งสามมิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่ง อพท. จะเสนองานวิจัยชิ้นนี้ให้รัฐบาลใหม่เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวไทย ซึ่ง Model นี้มุ่งใช้การขับเคลื่อนด้วยความเข้มแข็งเชิงเศรษฐกิจ สร้างระบบให้มีกระบวนการและกลไกในการนำประโยชน์จากการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสู่การพัฒนาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรม
ซึ่ง โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนดนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อการท่องเที่ยวนี้ จะได้มีงานวิจัยแล้วเสร็จภายใน 6 เดือนข้างหน้านี้ อพท. หวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายดังกล่าว จะเป็นประโยชน์กับรัฐบาลใหม่
ด้าน ดร. อุดม หงส์ชาติกุล หัวหน้าโครงการฯ ผู้อำนวยการดัชนีผู้บริโภคมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC Consumer Index)บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า การสร้างต้นแบบในการพัฒนาเขตพื้นที่พิเศษมาประยุกต์ใช้เพื่อการท่องเที่ยวนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง และจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดทิศทางการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
“ทั้งยังส่งเสริมการลงทุนจากภาคเอกชน ให้มีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เป็นการท่องเที่ยวยั่งยืนอย่างแท้จริง การพัฒนาเช่นนี้ในประเทศไทยได้มีการศึกษาและมีหลักการอยู่บ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีต้นแบบที่นำไปสู่การปฏิบัติได้จริง ดังนั้นโครงการนี้จะช่วยค้นหาพื้นที่เพื่อการศึกษาที่เหมาะสม โดยกำหนดคุณลักษณะของพื้นที่มีความเป็นไปได้ทางกายภาพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาเป็นเขตพื้นที่พิเศษได้” ดร. อุดม กล่าว
