แน่นอนว่าเมื่อเอ่ยถึง “ซูชิ” ก็ต้องนึกถึงอาหารญี่ปุ่น เพราะซูชิหรือข้าวปั้นมีหน้า เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ข้าวมีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู และกินคู่กับปลา เนื้อ หรือของคาวชนิดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น แทบจะเรียกได้ซูชิเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของอาหารญี่ปุ่น ที่ทำให้นักกินชาวไทยรู้จักอาหารญี่ปุ่นผ่านจากซูชิสารพัดหน้า และหลากหลายรสชาติอันถูกปากนักกินชาวไทยนักแล
และในมื้อนี้หากใครที่ชื่นชอบกินอาหารญี่ปุ่น “ตระเวนกิน” จะขอพาไปอิ่มหนำสำราญปากให้ถูกใจกับอาหารญี่ปุ่นรสดียังร้าน “ซูชิมารุ” ที่ถึงแม้จะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นไม่ได้ใหญ่โตมากมาย แต่กลับมีความน่าสนใจในเรื่องของรสชาติอาหารที่ทางร้านคัดสรรแต่วัตถุดิบชั้นดี มีคุณภาพมาปรุงเป็นเมนูญี่ปุ่นสารพัดรายการ ที่มีการปรับรสชาติให้เข้ากับลิ้นคนไทย ให้ได้เลือกกินกันแบบหลากหลาย ตามแต่ใจชอบกันเลย
อย่างที่ “ตระเวนกิน” มาถึงร้านปุ๊บหาที่นั่งได้ปั๊บก็ขอเมนูสั่งอาหารจานเด็ดมาแบบไม่อั้น เอาแบบที่ชอบๆ ทั้งนั้นเริ่มจากเมนูแรกเป็นสลัดสไตล์ญี่ปุ่น ชื่อว่า Sashimi Salad (180 บาท+) ทางร้านนำผักไฮโดรโปนิกส์หลายชนิดสดๆ แล้วก็มีกุ้งต้ม ปลาทูน่าสด แซลมอนสด ใส่ด้วยด้วย และก็โรยหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอน มาพร้อมกับน้ำสลัดให้เลือก 2 อย่างคือ น้ำสลัดพอนซึซอส และน้ำสลัดสไปซี่ที่ทางร้านปรุงขึ้นเป็นพิเศษ กินสลัดจานนี้แล้วต้องบอกว่าผักสดกรอบเข้ากับเนื้อกุ้ง ปลาทูน่า และปลาแซลมอนที่สดหวาน และผสานกับน้ำสลัดที่เข้มข้นรสชาติดีทั้ง 2 แบบเลย
และก็ต้องไม่พลาดที่จะสั่งซูชิมากินกัน เลือกสั่งมาเป็น Nigiri Sushi A (950 บาท+) มาแบบจัดเต็มเลยทีเดียว กับซูชิสารพัดหน้า มีทั้งหน้าปลาโทโร่ ปลาทูน่า ปลาฮามาจิ กุ้งหวาน ไข่ปลาแซลมอน หอยปีกนก กุ้งหวาน หอยเชลล์ยักษ์ ไข่หอยเม่น และยังมีซูชิไส้ปลาทูน่า ลิ้มรสซูชิของที่นี่แล้วขอบอกว่าชิ้นใหญ่คำโตมาก ข้าวญี่ปุ่นเม็ดนุ่มรสชาติละมุนลิ้นเข้ากับหน้าต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีความสดถูกปากมากๆ เลย
กินซูชิแล้วจะพลาดซาซิมิก็เห็นจะไม่ได้ เลยสั่งเมนูนี้ Sashimi Mori B (800 บาท+) เป็นปลาดิบรวมหลากหลายอย่างที่ทางร้านเน้นปลาเกรดดีมีคุณภาพแล่มาเป็นชิ้นพอดีคำ มีปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาฮามาจิ หอยปีกนก หอยเชลล์ยักษ์ กุ้งหวาน ปูอัด กินซาซิมิเมนูนี้แล้วขอยกนิ้วให้ในรสชาติของปลาแต่ละอย่างที่ล้วนแล้วแต่มีความสดได้ใจ
จากนั้นมาชิมเมนูปลาอย่างอื่นกันบ้างนำเสนอ แซลมอนเทอริยากิ (180 บาท+) เป็นปลาแซลมอนส่วนกลางตัวชิ้นใหญ่ เอามาแล่และโรยเกลือนิดหน่อย ก่อนนำไปย่างและทาด้วยซอสเทอริยากิสูตรเด็ด ย่างไปทาซอสไปจนปลาสุกได้ที่ ก่อนเสิร์ฟราดด้วยซอสเทอริยากิอีกที กินแล้วโดนใจตรงที่เนื้อปลาแซลมอนนุ่มหวานได้รสชาติซอสเทอริยากิที่หอมหวานอีกด้วย
แก้มปลาฮามาจิย่าง (300 บาท+) เป็นอีกหนึ่งเมนูปลาที่ชวนกิน ทางร้านใช้เฉพาะแก้มปลาฮามาจิ เอามาย่างและโรยเกลือ ย่าจนหนังปลากรอบเนื้อปลาสุกได้ที่ เสิร์ฟมาร้อนๆ พร้อมกับมะนาว หัวไชเท้าขูดฝอย และน้ำซอสพอนซึให้จิ้มกินคู่กับปลา เวลากินถ้าอยากได้รสชาติที่แปลกใหม่แนะนำว่าให้บีบมะนาวลงไปในหัวไชเท้า แล้วก็คีบเนื้อปลาฮามาจิกินพร้อมกันไป หรือจะกินปลาฮามาจิย่างจิ้มซอสพอนซึ ก็ได้รสชาติของเนื้อปลาที่หวานนุ่มผสานรสชาติอมเปรี้ยว อมเค็มกลมกล่อมถูกปากดี
และเมนูสุดท้ายที่เลือกอิ่มคือ ทงคัตสึราเมง (140 บาท+) เป็นราเมงเส้นสด โดดเด่นที่น้ำซุปที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเองจากกระดูกหมูที่ปรุงเคี่ยวรวมกับซอสญี่ปุ่นนานกว่า 7 ชม. และยังมีหมูชาชูที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเองอีกเช่นกัน แถมยังใส่ไข่ต้ม สาหร่ายสด แล้วโรยหน้าด้วยงาขาวกับหอมซอย ชิมราเมงซดน้ำซุปหอมหวานออกเค็มกลมกล่อม เส้นราเมงนุ่มไม่เละ ส่วนหมูชาชูก็เนื้อนุ่มดี
แต่ขอบอกว่าถึงแม้เราจะปิดมื้ออิ่มไปแล้วก็ยังไม่วายปลายตาแอบเห็นว่ายังมีเมนูแนะนำอื่นๆ ที่ชวนกินอีกมากมายเลย อาทิ ปลาดิบรวม 3 แบบ (450 บาท+) ข้าวหน้าปลาดิบ (330 บาท+) และยังมีเซ็ทเมนูกลางวันราคาพิเศษช่วงเวลา 11.30-14.00 น. มีเมนูถึง 17 รายการให้เลือกอิ่ม อาทิ ข้าวหน้าแกงกะหรี่ (109 บาท+) ข้าวหน้าปลาซาบะ (119 บาท+) ข้าวปั้นหน้าปลาดิบรวมเซ็ท A (450 บาท+) และอีกนานาเมนูอาหารญี่ปุ่นที่ล้วนแล้วแต่น่ากินทั้งนั้น
หากใครเป็นแฟนอาหารญี่ปุ่นแล้วนึกอยากกินอาหารญี่ปุ่นรสชาติดี ที่คุ้มค่ากับราคา ก็ขอแนะนำว่าร้าน “ซูชิมารุ” เป็นอีกหนึ่งร้านที่น่าสนใจให้มาลิ้มลองไม่น้อยเลย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“ซูชิมารุ” (Sushi Maru) ตั้งอยู่ที่ 36/20 ซ.มหาดเล็กหลวง 1 ถ.ราชดำริ ปทมุวัน กทม. การเดินทางถ้ามาจากถ.ราชดำริ ให้เลี้ยวเข้าซ.มหาดเล็กหลวง 1 ตรงเข้ามาสุดซอยจนถึงคอนโดแสนสิริ ก็เลี้ยวขวาเข้ามาด้านหลังคอนโด จะเห็นร้านตั้งอยู่ซ้ายมือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน จอดรถได้หน้าร้าน หรือถ้านั่งรถไฟฟ้าBTS ให้ลงที่สถานีราชดำริ แล้วเดินมาทางซ.มหาดเล็กหลวง 2 ตรงเข้ามาจนสุดซอย เลี้ยวซ้ายมาด้านหลังคอนโดแสนสิริก็จะเจอร้านซูชิมารุ เปิดทุกวัน (หยุดวันอังคาร) เวลา 11.30-14.00 น. และ 17.30-22.00 น. ควรโทร. มาจองโต๊ะก่อนจะดีที่เบอร์ 0-2652-2290
คลิก!!อ่านรายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยังร้าน “ซูชิมารุ”(Sushi Maru)