xs
xsm
sm
md
lg

ท่อง 2 เมือง "บุรี" สุขีทุ่งทานตะวัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทุ่งทานตะวันลพบุรี-สระบุรี สามารถชมได้ตังแต่วันนี้ถึงราวๆเดือน ก.พ.ปีหน้า
แสงแดดในฤดูหนาวนั้นมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

แม้ว่าอากาศที่เราสัมผัสในเมืองกรุงนั้นอาจจะไม่ค่อยได้บรรยากาศความหนาวเหน็บแห่งเหมันต์ฤดูเท่าไหร่ แต่ยังไงๆแสงแดดหน้าหนาว โดยเฉพาะยามเช้าและเย็นนั้น มันก็เย้ายวนชวนให้"ตะลอนเที่ยว"อยากเดินทางท่องเที่ยวไม่น้อย

ไม่เพียงเท่านั้นแสงแดดหน้าหนาวยังช่วยขับและปลุกเร้าดอกไม้หลายชนิดให้สวยงามโดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะกับดอกทานตะวันที่เบ่งบานตามแสงแดด ซึ่งตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงราวเดือนกุมภาพันธ์ แถวสระบุรี-ลพบุรี กำลังเหลืองอร่าม พราวสะพรั่งไปด้วยท้องทุ่งดอกทานตะวันที่ได้ฤกษ์ออกดอกผลิบานให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมส่งท้ายปีกันอีกครั้ง

นั่นจึงทำให้ทริปนี้เราตั้งเข็มทิศการเดินทางตรงไปยังจังหวัดไม่ไกลกรุงเทพฯอย่างลพบุรี-สระบุรี ก่อนจะมุ่งหน้าเดินทางไปเสพความงามของทุ่งทานตะวันและสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆ เพื่อสัมผัสในเสน่ห์ของ 2 เมืองบุรี ที่หลายๆคนมักจะมองว่าเป็นเมืองผ่าน แต่ว่าถ้าค้นหาให้ลึกลงไปแล้ว 2 เมืองบุรีนี้มีสิ่งน่าสนใจให้เที่ยวชมกันไม่น้อยเลย
หอคอยเฉลิมพระเกียรติ
จากกรุงเทพฯเราออกเดินทางตอนสายๆ มาแวะกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารใกล้ๆเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฝั่งลพบุรี ที่มีเมนูอันขึ้นชื่อเป็นปลาตะเพียนไร้ก้าง

หลังอิ่มเอมกับอาหารกลางวัน เรามุ่งหน้าสู่"หอคอยเฉลิมพระเกียรติ" ที่อยู่ไม่ไกลจากเขื่อนเท่าไหร่ สำหรับหอคอยนี้สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ที่ทรงพระคุณอันประเสริฐแก่จังหวัดลพบุรีมาตั้งแต่โบราณกาล

หอฯเฉลิมพระเกียรติ เปิดเมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 มีความสูง32เมตร 40เซนติเมตร ทางจังหวัดลพบุรีกำลังโปรโมทให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่สำหรับผู้มาเยือนเขื่อนป่าสักฯ อีกทั้งยังหวังให้เป็นจุดชมวิวและจุดพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว

สำหรับหอฯแห่งนี้ เมื่อเดินเข้าไปทางซ้ายมือด้านล่างจากประตูทางเข้า มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการเฉลิมพระเกียรติบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าที่เกี่ยวข้องกับลพบุรี ประกอบด้วย พระบรมรูปของพระนางเจ้าจามเทวี สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระบรมฉายาลักษณ์ของจักรีวงศ์ทั้ง9พระองค์
สวนเฉลิมพระเกียรติเมื่อมองจากด้านบนหอคอยฯ
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสินค้าที่ผลิตขึ้นในจังหวัดลพบุรี เพื่อการประชาสัมพันธ์และขายเป็นของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมด้วย ส่วนชั้น2-7จะติดภาพเกียรติประวัติบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทั้ง4 ชุด ให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบในพระมหากรุณาธิคุณกัน

"ตะลอนเที่ยว"เมื่อเดินดูด้านล่างจนครบแล้ว เราก็ขึ้นลิฟต์ไปบนจุดชมวิวของหอคอยฯ เพื่อชมทิวทัศน์บนนั้น ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะสามารถมองเห็นวิวได้รอบตัวแบบ 360 องศา โดยเฉพาะวิวของเขื่อนป่าสักนี่สามารถมองเห็นผืนแผ่นน้ำได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สมกับเป็นเขื่อนที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวเกษตรกรภาคกลางจริงๆ
รูปปั้นบูรพมหากษัตริย์ฯที่เกี่ยวข้องกับลพบุรี
หลังจากที่เราได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพจนอิ่มแล้ว เราสลับอารมณ์ด้วยการออกเดินทางไปยัง พระปรางค์สามยอด โบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองลพบุรี ที่เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณพระปรางค์ เหมือนกับว่าเราแยกตัวออกมาอีกโลกหนึ่ง เพราะบริเวณล้อมรอบพระปรางค์นั้นขวักไขว่ไปด้วยรถรา แต่ในพื้นที่พระปรางค์กับขวักไขว่ไปด้วยเจ้าถิ่น นั่นก็คือฝูงลิงที่ออกมาซุกซนอยู่ทั่วไป จนวันนี้ลิงกับพระปรางค์สามยอดกลายเป็นของคู่กันไปแล้ว

สำหรับพระปรางค์สามยอดแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินดินด้านทิศตะวันตกของทางรถไฟใกล้กับศาลพระกาฬ ลักษณะเป็นปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ มีทางเดินเชื่อมต่อกัน ปรางค์องค์กลางสูงประมาณ 21.5 เมตร เป็นศิลปะขอมแบบบายน มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ก่อด้วยศิลาแลงและตกแต่งลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม
พระปรางค์สามยอดโบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองลพบุรี
พระปรางค์สามยอดนี้เดิมคงเป็นเทวสถานของขอมในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ต่อมาได้ดัดแปลงเป็นเทวสถานโดยมีฐานศิวลึงค์ปรากฎอยู่ในองค์ปรางค์ทั้ง 3 องค์ จนกระทั่งถึงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนา แล้วสร้างพระวิหารก่อด้วยอิฐ ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาผสมแบบยุโรปในส่วนของประตูและหน้าต่างภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย ศิลปะแบบอยุธยาตอนต้น เป็นสถาปัตยกรรมโบราณที่ผสมผสานแต่ละยุคสมัยได้อย่างลงตัวทีเดียว

ไหนเมื่อมาพระปรางค์สามยอดแล้ว เราจะไม่ไปเดินชมเจ้าลิงจอมซนและจอมกวนมันก็จะกระไรอยู่ ว่าแล้ว "ตะลอนเที่ยว" จึงออกเดินไปดูเจ้าจ๋อ วิ่ง กระโดด โลดเต้น ปีนป่ายปราสาทราวกับเจ้าของยังไงยังงั้น
 เจ้าจ๋อ จอมซน จอมกวน
หลังชื่นชมกับบรรยากาศของพระปรางค์ในยามเย็นแสงที่พระอาทิตย์สาดแสงคล้อยต่ำลงมา กระทบองค์พระปรางค์ทั้งสามเป็นสีทองอร่าม เราก็เดินทางสู่ที่พักที่จับจองไว้ เพื่อเข้านอนแต่หัววัน เพราะต้องเก็บแรงไว้ตะลอนเที่ยวกันต่อในวันรุ่งขึ้น...

...เช้าวันใหม่

หลังจากอาหารเช้าแล้ว เราไม่รีรอเดินทางไปยังสถานีรถไฟสระบุรีในทันที เพื่อจะให้ทันนั่งรถไฟในขบวนลอยน้ำข้ามเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และขบวนเที่ยวทุ่งทานตะวัน แบบ 2 เด้งไปเลย
เจ้าจ๋อ เจ้าถิ่นแห่งพระปรางค์สามยอด
ครั้นเวลาประมาณ 7.50น. เมื่อรถไฟเคลื่อนขบวน เราถือโอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่มองเห็นวิถีชีวิตชาวบ้าน ทุ่งหญ้า บ้านเรือนต่างๆ ซึ่งสร้างความเพลิดเพลินได้ไม่น้อยเลย

เมื่อ"ตะลอนเที่ยว"นั่งรถไฟมาได้สักพัก ขบวนรถก็มาถึงยังบริเวณทุ่งทานตะวัน ที่ทางการรถไฟเขาแวะจอดให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปชื่นชมความงามของดอกทานตะวันชุดแรกๆแห่งฤดูกาล ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะว่าดอกทานตะวันจำนวนมหาศาลต่างแข่งกันชูช่อบานเหลืองเต็มทุ่ง โดยแต่ละดอกต่างหันไปรับแสงแดดยามเช้า เมื่อกวาดตาไปทั่วๆเหมือนเราอยู่ท่ามกลางพรมสีเหลืองตัดสลับเขียวที่ปูเป็นผืนกว้างอร่ามตาจริงๆ
 ขบวนรถไฟลอยน้ำข้ามเขื่อนป่าสักฯ
ที่ทุ่งทานตะวันแห่งนี้เราใช้เวลาถ่ายภาพกับมวลหมู่ดอกทานตะวันอย่างหนำใจ ก่อนจะขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางต่อไปยังเส้นทางลอยน้ำข้ามเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เมื่อรถไฟแล่นไปจนเข้าเขตเขื่อนป่าสักฯแล้ว เราเริ่มเห็นโค้งที่เขาว่ากันว่าเมื่อมองไกลๆแล้วเหมือน รถไฟกำลังลอยน้ำอย่างที่เราได้เห็นตามโทรทัศน์หรือในหนังสือ Unseen Thailand มาบ้างแล้ว

แล้วรถไฟหยุดเพื่อให้เราได้ถ่ายภาพกัน ซึ่งขอบอกว่าสวยงามจริงๆเพราะว่าข้างหลังเป็นวิวของผืนน้ำกว้างและเมื่อเราเดินไปหัวขบวนและมองไปที่รถไฟก็เหมือนว่ารถไฟมันลอยน้ำจริงๆ เพราะว่ารางของมันนั้นสร้างอยู่เหนือผืนน้ำที่เมื่อมองออกไป หรือว่าถ่ายรูปนั้นมีน้ำและฟ้ากว้างอันเป็นวิวประกอบข้างหลังเราอยู่
ทานตะวันเบ่งบานสู้แสงตะวัน
เมื่อเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณว่าได้เวลาต้องขึ้นแล้ว "ตะลอนเที่ยว"ก็ยืนมองสั่งลา ก่อนขึ้นรถไฟเดินทางกลับ อันเป็นจุดสิ้นสุดของทริปนี้ ที่แม้จะเป็นเพียงทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน แต่ด้วยความน่าสนใจและมนต์เสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มันก็ทำให้เรานอกจากจะได้รับความประทับใจกลับไปแล้ว ยังได้เชื้อไฟเติมพลังแห่งชีวิตกลับไปอีกด้วย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

หอคอยเฉลิมพระเกียรติ เขื่อนป่าสัก เสียค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท และสำหรับผู้สนใจเที่ยวชมทุ่งทานตะวันและท่องเที่ยวในจังหวัดสระบุรี-ลพบุรี สามารถสอบถามข้อมูลทางการท่องเที่ยวได้ที่ ททท.ลพบุรี(ดูแลพื้นที่สระบุรีด้วย) โทร. 0-3642-2768-9
กำลังโหลดความคิดเห็น