โดย : OSK109
9-18 ธ.ค.52 ซีเกมส์ 2009 มหกรรมกีฬาแห่งภูมิภาคอาเซียนได้ฤกษ์ระเบิดศึกขึ้นอีกครั้งอย่างเป็นทางการ(โดยเริ่มแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่วันชาติลาว 2 ธ.ค. แล้ว)
ซีเกมส์ครั้งนี้(ครั้งที่ 25)สปป.ลาวเป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขันกันที่ “เวียงจันทน์” เมืองหลวง นั่นจึงทำให้เมืองนี้ทวีความคึกคักมากยิ่งขึ้น
เวียงจันทน์วันนี้
บรรยากาศของเวียงจันทน์วันนี้ช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเวียงจันทน์เมื่อครั้งที่ผมไปสัมผัสครั้งแรกเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว
เวียงจันทน์สมัยนั้นถนนหนทางแม้ลาดยาง แต่ส่วนใหญ่หมดอายุ ผุ พัง มีรถราวิ่งก็หนักไปทางรถถีบ(จักรยาน) รถจัก(มอเตอร์ไซค์) รถยนต์ยังมีน้อยอยู่ แถมส่วนมากดูเก่าๆทึมๆ หนักไปทางรถจีน รถรัสเซียโน่น ในขณะที่บ้านเมืองนั้นไม่แออัด หลวมๆ โล่งๆ ผู้คนดูไม่เร่งร้อนเร่งรีบเหมือนกรุงเทพฯบ้านเรา
แต่นั่นมันเป็นเรื่องของอดีต เพราะเวียงจันทน์วันนี้ดูผิดตาผิดหูไปจากอดีตมาก ถนนหนทางสะอาดสะด้านลาดยางอย่างดี รถถีบหายไปกว่า 90% แต่มีรถจักใหม่ๆวิ่งปร๋อเข้ามาแทนที่ ส่วนรถยนต์นั้นมีวิ่งกันเต็มเมืองทั้งรถจากจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ใหม่เอี่ยม สีสันสดใส ที่สำคัญคือในชั่วโมงเร่งด่วนตามย่านสำคัญๆ รถติดแหง็กเลยครับพี่น้อง
ด้านมุมมองทางกายภาพของตัวเมืองนั้น ต้องถือว่าเริ่มหนาแน่นแล้ว ตึกรามบ้านเรือนทยอยขึ้นกันเพียบ ทั้งโรงแรม เกสต์เฮาส์ ออฟฟิศ ร้านรวง ร้านอาหารสวยๆเท่ๆ ร้านกาแฟกิ๊บเก๋ อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ สถานบันเทิง ฯลฯ พร้อมกันนี้ยังมีป้ายโฆษณาสารพัดสารพันผุดขึ้นมาเต็มพรึ่ดไปหมด สำหรับป้ายที่มีเยอะมากช่วงนี้คงหนีไม่พ้นป้ายการแข่งขันซีเกมส์ที่มีรูปธาตุหลวงเป็นสัญลักษณ์ แต่นั่นยังไม่เยอะเท่ากับป้ายโฆษณาเบียร์ลาวที่มีให้เห็นแทบทุกมุมของเมือง ส่วนป้ายที่สะดุดตามผมที่สุดกับเป็นป้ายรณรงค์ให้คนลาวใช้เงินกีบของรัฐบาล เพราะทุกวันนี้คนลาวจะใช้เงินบาทกันเป็นหลัก นั่นจึงทำให้เวลาคนไทยไปเที่ยวลาวสามารถที่จะใช้เงินบาทได้อย่างสบายใจ(เฉิบ) แต่เวลาทอนส่วนใหญ่จะกลับมาเป็นเงินกีบ ซึ่งคงต้องทำใจกันนิดหน่อยกับเศษเงิน(บาท)ที่หายไป
นอกจากภาพของเมืองที่เปลี่ยนไปแล้ว ภาพวิถีชีวิตผู้คนในเวียงจันทน์ก็ดูเปลี่ยนไปไม่น้อย พวกเขาดูเร่งรีบ แข่งขันมากขึ้น แม่หญิงลาวส่วนหนึ่งสลัดผ้าซิ่นหันมานุ่งยีนส์ นุ่งสั้น นุ่งชุดตามสมัยนิยมแทน
อย่างไรก็ตามภาพของแม่หญิงลาวนุ่งซิ่นขี่รถจักไปทำงานยังไม่หมดไปจากเวียงจันทน์เพียงแต่น้อยลงไปกว่าแต่ก่อนเท่านั้น ในขณะที่บรรดาสาวๆนักเรียน นักศึกษา ที่แม้จะนุ่งซิ่นไปเรียนตามที่รัฐกำหนด แต่ว่าพร็อพประกอบของพวกเธอหลายๆคนนี่ไม่เบาเลย ทั้งมือถือรุ่นใหม่เอี่ยม(ใหม่กว่ามือถือผมมากมาย) กระเป๋าสะพายกิ๊บเก๋ ร้องเท้าเท่ๆสีสันสดใส ดูแล้วให้ภาพของแม่หญิงลาวยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
เวียงจันทน์วันเที่ยว
ด้วยความที่เวียงจันทน์อยู่ติดกับหนองคาย ไป-มาสะดวกสบาย คนไทยจึงนิยมข้ามไปเที่ยวเวียงจันทน์กันไม่น้อย สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์หลักๆในเวียงจันทน์นั้น มีอยู่ 3 แห่งด้วยกัน
แห่งแรกคือ(พระ)ธาตุหลวง 1 ในพระธาตุศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองลาว ที่เวลาผมไปเวียงจันทน์คราใดต้องหาโอกาสไปสักการะพระธาตุแห่งนี้ให้ได้ เพราะนอกจากขึ้นชื่อในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ธาตุหลวงยังมีความงดงามโดดเด่นเป็นเอกอุ ดึงดูดให้ผู้คนมากราบไหว้ชื่นชมความงามอยู่มิรู้หน่าย ซึ่งตามประวัติกล่าวว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109 ครอบพระธาตุองค์เดิมที่เป็นพระธาตุเก่าแก่ยุคเดียวกับพระธาตุพนม
ภายในพระธาตุบรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า โดยตั้งชื่อพระธาตุองค์นี้ขึ้นใหม่ว่า“พระธาตุโลกจุฬามณี” แต่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “ธาตุหลวง”
ธาตุหลวง คือ งานพุทธศิลป์ที่แสดงความเป็นล้านช้างอย่างเด่นชัด เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประเทศลาว และเป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ ธาตุหลวงมีรูปแบบทางสถาปัตยกรรม เป็นเจดีย์คล้ายสถูปฐานสี่เหลี่ยม มีรูปทรงสมส่วนสีทองเหลืองอร่ามงามตา ช่วงกลางโค้งคอดประดับกลีบบัวหงาย ยอดพระธาตุสูง 45 เมตร รอบๆมีพระธาตุองค์เล็กล้อมรอบ ถัดลงมาเป็นกำแพงธาตุและฐานกลีบบัวหงายอันอ่อนช้อย มีซุ้มพระพุทธรูปที่ชั้นล่างให้ชาวพุทธขึ้นไปกราบไหว้บูชา บริเวณระเบียงรอบองค์พระธาตุมีโบราณวัตถุ อาทิ พระพุทธรูป ใบเสมา ศิวลึงค์ ให้เดินชม ส่วนบริเวณด้านหน้าของธาตุหลวงเป็นที่ตั้ง “พระราชานุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช” 1 ใน วีรบุรุษของชาวลาว ในท่าประทับนั่งดูน่าเกรงขาม
สำหรับภูมิทัศน์หน้าธาตุหลวงในวันนี้ทางการลาวเขาปรับปรุงใหม่เป็นลานซีเมนต์โล่งกว้างปานลานสนามบิน(และร้อนระยับ) มุมด้านหนึ่งเพิ่งสร้างอาคารหอรัฐสภาหลังใหม่เอี่ยมอ่อง นับเป็นสิ่งใหม่ที่จะเข้ามาเสริมภาพของธาตุหลวงให้เปี่ยมมนต์ขลังมากขื้น
จากธาตุหลวงผมเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งที่ 2 นั่นก็คือ “หอพระแก้ว” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่อัญเชิญมาจากเชียงใหม่ ก่อนที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก(ต่อมาคือรัชกาลที่ 1)จะอันเชิญมาประดิษฐานยังวัดพระแก้ว ประเทศไทย
พอพระแก้ว เป็นอาคารสถาปัตยกรรมล้านช้างแบบเวียงจันทน์อันโดดเด่น สร้างโดยพระเจ้าไชยเชษฐาฯเมื่อพ.ศ. 2094 ปัจจุบันจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ดูเก่าแก่เคร่งขรึม ทางขึ้นหอเป็นบันไดปูนปั้นอันงดงาม รอบๆหอประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่สไตล์ลาวให้ชื่นชมกันเป็นระยะๆ ส่วนภายในที่ห้ามถ่ายรูปเป็นที่เก็บโบราณวัตถุชิ้นสำคัญของลาวมากมาย อาทิ พระพุทธรูปเก่าแก่ต่างๆ บานประตูไม้แกะสลักจากพระธาตุอิงฮัง เชิงเทียนไม้แกะสลักชิ้นแรกในเวียงจันทน์ ศิลาจารึกสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาฯ องค์พระบางจำลอง ตู้ใบลาน กลองมโหระทึกสำริด เป็นต้น
จากหอพระแก้วอย่าเพิ่งไปจรลีไปไหน เพราะฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งของ“วัดสีสะเกด” ซึ่งเจ้าอนุวงศ์ทรงให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2361 ตามอย่างศิลปะไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น วัดแห่งนี้มีของดีชวนชมมากมาย อาทิ หอไตรยกคอสอง 2 ชั้น ตัวโบสถ์เก่าขรึมที่ภายในมีจิตกรรมฝาผนังอันพร่าเลือนให้แกะรอย ร่วมด้วยพระพุทธรูปบริเวณระเบียงรอบๆจำนวนมากมาย ทั้งพระพุทธรูปปางต่างๆที่ประทับบนฐาน ทั้งพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในช่องเจาะของกำแพงผนัง รวมถึงชิ้นส่วนของพระพุทธรูปเก่าแก่มากมายที่ทางวัดนำมาเก็บไว้ในจุดเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีโบราณวัตถุน่าสนใจอื่นๆอีกจำนวนหนึ่งให้ชื่นชมกันพอสมควรในวัดแห่งนี้
ออกจากวัดสีสะเกด ผมไปต่อยังจุดท่องเที่ยวไฮไลท์แห่งสุดท้ายนั่นก็คือ “ประตูชัย” (ประตูไซ)ซุ้มประตูขนาดใหญ่ 1 ใน สัญลักษณ์ของเวียงจันทน์ ดูเผินๆประตูชัยแห่งนี้คล้ายประตูชัยกรุงปารีส แต่ในรายละเอียดมีศิลปะแบบล้านช้างผสมอยู่หลายจุดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นยอดปราสาทบนประตู ลวดลายปูนปั้น และภาพวาดบนเพดาน
สำหรับประตูชัยเวียงจันทน์นั้น สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2512 เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงผู้เสียสละในการเรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศส ปัจจุบันประตูชัยถือที่พักผ่อนสำคัญของคนลาว โดยบริเวณสวนหย่อมของประตูยามเย็นย่ำจะมีน้ำพุเต้นระบำให้ชมกัน
นอกจากนี้บนประตูชัยยังสามารถตีตั๋วขึ้นไปชมวิวของเมืองได้อีกด้วย โดยเมื่อเดินขึ้นไปตามบันไดเก่าๆโทรมๆ(ไม่ต่างจากเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเลย) ผ่านร้านขายของที่ระลึกในช่วงสุดท้ายก็จะไปโผล่ยังดาดฟ้าของประตู บนนี้คือจุดชมวิวชั้นดีของเมืองเวียงจันทน์ สามารถมองลงไปได้รอบด้าน
สำหรับผมบนดาดฟ้าประตูชัย นับเป็นจุดชมความเปลี่ยนแปลงของเวียงจันทน์ที่เห็นเป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจนที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านเรือนที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด รถราขวักไขว่ ผู้คนที่เร่งรีบ(มากขึ้นกว่าแต่ก่อน) ซึ่งสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดว่า เวียงจันทน์วันนี้ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงและกำลังเติบโตทางวัตถุอย่างยิ่งยวดอันเป็นไปตามสูตรสำเร็จของเมืองหลวงทั่วโลก ทิ้งภาพเมืองเวียงจันทน์อันโล่งหลวม เนิบนาบ ไม่เร่งรีบ ไว้ข้างหลัง
ให้ผู้ที่คุ้นเคยเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ไม่อาจเรียกหวนคืน
9-18 ธ.ค.52 ซีเกมส์ 2009 มหกรรมกีฬาแห่งภูมิภาคอาเซียนได้ฤกษ์ระเบิดศึกขึ้นอีกครั้งอย่างเป็นทางการ(โดยเริ่มแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่วันชาติลาว 2 ธ.ค. แล้ว)
ซีเกมส์ครั้งนี้(ครั้งที่ 25)สปป.ลาวเป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขันกันที่ “เวียงจันทน์” เมืองหลวง นั่นจึงทำให้เมืองนี้ทวีความคึกคักมากยิ่งขึ้น
เวียงจันทน์วันนี้
บรรยากาศของเวียงจันทน์วันนี้ช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเวียงจันทน์เมื่อครั้งที่ผมไปสัมผัสครั้งแรกเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว
เวียงจันทน์สมัยนั้นถนนหนทางแม้ลาดยาง แต่ส่วนใหญ่หมดอายุ ผุ พัง มีรถราวิ่งก็หนักไปทางรถถีบ(จักรยาน) รถจัก(มอเตอร์ไซค์) รถยนต์ยังมีน้อยอยู่ แถมส่วนมากดูเก่าๆทึมๆ หนักไปทางรถจีน รถรัสเซียโน่น ในขณะที่บ้านเมืองนั้นไม่แออัด หลวมๆ โล่งๆ ผู้คนดูไม่เร่งร้อนเร่งรีบเหมือนกรุงเทพฯบ้านเรา
แต่นั่นมันเป็นเรื่องของอดีต เพราะเวียงจันทน์วันนี้ดูผิดตาผิดหูไปจากอดีตมาก ถนนหนทางสะอาดสะด้านลาดยางอย่างดี รถถีบหายไปกว่า 90% แต่มีรถจักใหม่ๆวิ่งปร๋อเข้ามาแทนที่ ส่วนรถยนต์นั้นมีวิ่งกันเต็มเมืองทั้งรถจากจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ใหม่เอี่ยม สีสันสดใส ที่สำคัญคือในชั่วโมงเร่งด่วนตามย่านสำคัญๆ รถติดแหง็กเลยครับพี่น้อง
ด้านมุมมองทางกายภาพของตัวเมืองนั้น ต้องถือว่าเริ่มหนาแน่นแล้ว ตึกรามบ้านเรือนทยอยขึ้นกันเพียบ ทั้งโรงแรม เกสต์เฮาส์ ออฟฟิศ ร้านรวง ร้านอาหารสวยๆเท่ๆ ร้านกาแฟกิ๊บเก๋ อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ สถานบันเทิง ฯลฯ พร้อมกันนี้ยังมีป้ายโฆษณาสารพัดสารพันผุดขึ้นมาเต็มพรึ่ดไปหมด สำหรับป้ายที่มีเยอะมากช่วงนี้คงหนีไม่พ้นป้ายการแข่งขันซีเกมส์ที่มีรูปธาตุหลวงเป็นสัญลักษณ์ แต่นั่นยังไม่เยอะเท่ากับป้ายโฆษณาเบียร์ลาวที่มีให้เห็นแทบทุกมุมของเมือง ส่วนป้ายที่สะดุดตามผมที่สุดกับเป็นป้ายรณรงค์ให้คนลาวใช้เงินกีบของรัฐบาล เพราะทุกวันนี้คนลาวจะใช้เงินบาทกันเป็นหลัก นั่นจึงทำให้เวลาคนไทยไปเที่ยวลาวสามารถที่จะใช้เงินบาทได้อย่างสบายใจ(เฉิบ) แต่เวลาทอนส่วนใหญ่จะกลับมาเป็นเงินกีบ ซึ่งคงต้องทำใจกันนิดหน่อยกับเศษเงิน(บาท)ที่หายไป
นอกจากภาพของเมืองที่เปลี่ยนไปแล้ว ภาพวิถีชีวิตผู้คนในเวียงจันทน์ก็ดูเปลี่ยนไปไม่น้อย พวกเขาดูเร่งรีบ แข่งขันมากขึ้น แม่หญิงลาวส่วนหนึ่งสลัดผ้าซิ่นหันมานุ่งยีนส์ นุ่งสั้น นุ่งชุดตามสมัยนิยมแทน
อย่างไรก็ตามภาพของแม่หญิงลาวนุ่งซิ่นขี่รถจักไปทำงานยังไม่หมดไปจากเวียงจันทน์เพียงแต่น้อยลงไปกว่าแต่ก่อนเท่านั้น ในขณะที่บรรดาสาวๆนักเรียน นักศึกษา ที่แม้จะนุ่งซิ่นไปเรียนตามที่รัฐกำหนด แต่ว่าพร็อพประกอบของพวกเธอหลายๆคนนี่ไม่เบาเลย ทั้งมือถือรุ่นใหม่เอี่ยม(ใหม่กว่ามือถือผมมากมาย) กระเป๋าสะพายกิ๊บเก๋ ร้องเท้าเท่ๆสีสันสดใส ดูแล้วให้ภาพของแม่หญิงลาวยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
เวียงจันทน์วันเที่ยว
ด้วยความที่เวียงจันทน์อยู่ติดกับหนองคาย ไป-มาสะดวกสบาย คนไทยจึงนิยมข้ามไปเที่ยวเวียงจันทน์กันไม่น้อย สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์หลักๆในเวียงจันทน์นั้น มีอยู่ 3 แห่งด้วยกัน
แห่งแรกคือ(พระ)ธาตุหลวง 1 ในพระธาตุศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองลาว ที่เวลาผมไปเวียงจันทน์คราใดต้องหาโอกาสไปสักการะพระธาตุแห่งนี้ให้ได้ เพราะนอกจากขึ้นชื่อในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ธาตุหลวงยังมีความงดงามโดดเด่นเป็นเอกอุ ดึงดูดให้ผู้คนมากราบไหว้ชื่นชมความงามอยู่มิรู้หน่าย ซึ่งตามประวัติกล่าวว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109 ครอบพระธาตุองค์เดิมที่เป็นพระธาตุเก่าแก่ยุคเดียวกับพระธาตุพนม
ภายในพระธาตุบรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า โดยตั้งชื่อพระธาตุองค์นี้ขึ้นใหม่ว่า“พระธาตุโลกจุฬามณี” แต่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “ธาตุหลวง”
ธาตุหลวง คือ งานพุทธศิลป์ที่แสดงความเป็นล้านช้างอย่างเด่นชัด เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประเทศลาว และเป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ ธาตุหลวงมีรูปแบบทางสถาปัตยกรรม เป็นเจดีย์คล้ายสถูปฐานสี่เหลี่ยม มีรูปทรงสมส่วนสีทองเหลืองอร่ามงามตา ช่วงกลางโค้งคอดประดับกลีบบัวหงาย ยอดพระธาตุสูง 45 เมตร รอบๆมีพระธาตุองค์เล็กล้อมรอบ ถัดลงมาเป็นกำแพงธาตุและฐานกลีบบัวหงายอันอ่อนช้อย มีซุ้มพระพุทธรูปที่ชั้นล่างให้ชาวพุทธขึ้นไปกราบไหว้บูชา บริเวณระเบียงรอบองค์พระธาตุมีโบราณวัตถุ อาทิ พระพุทธรูป ใบเสมา ศิวลึงค์ ให้เดินชม ส่วนบริเวณด้านหน้าของธาตุหลวงเป็นที่ตั้ง “พระราชานุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช” 1 ใน วีรบุรุษของชาวลาว ในท่าประทับนั่งดูน่าเกรงขาม
สำหรับภูมิทัศน์หน้าธาตุหลวงในวันนี้ทางการลาวเขาปรับปรุงใหม่เป็นลานซีเมนต์โล่งกว้างปานลานสนามบิน(และร้อนระยับ) มุมด้านหนึ่งเพิ่งสร้างอาคารหอรัฐสภาหลังใหม่เอี่ยมอ่อง นับเป็นสิ่งใหม่ที่จะเข้ามาเสริมภาพของธาตุหลวงให้เปี่ยมมนต์ขลังมากขื้น
จากธาตุหลวงผมเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งที่ 2 นั่นก็คือ “หอพระแก้ว” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่อัญเชิญมาจากเชียงใหม่ ก่อนที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก(ต่อมาคือรัชกาลที่ 1)จะอันเชิญมาประดิษฐานยังวัดพระแก้ว ประเทศไทย
พอพระแก้ว เป็นอาคารสถาปัตยกรรมล้านช้างแบบเวียงจันทน์อันโดดเด่น สร้างโดยพระเจ้าไชยเชษฐาฯเมื่อพ.ศ. 2094 ปัจจุบันจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ดูเก่าแก่เคร่งขรึม ทางขึ้นหอเป็นบันไดปูนปั้นอันงดงาม รอบๆหอประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่สไตล์ลาวให้ชื่นชมกันเป็นระยะๆ ส่วนภายในที่ห้ามถ่ายรูปเป็นที่เก็บโบราณวัตถุชิ้นสำคัญของลาวมากมาย อาทิ พระพุทธรูปเก่าแก่ต่างๆ บานประตูไม้แกะสลักจากพระธาตุอิงฮัง เชิงเทียนไม้แกะสลักชิ้นแรกในเวียงจันทน์ ศิลาจารึกสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาฯ องค์พระบางจำลอง ตู้ใบลาน กลองมโหระทึกสำริด เป็นต้น
จากหอพระแก้วอย่าเพิ่งไปจรลีไปไหน เพราะฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งของ“วัดสีสะเกด” ซึ่งเจ้าอนุวงศ์ทรงให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2361 ตามอย่างศิลปะไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น วัดแห่งนี้มีของดีชวนชมมากมาย อาทิ หอไตรยกคอสอง 2 ชั้น ตัวโบสถ์เก่าขรึมที่ภายในมีจิตกรรมฝาผนังอันพร่าเลือนให้แกะรอย ร่วมด้วยพระพุทธรูปบริเวณระเบียงรอบๆจำนวนมากมาย ทั้งพระพุทธรูปปางต่างๆที่ประทับบนฐาน ทั้งพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในช่องเจาะของกำแพงผนัง รวมถึงชิ้นส่วนของพระพุทธรูปเก่าแก่มากมายที่ทางวัดนำมาเก็บไว้ในจุดเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีโบราณวัตถุน่าสนใจอื่นๆอีกจำนวนหนึ่งให้ชื่นชมกันพอสมควรในวัดแห่งนี้
ออกจากวัดสีสะเกด ผมไปต่อยังจุดท่องเที่ยวไฮไลท์แห่งสุดท้ายนั่นก็คือ “ประตูชัย” (ประตูไซ)ซุ้มประตูขนาดใหญ่ 1 ใน สัญลักษณ์ของเวียงจันทน์ ดูเผินๆประตูชัยแห่งนี้คล้ายประตูชัยกรุงปารีส แต่ในรายละเอียดมีศิลปะแบบล้านช้างผสมอยู่หลายจุดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นยอดปราสาทบนประตู ลวดลายปูนปั้น และภาพวาดบนเพดาน
สำหรับประตูชัยเวียงจันทน์นั้น สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2512 เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงผู้เสียสละในการเรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศส ปัจจุบันประตูชัยถือที่พักผ่อนสำคัญของคนลาว โดยบริเวณสวนหย่อมของประตูยามเย็นย่ำจะมีน้ำพุเต้นระบำให้ชมกัน
นอกจากนี้บนประตูชัยยังสามารถตีตั๋วขึ้นไปชมวิวของเมืองได้อีกด้วย โดยเมื่อเดินขึ้นไปตามบันไดเก่าๆโทรมๆ(ไม่ต่างจากเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเลย) ผ่านร้านขายของที่ระลึกในช่วงสุดท้ายก็จะไปโผล่ยังดาดฟ้าของประตู บนนี้คือจุดชมวิวชั้นดีของเมืองเวียงจันทน์ สามารถมองลงไปได้รอบด้าน
สำหรับผมบนดาดฟ้าประตูชัย นับเป็นจุดชมความเปลี่ยนแปลงของเวียงจันทน์ที่เห็นเป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจนที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านเรือนที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด รถราขวักไขว่ ผู้คนที่เร่งรีบ(มากขึ้นกว่าแต่ก่อน) ซึ่งสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดว่า เวียงจันทน์วันนี้ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงและกำลังเติบโตทางวัตถุอย่างยิ่งยวดอันเป็นไปตามสูตรสำเร็จของเมืองหลวงทั่วโลก ทิ้งภาพเมืองเวียงจันทน์อันโล่งหลวม เนิบนาบ ไม่เร่งรีบ ไว้ข้างหลัง
ให้ผู้ที่คุ้นเคยเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ไม่อาจเรียกหวนคืน