xs
xsm
sm
md
lg

เคลียร์คลิปฉาวภูเก็ต หวั่นมีคนบงการจ้องทำลายไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสกสรร นาควงศ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) กล่าวเกี่ยวกับเรื่องกรณีคลิปฉาวที่จังหวัดภูเก็ตว่า ตามที่สื่อมวลชนได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับคลิปวีดีโอสารคดีเรื่อง “Big trouble in tourist Thailand” ของช่อง Bravo all news สถานนีโทรทัศน์เคเบิลแห่งหนึ่งของประเทศอังกฤษ ผ่านทางเว็บไซต์ www.youtube.com อันเป็นการนำเสนอปัญหาที่นักท่องเที่ยวต่างชาติประสบในประเทศไทย ซึ่งเป็นการนำเสนอที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศเป็นอย่างยิ่ง

โดยปกติแล้ว การถ่ายทำภาคยนตร์หรือสื่อใดๆของชาวต่างชาติในประเทศไทย ต้องขออนุญาตจากสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) ก่อน ซึ่งจะมีคณะกรรมการฯ นักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาพยนตร์ ศิลปวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและการต่างประเทศเป็นผู้พิจารณาเนื้อหาที่เหมาะสม ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศ ก็จะอนุญาตให้ถ่ายทำได้ และในขณะทำการถ่ายทำจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐทำหน้าที่กำกับดูแลการถ่ายทำ ตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ.2551

และหากเป็นการนำสื่อใดๆก็ตามออกเผยแพร่นอกราชอาณาจักร จะต้องผ่านการตรวจพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาและได้รับการอนุญาตจากกระทรวงวัฒนธรรมก่อนตามมาตรา 34

สำหรับกรณีนี้จากการตรวจสอบทราบว่า สารคดีชุดนี้มีทั้งหมด 8 ตอน ผู้ผลิตเป็นผู้ประกอบการคนไทย บริษัทแบ็ค ชิพ โปรดักชั่น โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สารคดีนี้เอง ผลิตขึ้นเพื่อส่งขายให้สถานีโทรทัศน์เคเบิลดังกล่าวของประเทศอังกฤษ จึงอ้างว่าไม่จำเป็นต้องขออนุญาตถ่ายทำจาก สพท.

อย่างไรก็ตามการผลิตตามคำสั่งของสถานีโทรทัศน์ของต่างชาติเป็นการผลิตเพื่อนำไปเผยแพร่ในต่างประเทศดังที่กล่าวมาแล้วนั้นไม่ได้ทำการขออนุญาตจากกระทรวงวัฒนธรรม ตามมาตรา 34 อีกทั้งการสร้างหรือผลิตภาพยนตร์ที่ส่งผลกระทบต่อเกียรติภูมิของประเทศ ก็จะมีความผิดตามมาตรา 23 แห่ง พรบ. ภาพยนตร์ฯนี้อีกด้วย

ซึ่งทาง สพท. ได้เชิญผู้จัดการบริษัทมาพบแล้วครั้งหนึ่งก่อนที่จะมีการออกอากาศรายการนี้ออกไป เนื่องจากทราบข่าวจากคลิปโฆษณาที่ขึ้นบนเว็บไซด์ youtube โดยทางบริษัทแจ้งว่าไม่ได้ของอนุญาตทาง สพท. เพราะเห็นว่าตนเองเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และตัดต่อเอง เพิ่งทำได้ 2 ตอนเป็นการนำเสนอการทำงานของตำรวจท่องเที่ยวและสภาพความเป็นอยู่ต่อนักโทษที่เป็นนักท่องเที่ยวในเรือนจำสมุย เท่านั้น ทั้งนี้ทาง สพท.ได้ขอเอาเทปทั้งหมดมาดู ซึ่งทางบริษัทแจ้งว่าจะรีบนำมาให้ พอดียังไม่ได้นำมาให้ก็มีการเสนอข่าวเกี่ยวกับรายการนี้พอดี ขณะนี้ก็ติดต่อทางบริษัทไปหลายครั้งก็ยังไม่รับสาย

ทางด้าน พลตำรวจตรี อดิศร งามจิตสุขศรี ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า “ตำรวจท่องเที่ยวดูแลเรื่องการท่องเที่ยวและผลกระทบกับการท่องเที่ยว ซึ่งจากกรณีนี้มีผลค่อนข้างขยายวงกว้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบก็ได้เรื่องได้เค้า แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดมากได้เกรงจะมีผลต่อรูปคดี และยังไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากต้องรอประสานงานกับทาง สพท. และฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป”

ส่วนด้าน ศศิสุภา สังวริบุตร นายกสมาคมผู้บริหารการผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศ กล่าวว่า “ผู้ประกอบการที่มีกรณีอยู่นี้ ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมฯ แต่ก็ทำให้สมาคมฯ และสมาชิกในสมาคมฯ ได้รับผลกระทบ ทำให้การทำงานยากขึ้น ซึ่งปกติแล้วในการทำงานก็ลำบากอยู่แล้วเนื่องจากต้องเกี่ยวข้องกับภาครัฐ เมื่อเกิดปัญกานี้ก็ทำให้เราขาดความน่าเชื่อถือในการทำงานลงไปมาก”

โดยในขณะนี้ทาง สพท. ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงต่างประเทศ โดยได้ดำเนินการส่งหนังสือชี้แจงและขอความร่วมมือไปยังสถานทูตไทยในอังกฤษให้ดำเนินการต่อไปแล้ว

อนึงจากที่ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธาน บอร์ดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประชุมหารือถึงกรณีสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นในต่างประเทศมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ ”คนให้เช่าเจ็ตสกีเอาปืนขู่นักท่องเที่ยวที่จ.ภูเก็ต”ซึ่งเป็นสารคดีที่ก่อให้เกิดภาพลบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทย และการตัดคลิปไปเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสีย จึงได้มอบหมายให้มีการดำเนินการติดตามสืบหารายละเอียดในเชิงลึก และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

หวั่นผู้ไม่ประสงค์ดีจ้องทำลายไทย

ทั้งนี้ที่ประชุมบอร์ด ททท. ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่การถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีครั้งนี้มีใครอยู่เบื้องหลัง และจงใจโจมตีชื่อเสียงของประเทศไทยโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว เพราะสังเกตได้ว่าในระยะหลังๆจะมีภาพเหตุการณ์นักท่องเที่ยวถูกทำร้ายและไม่ได้รับความคุ้มครองในประเทศไทยอกมาเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง เช่น กรณีนักท่องเที่ยวถูกจับที่สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยข้อหาขโมยสินค้าในร้านปลอดภาษี และ ล่าสุดก็เรื่องมาเฟียเจ็ตสกี เป็นต้น ซึ่งเท่าที่ทราบรายงายพบว่า กรณีมาเฟียเจ็ตสกี จ.ภูเก็ต และการจับกุมนักท่องเที่ยวข้อหามียาเสพติดในครอบครอง ที่เกาะพะงัน ซึ่งเท่าที่ทราบพบว่า มีการถ่ายทำถึง 8 ตอนในหลายๆเรื่อง และหลายแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย เช่น ภูเก็ต พัทยา สมุย เชียงใหม่

แนะวิธีคุ้มครองนักท่องเที่ยวฯใส่ในวาระแห่งชาติ

ด้าน จุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด กล่าวว่า ได้สั่ง ให้สำนักงาน ททท. ในต่างประเทศ ติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเผยแพร่ภาพยนตร์และคลิปวิดีโอ ดังกล่าว ซึ่งพบว่า เป็นการเผยแพร่ทางสถานีเคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นที่สหราชอาณาจักร ซึ่งมีผู้ชมในวงจำกัด ผู้ชมต้องจ่ายเงิน เพื่อรับชม รายการ มีผู้ชมอายุ 19-30 ปี จึงไม่น่ากังวลมาก แต่ที่น่าห่วงคือ เกรงว่า เมื่อมีการตัดต่อคลิปมาลงในช่องทางสังคมออนไลน์ เช่น ยูทูป โดยคัดเลือกแต่ส่วนที่แสดงพฤติกรรมไม่ดีออกมา โดยผู้ชมไม่รู้เลยว่า คลิปดังกล่าวมีที่มาที่ไปมากกว่านั้นก่อนเกิดเหตุการณ์ จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อประเทศไทยได้

“โดยส่วนตัวเห็นว่า ประเด็นนี้ น่าจะนำเข้าบรรจุในวาระแห่งชาติ ในประเด็นเรื่องของการแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ต้องมาประสบเหตุการณ์ไม่ดีในประเทศ เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นไปหาทางแก้ไข"


กำลังโหลดความคิดเห็น