โดย : หมวยเกี๊ยะ
การออกเดินทางท่องเที่ยวในแต่ละครั้ง เชื่อว่าทุกคนย่อมจะต้องมีจุดมุ่งหมายในใจว่าเพราะเหตุใดอยากจะไปเที่ยวยังประเทศนั้นๆ หรือเมืองนั้นๆ ซึ่งแต่ละคนก็คงจะมีเหตุจูงใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสวยงาม ทัศนียภาพทางธรรมชาติอันสวยล้ำ ศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจ รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังและงดงามมากมายที่เป็นดังเสน่ห์จูงใจให้เลือกไปเที่ยวกัน
อย่างในตอนนี้ฉันมีเมืองเมืองหนึ่งทางซีกโลกอเมริกาเหนือมาแนะนำ นั่นก็คือ "แวนคูเวอร์" (Vancouver) ที่ตั้งอยู่ในประเทศ "แคนาดา" (Canada)
เมืองแวนคูเวอร์ ล่าสุดเพิ่งได้รับการจัดอันดับจากหน่วยอีไอยู ของนิตยสาร "เดอะ อีโคโนมิสต์" ให้เป็นแชมป์เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก โดยการผลสำรวจเพื่อจัดอันดับอิง 5 ปัจจัยสำคัญ คือด้านสาธารณสุข เสถียรภาพ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม การศึกษาและสาธารณูปโภคต่างๆ
แต่ก่อนที่จะออกเดินทางไปเที่ยวแวนคูเวอร์กันมาทำความรู้จักเมือง "แวนคูเวอร์" กันสักนิดว่าเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่ บริติชโคลัมเบีย ทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคนาดา เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ชื่อเมืองแวนคูเวอร์นี้ถูกตั้งขึ้นหลังศตวรรษที่ 18 โดยนักสำรวจชาวอังกฤษชื่อ "จอร์จ แวนคูเวอร์" ที่ใช้เวลาในสำรวจพื้นที่เพียงแค่ 1 วันเท่านั้น ซึ่งแต่เดิมที่แห่งนี้เคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชาวอินเดียนแดง
เมืองแวนคูเวอร์นี้ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลแปซิฟิกของทวีปอเมริกาเหนือ จึงเป็นช่องทางที่จะผ่านเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้อีกช่องทางหนึ่ง ทิศเหนือจรดอ่าวเบอร์ราร์ด ทิศตะวันตกจรดช่องแคบจอร์เจีย และทิศใต้จรดแม่น้ำเพรเซอร์ ส่วนทิศตะวันออกเป็นภูเขาสูง ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและทะเล ทำให้แวนคูเวอร์เป็นเมืองที่มีภูมิอากาศอบอุ่นที่สุดในแคนาดา
ลักษณะภูมิประเทศอาณาบริเวณ 3 ใน 4 ของแวนคูเวอร์นี้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขา เป็นเมืองที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม จึงเหมาะสำหรับผู้ที่รักความงดงามตามธรรมชาติด้วยกิตติศัพท์ความสวยงามของภูมิประเทศ ที่ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา น้ำทะเล ทรัพยากรป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ทำให้ "แวนคูเวอร์" เป็นเมืองในฝันของนักท่องเที่ยวหลายๆ คนที่อยากจะเดินทางมาสัมผัสกับทัศนียภาพความงดงามเหล่านี้ และในปี 2010 เมืองแวนคูเวอร์ จะเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันโอลิมปิก และ พาราลิมปิกฤดูหนาว
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในแวนคูเวอร์แห่งแรกที่ขอแนะนำ คือ "แคนาดาเพลส" เป็นสถานที่สำคัญที่ถ้ามาเที่ยวแวนคูเวอร์แล้วต้องไม่พลาดการมาเที่ยวชมที่นี่ แคนาดาเพลสเริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 1983 และเสร็จในปลายปี 1985 และได้รับการเปิดงานเอ็กซ์โป 86 ในโอกาสครบรอบศตวรรษของแวนคูเวอร์ อาคารหลังนี้ตั้งเด่นเป็นสง่า มียอดโดมเหมือนกาบหอยเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงสถานที่และชาวเมือง และยังมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับเรือใบขนาดใหญ่ ซึ่งภายในแคนาดาเพลสมีห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้เป็นจำนวนมาก สามารถใช้เป็นที่จัดงานใหญ่ๆ ได้อย่างสบายๆ
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้กันนั่นก็คือ "อุทยานสแตนลี่" หรือ สแตนลี่ปาร์ค ถูกจัดให้เป็นอุทยานเมื่อปี1888 อุทยานสแตนลี่นี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจึงเป็นเหมือนปอดอันยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าของเมืองแวนคูเวอร์เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยพื้นที่ 400 เฮคแตร์นั้น มีพืชพันธุ์ป่าฝนจำนวนมากปลูกอยู่ มีตั้งแต่ 5,000 -10,000 ต้น และมีสวนดอกไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงามตา มีลากูนอันงดงาม แล้วในอุทยานยังเต็มไปด้วยสัตว์ป่ามากมาย เป็นอุทยานป่าที่เป็นสถานที่น่าสนใจ เหมาะแก่การมาเดินเที่ยวสูดบรรยากาศแห่งความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
ชาวเมืองแวนคูเวอร์นิยมมาที่อุทยานสแตนลี่เพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เดินเล่นออกกำลังกายในช่วงเช้าและเย็นเป็นประจำ ซึ่งทางการแวนคูเวอร์ได้จัดสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ออกกำลังกาย สนามเด็กเล่น แม้กระทั่งเก้าอี้นั่งพักผ่อนไว้ในทุกจุดของสวน ทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับธรรมชาติอันพิสุทธิ์อย่างเต็มอิ่ม
ครั้นเมื่อมาเที่ยวที่อุทยานสแตนลี่แล้ว มีสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมและถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกด้วยก็คือ เสาโทเท็ม (Totem) ของเผ่าอินเดียนแดงพื้นเมือง เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่า ไว้รำลึกประวัติศาสตร์ว่า บริเวณแห่งนี้เคยเป็นที่อาศัยของอินเดียนแดงมาก่อน ซึ่งในแต่ละเสาจะมีรายละเอียดบรรยายความเป็นมาตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ด้วย ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และเสาโทเท็มและวัฒนธรรมของชาวอินเดียนแดงนี้ ยังมีปรากฏอยู่ตามสถานที่สำคัญๆ ของเมืองหลายแห่ง กลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองนี้ด้วย
ใกล้ๆกับอุทยานสแตนลี่ยังมี สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใกล้ๆ กันอีก คือบริเวณอ่าวอังกฤษ หรือ English Bay ซึ่งหากใครมีเวลา ขอแนะนำว่าให้แวะไปชื่นชมบรรยากาศของทะเล ทั้งชายหาดและสภาพแวดล้อมที่งดงามกันได้ และอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชมก็คือ สะพานแขวนคาปิลาโน เป็นสะพานไม้แขวนที่ยาวที่สุดของแคนาดา มีความยาวถึง 230 ฟุต ทอดข้ามเหวลึก เดินข้ามแล้วตื่นเต้นน่าดู
จากอุทยานสแตนลี่นั่งรถออกมาไม่ไกลนัก จะได้มาเยือนยังสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งประวัติศาตร์ที่สำคัญของเมืองแวนคูเวอร์ นั่นก็คือ "แกสทาวน์" (Getaway Gastown) ที่นี่เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมืองมาตั้งแต่ในอดีต ซึ่งจะสังเกตุเห็นตึกรามบ้านช่องที่ยังคงสภาพตึกเก่าอันงดงามให้ได้ชม และยังมีร้านรวงขายสินค้าเก่าๆ ในรูปแบบเดิมๆ ที่ดูแล้วสวยงามเช่นกัน และที่ย่านแกสทาวน์ ยังมี นาฬิกาไอน้ำ (Gastown Steam Clock) เรือนแรกของโลก ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหัวมุมถนน เมื่อถึงเวลาจะส่งเสียงหวูด พร้อมกับพ่นไอน้ำออกมาบอกเวลาที่เที่ยงตรง ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันนี้ย่านธุรกิจสำคัญของแวนคูเวอร์จะขยับออกไปยังแหล่งอื่นแล้ว แต่ย่านแกสทาวน์แห่งนี้ ก็ยังคงได้รับความสนใจจากนักท่เองเที่ยวมากมาย เพราะมีร้านค้าที่ขายของที่ระลึกมากมายให้ได้เลือกซื้อหาเป็นของฝาก
ส่วนใครที่ชื่นชอบการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ที่แวนคูเวอร์ ก็มีพิพิธภัณฑ์ให้เลือกเที่ยวหลายที่ อย่างที่น่าสนใจไปเที่ยวชมคือ "พิพิธภัณฑ์มานุษยวิทยา" เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่ออกแบบโดยสถาปนิก อาร์เทอร์ อีริคสัน สร้างขึ้นในปี 1976 อาคารพิพิธภัณฑ์ดูแปลกตาสร้างด้วยรูปแบบคานเสาแบบคลาสสิค ภายในพิพิธภัณฑ์เป็นที่รวบรวมผลงานที่มนุษย์ทำขึ้นมากกว่า 15,000 ชิ้น มีเรื่องเกี่ยวกับโครงสร้างประติมากรรมมนุษย์ ถือว่าเป็นผลงานที่มีคุณค่าในตัวเอง นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมจะได้รับความรู้เกี่ยวชาติกำเนิดของเผ่าพันธุ์ของมนุษย์
และอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่ต้องมาเที่ยวชมให้ได้คือ "พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ" พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3ในอเมริกาเหนือ ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงชีวิตสัตว์มากกว่า 8,000 ชนิด เป็นศูนย์ศึกษาด้านสมุทรศาสตร์ที่น่าสนใจ ด้านในมีสัตว์น้ำตัวเด่นๆ ที่ไม่ควรพลาดชมอย่าง ปลาวาฬเพชฌฆาตที่ว่ายมาจูบจมูกอาสาสมัครอย่างน่าตื่นเต้น มีปลาฉลามขาวยักษ์เขมือบเนื้อชิ้นใหญ่หมดไปในชั่วพริบตาอย่างน่าตกตะลึง และมีนากทะเลและแมวน้ำกำลังเล่นอยู่อย่างน่ารักน่าเอ็นดู ใครที่ชอบสัตว์น้ำต้องมาชมกันให้ได้
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ถือว่าเป็นแค่เศษเสี้ยวบางส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองแวนคูเวอร์ที่น่ามาเที่ยวชมกัน แต่ว่าที่เมืองแวนคูเวอร์นั้นยังมีที่เที่ยวที่สวยงามและน่าชมอีกมากมาย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวในโลกกว้างทั้งหลาย คงต้องหาโอกาสมาสัมผัสกับเมือง "แวนคูเวอร์" ที่น่าอยู่ที่สุดในโลกกันด้วยตัวเองจะได้รู้ว่าน่าอยู่ และน่าเที่ยวมากแค่ไหน
การออกเดินทางท่องเที่ยวในแต่ละครั้ง เชื่อว่าทุกคนย่อมจะต้องมีจุดมุ่งหมายในใจว่าเพราะเหตุใดอยากจะไปเที่ยวยังประเทศนั้นๆ หรือเมืองนั้นๆ ซึ่งแต่ละคนก็คงจะมีเหตุจูงใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสวยงาม ทัศนียภาพทางธรรมชาติอันสวยล้ำ ศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจ รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังและงดงามมากมายที่เป็นดังเสน่ห์จูงใจให้เลือกไปเที่ยวกัน
อย่างในตอนนี้ฉันมีเมืองเมืองหนึ่งทางซีกโลกอเมริกาเหนือมาแนะนำ นั่นก็คือ "แวนคูเวอร์" (Vancouver) ที่ตั้งอยู่ในประเทศ "แคนาดา" (Canada)
เมืองแวนคูเวอร์ ล่าสุดเพิ่งได้รับการจัดอันดับจากหน่วยอีไอยู ของนิตยสาร "เดอะ อีโคโนมิสต์" ให้เป็นแชมป์เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก โดยการผลสำรวจเพื่อจัดอันดับอิง 5 ปัจจัยสำคัญ คือด้านสาธารณสุข เสถียรภาพ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม การศึกษาและสาธารณูปโภคต่างๆ
แต่ก่อนที่จะออกเดินทางไปเที่ยวแวนคูเวอร์กันมาทำความรู้จักเมือง "แวนคูเวอร์" กันสักนิดว่าเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่ บริติชโคลัมเบีย ทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคนาดา เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ชื่อเมืองแวนคูเวอร์นี้ถูกตั้งขึ้นหลังศตวรรษที่ 18 โดยนักสำรวจชาวอังกฤษชื่อ "จอร์จ แวนคูเวอร์" ที่ใช้เวลาในสำรวจพื้นที่เพียงแค่ 1 วันเท่านั้น ซึ่งแต่เดิมที่แห่งนี้เคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชาวอินเดียนแดง
เมืองแวนคูเวอร์นี้ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลแปซิฟิกของทวีปอเมริกาเหนือ จึงเป็นช่องทางที่จะผ่านเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้อีกช่องทางหนึ่ง ทิศเหนือจรดอ่าวเบอร์ราร์ด ทิศตะวันตกจรดช่องแคบจอร์เจีย และทิศใต้จรดแม่น้ำเพรเซอร์ ส่วนทิศตะวันออกเป็นภูเขาสูง ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและทะเล ทำให้แวนคูเวอร์เป็นเมืองที่มีภูมิอากาศอบอุ่นที่สุดในแคนาดา
ลักษณะภูมิประเทศอาณาบริเวณ 3 ใน 4 ของแวนคูเวอร์นี้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขา เป็นเมืองที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม จึงเหมาะสำหรับผู้ที่รักความงดงามตามธรรมชาติด้วยกิตติศัพท์ความสวยงามของภูมิประเทศ ที่ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา น้ำทะเล ทรัพยากรป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ทำให้ "แวนคูเวอร์" เป็นเมืองในฝันของนักท่องเที่ยวหลายๆ คนที่อยากจะเดินทางมาสัมผัสกับทัศนียภาพความงดงามเหล่านี้ และในปี 2010 เมืองแวนคูเวอร์ จะเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันโอลิมปิก และ พาราลิมปิกฤดูหนาว
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในแวนคูเวอร์แห่งแรกที่ขอแนะนำ คือ "แคนาดาเพลส" เป็นสถานที่สำคัญที่ถ้ามาเที่ยวแวนคูเวอร์แล้วต้องไม่พลาดการมาเที่ยวชมที่นี่ แคนาดาเพลสเริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 1983 และเสร็จในปลายปี 1985 และได้รับการเปิดงานเอ็กซ์โป 86 ในโอกาสครบรอบศตวรรษของแวนคูเวอร์ อาคารหลังนี้ตั้งเด่นเป็นสง่า มียอดโดมเหมือนกาบหอยเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงสถานที่และชาวเมือง และยังมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับเรือใบขนาดใหญ่ ซึ่งภายในแคนาดาเพลสมีห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้เป็นจำนวนมาก สามารถใช้เป็นที่จัดงานใหญ่ๆ ได้อย่างสบายๆ
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้กันนั่นก็คือ "อุทยานสแตนลี่" หรือ สแตนลี่ปาร์ค ถูกจัดให้เป็นอุทยานเมื่อปี1888 อุทยานสแตนลี่นี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจึงเป็นเหมือนปอดอันยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าของเมืองแวนคูเวอร์เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยพื้นที่ 400 เฮคแตร์นั้น มีพืชพันธุ์ป่าฝนจำนวนมากปลูกอยู่ มีตั้งแต่ 5,000 -10,000 ต้น และมีสวนดอกไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงามตา มีลากูนอันงดงาม แล้วในอุทยานยังเต็มไปด้วยสัตว์ป่ามากมาย เป็นอุทยานป่าที่เป็นสถานที่น่าสนใจ เหมาะแก่การมาเดินเที่ยวสูดบรรยากาศแห่งความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
ชาวเมืองแวนคูเวอร์นิยมมาที่อุทยานสแตนลี่เพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เดินเล่นออกกำลังกายในช่วงเช้าและเย็นเป็นประจำ ซึ่งทางการแวนคูเวอร์ได้จัดสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ออกกำลังกาย สนามเด็กเล่น แม้กระทั่งเก้าอี้นั่งพักผ่อนไว้ในทุกจุดของสวน ทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับธรรมชาติอันพิสุทธิ์อย่างเต็มอิ่ม
ครั้นเมื่อมาเที่ยวที่อุทยานสแตนลี่แล้ว มีสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมและถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกด้วยก็คือ เสาโทเท็ม (Totem) ของเผ่าอินเดียนแดงพื้นเมือง เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่า ไว้รำลึกประวัติศาสตร์ว่า บริเวณแห่งนี้เคยเป็นที่อาศัยของอินเดียนแดงมาก่อน ซึ่งในแต่ละเสาจะมีรายละเอียดบรรยายความเป็นมาตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ด้วย ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และเสาโทเท็มและวัฒนธรรมของชาวอินเดียนแดงนี้ ยังมีปรากฏอยู่ตามสถานที่สำคัญๆ ของเมืองหลายแห่ง กลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองนี้ด้วย
ใกล้ๆกับอุทยานสแตนลี่ยังมี สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใกล้ๆ กันอีก คือบริเวณอ่าวอังกฤษ หรือ English Bay ซึ่งหากใครมีเวลา ขอแนะนำว่าให้แวะไปชื่นชมบรรยากาศของทะเล ทั้งชายหาดและสภาพแวดล้อมที่งดงามกันได้ และอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชมก็คือ สะพานแขวนคาปิลาโน เป็นสะพานไม้แขวนที่ยาวที่สุดของแคนาดา มีความยาวถึง 230 ฟุต ทอดข้ามเหวลึก เดินข้ามแล้วตื่นเต้นน่าดู
จากอุทยานสแตนลี่นั่งรถออกมาไม่ไกลนัก จะได้มาเยือนยังสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งประวัติศาตร์ที่สำคัญของเมืองแวนคูเวอร์ นั่นก็คือ "แกสทาวน์" (Getaway Gastown) ที่นี่เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมืองมาตั้งแต่ในอดีต ซึ่งจะสังเกตุเห็นตึกรามบ้านช่องที่ยังคงสภาพตึกเก่าอันงดงามให้ได้ชม และยังมีร้านรวงขายสินค้าเก่าๆ ในรูปแบบเดิมๆ ที่ดูแล้วสวยงามเช่นกัน และที่ย่านแกสทาวน์ ยังมี นาฬิกาไอน้ำ (Gastown Steam Clock) เรือนแรกของโลก ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหัวมุมถนน เมื่อถึงเวลาจะส่งเสียงหวูด พร้อมกับพ่นไอน้ำออกมาบอกเวลาที่เที่ยงตรง ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันนี้ย่านธุรกิจสำคัญของแวนคูเวอร์จะขยับออกไปยังแหล่งอื่นแล้ว แต่ย่านแกสทาวน์แห่งนี้ ก็ยังคงได้รับความสนใจจากนักท่เองเที่ยวมากมาย เพราะมีร้านค้าที่ขายของที่ระลึกมากมายให้ได้เลือกซื้อหาเป็นของฝาก
ส่วนใครที่ชื่นชอบการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ที่แวนคูเวอร์ ก็มีพิพิธภัณฑ์ให้เลือกเที่ยวหลายที่ อย่างที่น่าสนใจไปเที่ยวชมคือ "พิพิธภัณฑ์มานุษยวิทยา" เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่ออกแบบโดยสถาปนิก อาร์เทอร์ อีริคสัน สร้างขึ้นในปี 1976 อาคารพิพิธภัณฑ์ดูแปลกตาสร้างด้วยรูปแบบคานเสาแบบคลาสสิค ภายในพิพิธภัณฑ์เป็นที่รวบรวมผลงานที่มนุษย์ทำขึ้นมากกว่า 15,000 ชิ้น มีเรื่องเกี่ยวกับโครงสร้างประติมากรรมมนุษย์ ถือว่าเป็นผลงานที่มีคุณค่าในตัวเอง นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมจะได้รับความรู้เกี่ยวชาติกำเนิดของเผ่าพันธุ์ของมนุษย์
และอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่ต้องมาเที่ยวชมให้ได้คือ "พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ" พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3ในอเมริกาเหนือ ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงชีวิตสัตว์มากกว่า 8,000 ชนิด เป็นศูนย์ศึกษาด้านสมุทรศาสตร์ที่น่าสนใจ ด้านในมีสัตว์น้ำตัวเด่นๆ ที่ไม่ควรพลาดชมอย่าง ปลาวาฬเพชฌฆาตที่ว่ายมาจูบจมูกอาสาสมัครอย่างน่าตื่นเต้น มีปลาฉลามขาวยักษ์เขมือบเนื้อชิ้นใหญ่หมดไปในชั่วพริบตาอย่างน่าตกตะลึง และมีนากทะเลและแมวน้ำกำลังเล่นอยู่อย่างน่ารักน่าเอ็นดู ใครที่ชอบสัตว์น้ำต้องมาชมกันให้ได้
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ถือว่าเป็นแค่เศษเสี้ยวบางส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองแวนคูเวอร์ที่น่ามาเที่ยวชมกัน แต่ว่าที่เมืองแวนคูเวอร์นั้นยังมีที่เที่ยวที่สวยงามและน่าชมอีกมากมาย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวในโลกกว้างทั้งหลาย คงต้องหาโอกาสมาสัมผัสกับเมือง "แวนคูเวอร์" ที่น่าอยู่ที่สุดในโลกกันด้วยตัวเองจะได้รู้ว่าน่าอยู่ และน่าเที่ยวมากแค่ไหน