xs
xsm
sm
md
lg

ตกหลุมรัก “อัมสเตอร์ดัม” เมืองแห่งคลองมากเสน่ห์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : หมวยเกี๊ยะ
อัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงแห่งเนเธอร์แลนด์
ฉันเกิดอาการ “ตกหลุมรัก” และเหมือนโดนมนต์เสน่ห์เข้าอย่างจัง!! แต่อย่าเพิ่งนึกว่าฉันเกิดไปปิ๊งรักแรกพบเข้ากับชายหนุ่ม หล่อ ขาว หุ่นสมารท์คนไหนเข้าหรอกน่ะ เพราะอาการตกหลุกรักที่ว่านั้นไม่ได้เกิดกับคน แต่กลับเกิดกับสถานที่ท่องเที่ยวอันมีเสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหลที่ฉันได้เดินทางมาเที่ยวในทริปนี้ที่มีนามว่า “อัมสเตอร์ดัม” (Amsterdam) เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกว่าเป็น “เวนิสทางเหนือของยุโรป”

“อัมสเตอร์ดัม” ชื่อนี้มีที่มาอันน่าสนใจ มาจากคำ 2 คำ คือ อัมสเตล หมายถึง แม่นํ้าอัมสเตล บวกกับคำว่า ดัม ที่แปลว่าเขื่อน ซึ่งเมื่อรวมความแล้วก็หมายถึง “เขื่อนที่อยู่ริมเเม่นํ้าอัมสเตล” อันมีจุดกำเนิดมาตั้งแต่ตอนต้นศตวรรษที่ 13 อัมสเตอร์นั้นถือว่าเป็นเมืองที่มีลักษณะพื้นที่เป็นเกาะ มีคูคลองล้อมรอบเมืองถึง 4 ชั้น ที่ถูกขุดขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 17 มีความยาวรวมกันกว่า 100 กม. เพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรและขนส่งสินค้า รวมถึงเป็นคูเมืองเพื่อป้องกันข้าศึกศัตรู มีประตูกันน้ำถึง 16 แห่งด้วยกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเรียกว่าอัมสเตอร์ดัมนี้เป็นเมืองแห่งคลอง และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี่แล้วจะต้องไม่พลาดกิจกรรมทัวร์ที่ถือว่าป็นไฮไลต์ของการเที่ยวอัมสเตอร์เลยก็คือ การล่องเรือหลังคากระจกเที่ยวชมคลองในอัมสเตอร์ดัม
ล่องเรือหลังคากระจกเที่ยวชมคลองในอัมสเตอร์ดัม
ฉันเองก็ไม่พลาดที่จะขอนั่งเรือชมคลองต่างๆ อันมีความสวยงามไม่ใช่น้อย เรือกระจกจะพาเราลัดเลาะล่องไปตามลำคลองน้อยใหญ่ เพื่อชมทัศนียภาพของเมือง ชมตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่ริมคลองอันมีเอกลักษณ์ที่สวยงามแปลกตา ซึ่งบ้านริมคลองเหล่านี้จะมีส่วนหน้าบ้านไม่กว้างมากนัก และสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมสเปนผสมกับเรอเนสซองส์ ตัวตึกใช้อิฐแดงก่อแบบไม่ฉาบปูน ตกแต่งเป็นภาพปูนปั้นเทพเจ้ากรีกอย่างสวยงาม และหน้าจั่วมีไม้ยื่นออกมาเพื่อแขวนลอกไว้ชักลอกสิ่งของเข้าบ้านทางหน้าต่าง เพราะหน้าบ้านแคบและประตูก็เล็ก และในลำคลองยังมีเรือนแพรที่เป็นที่อยู่อาศัยอีกด้วย
บรรยากาศของเรือนแพในคลองที่เป็นที่อยู่อาศัย
การนั่งเรือหลังคากระจกเที่ยวชมคลองอัมสเตอร์ดัมทำให้ฉันได้เห็นถึงวิถีชีวิตแความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย สงบเงียบของคนเนเธอร์แลนด์ แต่มาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมทั้งทีจะนั่งเรืออย่างเดียวก็ใช่ที่ เพราะว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้ไปเที่ยวชมอีกมากมาย ตามฉันขึ้นฝั่ง เดินตะลุยบนบก (ถนน) เที่ยวกันให้เพลินเลยดีกว่า

ฉันมุ่งหน้ามาที่ สถานีรถไฟกลาง (Centraal Station) ที่นี่เป็นสถานีรถไฟอันสวยงามที่ตั้งอยู่ตรงชายฝั่งอ่าวไอย์ (ij) สร้างขึ้นในปีค.ศ.1889 เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอเรอเนสซองส์ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิกที่สวยงามและยิ่งใหญ่ ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ ด็อกเตอร์ เกาเปอร์(Dr. Cuypers) เป็นคนเดียวกับที่ออกแบบสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไรค์มิวเซียม
สถานีรถไฟกลาง
สถานีรถไฟแห่งนี้ใหญ่โตโอฬารสร้างบนเสาเข็มจำนวนถึง 8,657 ต้น ที่หน้าตึกจะมีนาฬิกาเรือนใหญ่อยู่ 2 เรือน เรือนทางซ้ายบอกทิศทางลม ส่วนเรือนทางขวาบอกเวลา และจากสถานีรถไฟแห่งนี้เราสามารถที่จะเดินทางไปสู่ทุกประเทศในยุโรปได้เลย และที่สำคัญยังเป็นจุดรวมของรถรางรถเมล์ทุกสายที่ใช้ในอัมสเตอร์ดัม และรอบนอกใกล้กับสถานีรถไฟทุกแห่งอีกด้วย เรียกว่าเป็นจุดการเดินทางหลักที่สำคัญของเมืองอัมสเตอร์ จึงทำให้ที่นี่จอแจไปด้วยผู้คนมากมาย

จากสถานีรถไฟกลาง ฉันเดินออกมาสู่ใจกลางเมือง ที่ถือว่าเป็นจุดนัดพบที่สำคัญ สถานที่แห่งนี้ คือ ดัมสแควร์ (Dam Square) เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ ที่มีสถานที่สำคัญๆ ตั้งอยู่มากมาย อย่างมุมหนึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ใหม่ ที่สร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 14 และผ่านการบูรณะซ่อมแซม ปรับปรุงจนถึงสร้างใหม่หลายต่อหลายจนมีความสวยงามน่าชมเป็นอย่างยิ่ง และก็จะเห็นอนุสาวรีย์แห่งเสรีภาพ เป็นรูปทรงกรวยสีขาวสูงประมาณ 70 ฟุต สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1956 เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2
พระราชวังหลวง
และฝั่งตรงข้ามกับอนุสาวรีย์ยังมีอาคารเก่าแก่ที่สวยงามและสำคัญคือ พระราชวังหลวง (Koninklijk Plaeis) หรือ วังหลวง ที่ครั้งแรกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1655 มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่ว่าการอำเภอ สร้างโดยสถาปนิกที่ชื่อ ยาคอบ ฟาน กัมเปน ตรงหน้าจั่วของตึกแห่งนี้มีรูปปูนปั้นที่สวยงาม เป็นรูปเทพีแห่งทะเล และสัตว์ในเทพนิยายกรีก ภายในเป็นห้องโถงกว้างปูด้วยหินอ่อนเป็นรูปลูกโลกขลิบด้วยทองเเดงสวยงาม เพดานวาดเป็นรูปภาพจักรวาล แต่ต่อมาในปี ค.ศ. 1801 หลังจากที่เนเธอร์แลนด์ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสได้ใช้เป็นพระราชวังที่ประทับของพระเจ้าหลุยส์ โบนาปาร์ตน้องชายของนะโปเลียน โบนาปาร์ต จนถึงปี ค.ศ. 1810 เมื่อฝรั่งเศสหมดอำนาจลงก็ยังคงใช้เป็นพระราชวังที่ประทับของกษัตริย์เนเธอร์แลนด์ในปีค.ศ.1967 สมเด็จพระราชินีนาถจุเลียนาได้ทรงย้ายไปประทับอยู่ที่เมืองเฮกจึงมีการซ่อมแซมพระราชวังแห่งนี้ และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวังหลวงที่วิจิตรงดงามไปด้วยสถาปัตยรรมแบบยุโรป

หลังจากชมวังหลวงอันสวยงามแล้ว ฉันเดินออกจากวังมาที่ถนนสายหนึ่งข้างวัง ที่มีชื่อว่า กาลเวอร์ สตราท (Kalver Straat) เป็นถนนชอปปิ้งสายสำคัญของคนอัมสเตอร์ดัม และของนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งถ้าใครเป็นนักท่องเที่ยวขาชอปตัวยงมีหวังได้หมดกระเป๋ากันเป็นแน่ เพราะถนนสายนี้จะคลาคล่ำไปด้วยร้านรวงที่ขายของและสินค้าของที่ระลึกให้เลือกซื้อหาเป็นของขวัญของฝากอย่างมากมาย
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซด์
ฉันรีบเดินผ่านถนนสายนี้อย่างรวดเร็ว ดูของที่ระลึกติดไม้ติดมือมาเพียงแค่ชิ้นสองชิ้นเป็นพอ เพราะกลัวจะถูกสูบเงินในกระเป๋าไปจนหมดเสียก่อน และก็เดินมาจนถึงหัวถนนก็พบกับ ห้างสรรพสินค้าPeek&Cloppenburg ที่ชั้นบนของห้างแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซด์ (Madame Tussauds Scenerama) ที่น่ามาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก เพราะภายในจัดเป็นนิทรรศการหุ่นขี้ผึ้งที่มีชีวิตชีวา หุ่นทุกตัวดูราวมีชีวิตสมจริงมากๆ มีการจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของอัมสเตอร์ดัม รวมทั้งหุ่นขี้ผึ้งของบุคคลสำคัญต่างๆ มากมาย ให้เราได้กระทบไหล่ประชิดตัว (หุ่น) จริงๆ กันแบบใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นหุ่นนักร้องชื่อดังอย่าง บียอนเซ่, เอลวิส เพรสลี่, จัสติน ทิมเบอร์เลค ผู้นำระดับโลกก็มี บารัค โอบามา ประธานาธิบดีUSA. , องค์ทาไลลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของฑทิเบต เป็นต้น และมีหุ่นดาราฮอลลีวูดให้แอ็คท่าถ่ายรูปคู่ด้วย อาทิ แองเจลินา โจลี, แบรด พิตท์, เจนนิเฟอร์ โลเปซ, มาริลิน มอนโร และหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญต่างๆ อีกมากมาย
พิพิธภัณฑ์ไรค์
แต่ถ้าใครกลัวหุ่นขี้ผึ้งที่เหมือนจริงมากๆ แต่กลับชอบชมพวกงานศิลปะและประวัติศาสตร์ ในอัมสเตอร์ดัมก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจไปเที่ยวชมกันอีก อย่างที่ พิพิธภัณฑ์ไรค์ (Rijksmuseum) หรือ ไรค์มิวเซียม ที่ฉันได้ไปเยือน ถือว่าเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุด สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1885 เพื่อเป็นที่รวมรวบผลงานศิลปะของเนเธอร์แลนด์ทุกแขนง ตัวอาคารมีลักษณะคล้ายกับตึกสถานีรถไพสร้างด้วยอิฐสีเเดงสไตล์นีโอโกธิก

ภายในพิพิธภัณฑ์อันกว้างใหญ่มีทั้งหมด 260 ห้อง จัดเก็บรวบรวมภาพเขียนของจิตรกรชาวดัตช์ผู้มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 15 ถึงศตวรรษที่19 อย่างจิตรกรที่คนไทยรู้จักกันดีคือ เรมบรันด์ (Rembrandt) ผู้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากภาพ The Night Watch ซึ่งแขวนอยู่ในห้องโถงใหญ่ด้านหน้า และยังมีภาพอีกกว่า 200 ภาพของเขาแขวนอยู่ในนี้ด้วย รวมไปถึงภาพเหมือนจากศตวรรษที่ 16 งานเซรามิก พอร์ซเลน และประวัติศาสตร์ของเนเธอร์แลนด์ในห้องประวัติศาสตร์ชั้นล่าง และมีภาพสำคัญอยู่ภาพหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ควรพลาดชมก็คือ ภาพวาดกรุงศรีอยุธยา ที่วาดขึ้นโดยนักเดินเรือนนิรนามชาวฮอลันดา ชื่อภาพโยเดีย (Iodla) และประวัติศาสตร์การเดินเรือของกลุ่มดัตช์ อีสต์ อินดีส คัมปานี (Dutch East Indles Company หรือ V.O.C) เรียกว่าใครที่ชื่นชอบงานด้านศิลปะและประวัติศาสตร์รับรองว่ามาที่ไรค์มิวเซียมนี้แล้วจะเพลิดเพลินเดินชมกันได้ทั้งวัน
ภาพดอกทานตะวันที่มีชื่อเสียงของแวนโกะห์
แต่ถ้ายังเสพศิลปะไม่จุใจฉันขอแนะนำว่าให้มาที่ พิพิธภัณฑ์แวะโกะห์ (Van Gogh Museum) ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงผลงานของแวนโกะห์ไว้มากที่สุด และเห็นถึงพัฒนาการในงานศิลป์ของเขา มีภาพวาดสีน้ำมันของแวนโกะห์ จิตรกรแนวอิมเพรสชั่นนิสม์ชาวดัตช์ในสมัยศตวรรษที่ 19 ตั้งแสดงอยู่ถึง 200 ภาพ และมีงานสเก็ตช์ดรออิง เรื่องราวชีวิตส่วนตัวของแวนโกะห์ รวมทั้งภาพของโมเนต์ (Monet) และโกแกง (Gauguin) ตั้งแสดงอยู่ด้วย และภาพวาดที่มีชื่อเสียงของแวนโกะห์ที่ไม่ควรพลาดไปชมก็มี ภาพสาวน้อยที่สะพานบาง, ภาพดอกทานตะวัน, The Potato, Still Life with Sunflower และ Cornfield with Crow เป็นต้น และภาพวาดอื่นๆ อีกมากมายที่จะทำให้เราได้เสพงานศิลปะสวยๆ กันอย่างอิ่มเอิบใจ และแล้วทริปทัวร์อัมสเตอร์ดัมในครั้งนี้ของฉันก็จบลงด้วยความสุข สดชื่นของหัวใจ บอกได้เลยว่า “อัมสเตอร์ดัม เธอทำให้ฉันตกหลุกรักเธอ”

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“อัมสเตอร์ดัม” (Amsterdam) เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ส่วนที่ทำการรัฐบาลและสถานทูตของประเทศต่าง ๆ ตั้งอยู่ที่เมืองเฮก (The Hague) ชาวเนเธอร์แลนด์ใช้ภาษาดัตช์ (Dutch) และพูดได้หลายภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ใช้เงินยูโร (Euro) 1 ยูโร ประมาณ 46 บาทขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น

กำลังโหลดความคิดเห็น