โดย : ปิ่น บุตรี
สุราษฎร์ธานี เมืองนี้มีหลายฉายา
บ้างเรียกเมืองคนดี บ้างเรียกเมืองหอยใหญ่ บ้างเรียกเมืองไชยา
ในขณะที่บางคนเรียกเมืองร้อยเกาะ เพราะเมืองนี้มีเกาะมากมาย
แต่นอกจากมีร้อยเกาะแล้ว สุราษฎร์ยังมี“คลองร้อยสาย”แห่งแม่น้ำตาปี แม่น้ำสายยาวที่สุดในภาคใต้เป็นอีกหนึ่งจุดที่ชวนให้พูดถึง โดยเฉพาะในมิติของการท่องเที่ยวชุมชนนั้น คลองร้อยสายหรือในบางนับเป็นคลองสวยรวยเสน่ห์ ที่ใครชื่นชอบการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ หากได้มาเที่ยวที่นี่รับรองว่าจะติดใจไปอีกหลายเพลา
ตัวผมเองรู้จักคลองร้อยสายครั้งแรกตอนกลางคืนเมื่อสามปีที่แล้ว ครั้งนั้นผมไปนั่งเรือชมหิ่งห้อย ซึ่งที่นี่มีหิ่งห้อยเยอะมากเนื่องจากสายน้ำลำคลองยังสะอาดอยู่
สำหรับครั้งนี้ช่วงก่อนน้ำท่วมสุราษฎร์ไม่กี่วัน ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวท่องล่องคลองร้อยสายอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นการล่องเรือเที่ยวยามเช้าที่ก็ให้บรรยากาศและความรู้สึกแตกต่างออกไปจากการล่องยามค่ำคืน
แม้ไม่เห็นหิ่งห้อย แต่ได้เห็นเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตมากมายใน 2 ฟากฝั่งคลอง ที่ยังไงต้องมาบอกเล่าสู่กันฟังกันเสียหน่อย
1...
8 โมงเช้า ท่าปลาวาฬ แม่น้ำตาปี ตัวเมืองสุราษฎร์
พี่พาณุ ชำราญเรือง ประธานชมรมท่องเที่ยวคลองร้อยสายกับเพื่อนขับเรือ 2 ลำมารับผมกับชาวคณะ ก่อนบังคับเรือฝ่าสายน้ำไล่นำชมสิ่งน่าสนใจต่างๆในเส้นทาง
ช่วงแรกพี่พาณุนำชมวิถีสีสันในลำน้ำตาปี ที่นอกจากได้เห็นสภาพบ้านเรือนริมน้ำแล้ว ช่วงเช้าอย่างนี้ผมยังได้เห็นชาวบ้านลอยเรือหาปลาทำประมงพื้นบ้านกันอยู่หลายลำ
จากนั้นเรือแล่นเข้าคลองบางขยะ ลำคลองย่อยซึ่งพี่พาณุเล่าว่า แม่น้ำตาปีสายนี้มีลำคลองต่างๆแยกสาขา แยกย่อยแตกแขนงมากมายจนได้ชื่อว่า “คลองร้อยสาย”
เมื่อเรือแล่นเดินหน้าเข้าคลอง เห็นได้ชัดว่าสภาพบ้านเรือนลดความหนาแน่นลง แต่กลับมีวิถีชาวบ้านริมคลองให้ชมมากขึ้น ทั้งบนฝั่งและในน้ำ อาทิ แม่เลี้ยงลูกน้อยบนบ้าน เด็กๆเล่นน้ำ สาวลงอาบน้ำ เรือก๋วยเตี๋ยวเรือแล่นขายตามบ้าน ชาวบ้านในเรือและบนฝั่ง(บนบ้าน)ทักทายกัน เห็นเรือโชว์ห่วยเคลื่อนที่ขายสินค้าสารพัดสารพัน
“ในช่วงเช้าตรู่แถวนี้จะมีพระพายเรือออกบิณฑบาต มีผู้เฒ่าผู้แก่คอยใส่บาตรอยู่ที่ท่าน้ำหน้าบ้าน”พี่พาณุบอก
นี่เป็นวิถีชีวิตเพียงบางส่วนของชาวชุมชนคลองร้อยสาย ที่หาชมไม่ได้ง่ายๆในเมืองไทย แต่ทว่าในความง่ายนั้นมีความงดงามแฝงอยู่ งามทั้งภูมิทัศน์ 2 ฝั่งน้ำ งามทั้งสายน้ำที่ใสสะอาด งามทั้งรอยยิ้มของชาวบ้านที่มักจะโปรยยิ้มหวานทักทายแก่ผู้ที่ผ่านไปมาอยู่บ่อยครั้ง
พี่บ่าวบางคน หน้าตาหล่อเหลาแบบเล่นหนังต้องได้รับบทผู้ร้ายแน่นอน แต่ประทานโทษยามที่โปรยยิ้มทักทายนั้น สาวบางคนเห็นอาจใจละลายได้
จากนั้นเรือพาเข้าเขตกรีนแอเรียหรือพื้นที่สีเขียวที่ร่มครึ้มไปด้วยป่าริมคลอง มีต้นลำพูใหญ่ขึ้นโดดเด่น มีดงมะพร้าวขึ้นเป็นทิวแถว และดงจากที่ขึ้นอยู่เรียงราย
พ้นจากลำคลองสายนี้เรือแล่นมาถึงสามแยก หากไปขวาไปคลองคูขุด ไปซ้าย ไปคลองบางเบิดล่าง บางไทร บางโพธิ์ ช่วงนี้ 2 ข้างทางเป็นป่าจากร่มครึ้มที่มองผ่านเข้าไปจะเห็นเส้นสายลายต้นและใบจากดูสวยงาม เป็นงานศิลปะแห่งดงจากที่อาจก่อเกิดแรงบันดาลใจให้กับศิลปินบางคน แต่สำหรับชาวบ้าน จากคือหนึ่งในพืชสารพัดประโยชน์ ทำได้หลายอย่าง
ลูกจากกินสดๆก็ได้ นำไปเชื่อมหรือทำลูกจากลอยแก้วก็อร่อย ใบจากนำมาทำหลังคา ห่อขนมจาก รวมถึงสามารถนำไปทำภาชนะตักน้ำ ภูมิปัญญาพื้นบ้านภาคใต้อย่าง “หมาจาก” ได้อีกด้วย
การล่องคลองผ่านดงจากช่วงนี้มีจุดพักเรือเบาๆที่บ้านโบราณให้ชมพอหอมปากหอมคอ ก่อนที่เรือจะแล่นต่อไปยังป่าจากอีกช่วงที่ผมว่าสุดยอดมาก เพราะต้นจากจะค่อยๆโน้มกิ่งใบเข้าหากัน จนกลายเป็น“อุโมงค์จาก”ในทางแยกสู่วัดบางใบไม้ ที่อุโมงค์จากนี่แลดูเป็นโค้งสวยงาม ปานประหนึ่งต้นจากโค้งตัวลงคารวะแก่ผู้ผ่านทางยังไงยั้งงั้นเลยทีเดียว
2…
จากอุโมงค์เรือเลี้ยวขวา ก่อนแล่นชิลล์ ชิลล์ สู่วัดบางใบไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
วัดบางใบไม้ เป็นวัดเก่าแก่มี "หลวงพ่อข้าวสุก" เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านแถบนั้น
หลวงพ่อข้าวสุก เป็นพระพุทธรูปที่มีความแปลกไม่น้อย เพราะ(เดิม)สร้างจากข้าวสุกเสกคาถาที่เหลือก้นบาตรวันละเล็กละน้อย โดยฝีมือของหลวงพ่อขำ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อขับไล่ภูติผีปีศาจ เพราะชาวบ้านสมัยนั้นเชื่อว่าโรคห่าคือผีห่าที่มาคร่าชีวิตผู้คน
จากนั้นก็มีคนปั้นข้าวสุกพอก สร้างต่อเติมองค์หลวงพ่อข้าวสุกเรื่อยมาจนองค์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายได้มีการหล่อทองแดงหุ้มองค์หลวงพ่อข้าวสุกในปางสมาธิเพื่อกันมด กันแมลงที่มากัดกินข้าว
หลวงพ่อข้าวสุก มีพุทธลักษณะที่ดูแปลกตากว่าพระพุทธรูปางสมาธิทั่วไป เพราะมีลักษณะหลังโค้งงอไปข้างหน้า เนื่องจากหลวงพ่อองค์ในที่เป็นข้าวสุกมีลักษณะเช่นนี้ เพราะถูกพอกข้าวสุกสร้างองค์ต่อเติมมาเรื่อยๆ ซึ่งถึงบัดนี้หลวงพ่อข้าวสุกท่านมีอายุได้ 100 กว่าปีแล้ว
หลวงพ่อข้าวสุก ถูกเขียนอีกชื่อหนึ่งว่าหลวงพ่อข้าวสุข อันเนื่องมาจากความเชื่อว่า ข้าว แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ความเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ สุข ก็คือความอยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากทุกโศก นับเป็นปริศนาธรรมที่แฝงมาพร้อมกับหลวงพ่อข้าวสุของค์นี้
3...
สุขจากกราบไหว้หลวงพ่อข้าวสุกแล้ว พี่พาณุพาไปสุขต่อที่บ้านพักของแกและบ้านพักโฮมเสตย์ง่ายเก๋ พร้อมต้อนรับด้วยน้ำและเนื้อมะพร้าวอ่อนที่ปอกให้กินกันสดๆจาก
ทลาย ทำเอาบางคนในทริปเห็นแล้วรีบวิ่งเข้าใส่ทันทีเพราะติดนิสัยโคแก่ชอบกินหญ้าอ่อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ระหว่างดูดน้ำ หม่ำเนื้อมะพร้าวอ่อน พี่พาณุก็ถือโอกาสสาธิตการทำหมาจากด้วยใบจากไม่กี่ใบ ก่อนสอดเรียงออกมาเป็นหมาน้ำใบย่อม สวยงามตามภูมิปัญญาพื้นบ้าน
งานนี้นอกจากหมาจากแล้วก็มีเนื้อลูกจากที่แคะกันสดๆจากลูกให้เคี้ยวกินหนึบหนับหนุกๆปากเล่น ก่อนที่พาณุจะพาล่องเรือกลับจากลำคลองเข้าสู่แม่น้ำตาปีในเส้นทางเดิม ทิ้งวิถีชีวิตแห่งคลองร้อยสายไว้เบื้องหลัง ซึ่งแม้จะเป็นวิถีที่เรียบง่ายแต่ว่ากลับเปี่ยมเสน่ห์งดงาม ตรงกันข้ามกับวิถีในเมืองที่ซับซ้อนวุ่นวาย
แต่น่าเสียดายที่วิถีแบบนี้นับวันยิ่งมายิ่งเหลือน้อยเต็มที
*****************************************
คลองร้อยสายหรือในบาง ครอบคลุมพื้นที่ 6 ตำบล คือ ตำบลบางใบไม้ บางชนะ คลองฉนาก บางไทร คลองน้อย และบางโพธิ์ ที่ยังคงไว้ด้วยเสน่ห์แห่งวิถีพื้นบ้าน โดยชาวชุมชนนี้ได้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศสัมผัสวิถีชุมชนขึ้นในสโลแกน "ชมนก ตกปู ดูลิง หิ่งห้อย ร้อยคลอง ล่องบาง" ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวอันหลากหลายในราคาเยา แบ่งเป็น 3 โปรแกรมหลักๆ คือ นั่งเรือชมคลองร้อยสาย(กลางวัน) นั่งเรือชมหิ่งห้อยในคลองร้อยสาย(กลางคืน) สัมผัสวิถีชีวิตกับบ้าน Home Stay ในบางแม่น้ำตาปี
ทั้งนี้แต่ละโปรแกรมต่างก็มีกิจกรรมน่าสนใจแตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ พาณุ ชำราญเรือง ประธานชมรมท่องเที่ยวคลองร้อยสาย โทร.0-7720-5323
สุราษฎร์ธานี เมืองนี้มีหลายฉายา
บ้างเรียกเมืองคนดี บ้างเรียกเมืองหอยใหญ่ บ้างเรียกเมืองไชยา
ในขณะที่บางคนเรียกเมืองร้อยเกาะ เพราะเมืองนี้มีเกาะมากมาย
แต่นอกจากมีร้อยเกาะแล้ว สุราษฎร์ยังมี“คลองร้อยสาย”แห่งแม่น้ำตาปี แม่น้ำสายยาวที่สุดในภาคใต้เป็นอีกหนึ่งจุดที่ชวนให้พูดถึง โดยเฉพาะในมิติของการท่องเที่ยวชุมชนนั้น คลองร้อยสายหรือในบางนับเป็นคลองสวยรวยเสน่ห์ ที่ใครชื่นชอบการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ หากได้มาเที่ยวที่นี่รับรองว่าจะติดใจไปอีกหลายเพลา
ตัวผมเองรู้จักคลองร้อยสายครั้งแรกตอนกลางคืนเมื่อสามปีที่แล้ว ครั้งนั้นผมไปนั่งเรือชมหิ่งห้อย ซึ่งที่นี่มีหิ่งห้อยเยอะมากเนื่องจากสายน้ำลำคลองยังสะอาดอยู่
สำหรับครั้งนี้ช่วงก่อนน้ำท่วมสุราษฎร์ไม่กี่วัน ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวท่องล่องคลองร้อยสายอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นการล่องเรือเที่ยวยามเช้าที่ก็ให้บรรยากาศและความรู้สึกแตกต่างออกไปจากการล่องยามค่ำคืน
แม้ไม่เห็นหิ่งห้อย แต่ได้เห็นเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตมากมายใน 2 ฟากฝั่งคลอง ที่ยังไงต้องมาบอกเล่าสู่กันฟังกันเสียหน่อย
1...
8 โมงเช้า ท่าปลาวาฬ แม่น้ำตาปี ตัวเมืองสุราษฎร์
พี่พาณุ ชำราญเรือง ประธานชมรมท่องเที่ยวคลองร้อยสายกับเพื่อนขับเรือ 2 ลำมารับผมกับชาวคณะ ก่อนบังคับเรือฝ่าสายน้ำไล่นำชมสิ่งน่าสนใจต่างๆในเส้นทาง
ช่วงแรกพี่พาณุนำชมวิถีสีสันในลำน้ำตาปี ที่นอกจากได้เห็นสภาพบ้านเรือนริมน้ำแล้ว ช่วงเช้าอย่างนี้ผมยังได้เห็นชาวบ้านลอยเรือหาปลาทำประมงพื้นบ้านกันอยู่หลายลำ
จากนั้นเรือแล่นเข้าคลองบางขยะ ลำคลองย่อยซึ่งพี่พาณุเล่าว่า แม่น้ำตาปีสายนี้มีลำคลองต่างๆแยกสาขา แยกย่อยแตกแขนงมากมายจนได้ชื่อว่า “คลองร้อยสาย”
เมื่อเรือแล่นเดินหน้าเข้าคลอง เห็นได้ชัดว่าสภาพบ้านเรือนลดความหนาแน่นลง แต่กลับมีวิถีชาวบ้านริมคลองให้ชมมากขึ้น ทั้งบนฝั่งและในน้ำ อาทิ แม่เลี้ยงลูกน้อยบนบ้าน เด็กๆเล่นน้ำ สาวลงอาบน้ำ เรือก๋วยเตี๋ยวเรือแล่นขายตามบ้าน ชาวบ้านในเรือและบนฝั่ง(บนบ้าน)ทักทายกัน เห็นเรือโชว์ห่วยเคลื่อนที่ขายสินค้าสารพัดสารพัน
“ในช่วงเช้าตรู่แถวนี้จะมีพระพายเรือออกบิณฑบาต มีผู้เฒ่าผู้แก่คอยใส่บาตรอยู่ที่ท่าน้ำหน้าบ้าน”พี่พาณุบอก
นี่เป็นวิถีชีวิตเพียงบางส่วนของชาวชุมชนคลองร้อยสาย ที่หาชมไม่ได้ง่ายๆในเมืองไทย แต่ทว่าในความง่ายนั้นมีความงดงามแฝงอยู่ งามทั้งภูมิทัศน์ 2 ฝั่งน้ำ งามทั้งสายน้ำที่ใสสะอาด งามทั้งรอยยิ้มของชาวบ้านที่มักจะโปรยยิ้มหวานทักทายแก่ผู้ที่ผ่านไปมาอยู่บ่อยครั้ง
พี่บ่าวบางคน หน้าตาหล่อเหลาแบบเล่นหนังต้องได้รับบทผู้ร้ายแน่นอน แต่ประทานโทษยามที่โปรยยิ้มทักทายนั้น สาวบางคนเห็นอาจใจละลายได้
จากนั้นเรือพาเข้าเขตกรีนแอเรียหรือพื้นที่สีเขียวที่ร่มครึ้มไปด้วยป่าริมคลอง มีต้นลำพูใหญ่ขึ้นโดดเด่น มีดงมะพร้าวขึ้นเป็นทิวแถว และดงจากที่ขึ้นอยู่เรียงราย
พ้นจากลำคลองสายนี้เรือแล่นมาถึงสามแยก หากไปขวาไปคลองคูขุด ไปซ้าย ไปคลองบางเบิดล่าง บางไทร บางโพธิ์ ช่วงนี้ 2 ข้างทางเป็นป่าจากร่มครึ้มที่มองผ่านเข้าไปจะเห็นเส้นสายลายต้นและใบจากดูสวยงาม เป็นงานศิลปะแห่งดงจากที่อาจก่อเกิดแรงบันดาลใจให้กับศิลปินบางคน แต่สำหรับชาวบ้าน จากคือหนึ่งในพืชสารพัดประโยชน์ ทำได้หลายอย่าง
ลูกจากกินสดๆก็ได้ นำไปเชื่อมหรือทำลูกจากลอยแก้วก็อร่อย ใบจากนำมาทำหลังคา ห่อขนมจาก รวมถึงสามารถนำไปทำภาชนะตักน้ำ ภูมิปัญญาพื้นบ้านภาคใต้อย่าง “หมาจาก” ได้อีกด้วย
การล่องคลองผ่านดงจากช่วงนี้มีจุดพักเรือเบาๆที่บ้านโบราณให้ชมพอหอมปากหอมคอ ก่อนที่เรือจะแล่นต่อไปยังป่าจากอีกช่วงที่ผมว่าสุดยอดมาก เพราะต้นจากจะค่อยๆโน้มกิ่งใบเข้าหากัน จนกลายเป็น“อุโมงค์จาก”ในทางแยกสู่วัดบางใบไม้ ที่อุโมงค์จากนี่แลดูเป็นโค้งสวยงาม ปานประหนึ่งต้นจากโค้งตัวลงคารวะแก่ผู้ผ่านทางยังไงยั้งงั้นเลยทีเดียว
2…
จากอุโมงค์เรือเลี้ยวขวา ก่อนแล่นชิลล์ ชิลล์ สู่วัดบางใบไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
วัดบางใบไม้ เป็นวัดเก่าแก่มี "หลวงพ่อข้าวสุก" เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านแถบนั้น
หลวงพ่อข้าวสุก เป็นพระพุทธรูปที่มีความแปลกไม่น้อย เพราะ(เดิม)สร้างจากข้าวสุกเสกคาถาที่เหลือก้นบาตรวันละเล็กละน้อย โดยฝีมือของหลวงพ่อขำ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อขับไล่ภูติผีปีศาจ เพราะชาวบ้านสมัยนั้นเชื่อว่าโรคห่าคือผีห่าที่มาคร่าชีวิตผู้คน
จากนั้นก็มีคนปั้นข้าวสุกพอก สร้างต่อเติมองค์หลวงพ่อข้าวสุกเรื่อยมาจนองค์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายได้มีการหล่อทองแดงหุ้มองค์หลวงพ่อข้าวสุกในปางสมาธิเพื่อกันมด กันแมลงที่มากัดกินข้าว
หลวงพ่อข้าวสุก มีพุทธลักษณะที่ดูแปลกตากว่าพระพุทธรูปางสมาธิทั่วไป เพราะมีลักษณะหลังโค้งงอไปข้างหน้า เนื่องจากหลวงพ่อองค์ในที่เป็นข้าวสุกมีลักษณะเช่นนี้ เพราะถูกพอกข้าวสุกสร้างองค์ต่อเติมมาเรื่อยๆ ซึ่งถึงบัดนี้หลวงพ่อข้าวสุกท่านมีอายุได้ 100 กว่าปีแล้ว
หลวงพ่อข้าวสุก ถูกเขียนอีกชื่อหนึ่งว่าหลวงพ่อข้าวสุข อันเนื่องมาจากความเชื่อว่า ข้าว แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ความเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ สุข ก็คือความอยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากทุกโศก นับเป็นปริศนาธรรมที่แฝงมาพร้อมกับหลวงพ่อข้าวสุของค์นี้
3...
สุขจากกราบไหว้หลวงพ่อข้าวสุกแล้ว พี่พาณุพาไปสุขต่อที่บ้านพักของแกและบ้านพักโฮมเสตย์ง่ายเก๋ พร้อมต้อนรับด้วยน้ำและเนื้อมะพร้าวอ่อนที่ปอกให้กินกันสดๆจาก
ทลาย ทำเอาบางคนในทริปเห็นแล้วรีบวิ่งเข้าใส่ทันทีเพราะติดนิสัยโคแก่ชอบกินหญ้าอ่อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ระหว่างดูดน้ำ หม่ำเนื้อมะพร้าวอ่อน พี่พาณุก็ถือโอกาสสาธิตการทำหมาจากด้วยใบจากไม่กี่ใบ ก่อนสอดเรียงออกมาเป็นหมาน้ำใบย่อม สวยงามตามภูมิปัญญาพื้นบ้าน
งานนี้นอกจากหมาจากแล้วก็มีเนื้อลูกจากที่แคะกันสดๆจากลูกให้เคี้ยวกินหนึบหนับหนุกๆปากเล่น ก่อนที่พาณุจะพาล่องเรือกลับจากลำคลองเข้าสู่แม่น้ำตาปีในเส้นทางเดิม ทิ้งวิถีชีวิตแห่งคลองร้อยสายไว้เบื้องหลัง ซึ่งแม้จะเป็นวิถีที่เรียบง่ายแต่ว่ากลับเปี่ยมเสน่ห์งดงาม ตรงกันข้ามกับวิถีในเมืองที่ซับซ้อนวุ่นวาย
แต่น่าเสียดายที่วิถีแบบนี้นับวันยิ่งมายิ่งเหลือน้อยเต็มที
*****************************************
คลองร้อยสายหรือในบาง ครอบคลุมพื้นที่ 6 ตำบล คือ ตำบลบางใบไม้ บางชนะ คลองฉนาก บางไทร คลองน้อย และบางโพธิ์ ที่ยังคงไว้ด้วยเสน่ห์แห่งวิถีพื้นบ้าน โดยชาวชุมชนนี้ได้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศสัมผัสวิถีชุมชนขึ้นในสโลแกน "ชมนก ตกปู ดูลิง หิ่งห้อย ร้อยคลอง ล่องบาง" ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวอันหลากหลายในราคาเยา แบ่งเป็น 3 โปรแกรมหลักๆ คือ นั่งเรือชมคลองร้อยสาย(กลางวัน) นั่งเรือชมหิ่งห้อยในคลองร้อยสาย(กลางคืน) สัมผัสวิถีชีวิตกับบ้าน Home Stay ในบางแม่น้ำตาปี
ทั้งนี้แต่ละโปรแกรมต่างก็มีกิจกรรมน่าสนใจแตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ พาณุ ชำราญเรือง ประธานชมรมท่องเที่ยวคลองร้อยสาย โทร.0-7720-5323