โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
หากพูดถึง "เขตจตุจักร" ภาพของตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาดนัดชื่อก้องโลก ที่มากมายสารพัดสารพันไปด้วยสินค้าต่างๆนานาคงลอยเด่นขึ้นมาในใจของใครหลายคน โดยเพราะขาช้อปทั้งหลาย
แต่หากพินิจพิเคราะห์ดูให้ดีจะพบว่าเขตจตุจักรน่าจะนับได้ว่าเป็นเขตแห่งสวนสาธารณะก็ว่าได้ เพราะเขตนี้มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ถึงสามแห่งด้วยกัน นับเป็นหนึ่งในเขตปอดเมืองกรุงที่น่าสนใจไม่น้อยเลย นอกจากนี้เขตจตุจักรยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ให้ผู้สนใจเที่ยวกันเพลินไปเลย
แต่ก่อนที่จะไปตะลุยเที่ยวเขตจตุจักร ฉันว่าเรามารู้จักชื่อของเขตจตุจักรกันก่อนดีกว่า ชื่อนี้เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหมายถึง สี่รอบราศี เพราะสวนจตุจักรนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในปีที่พระองค์ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 4 รอบ โดยแต่เดิมนั้นเขตจตุจักรเคยเป็นแขวงลาดยาว ส่วนหนึ่งของเขตบางเขนมาก่อน ก่อนที่จะแยกตัวออกมาเป็นเขตจตุจักรอย่างในปัจจุบัน
ส่วนสวนสาธารณะขนาดใหญ่สามแห่งที่ฉันกล่าวไว้ตอนต้น ก็เริ่มตั้งแต่ "สวนจตุจักร" สวนรุ่นพี่ขาใหญ่ในย่านนี้เพราะสร้างขึ้นเป็นสวนสาธารณะก่อนที่อื่น โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินเพื่อก่อสร้างสวนสาธารณะตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 4 รอบ อีกทั้งพระราชทานชื่อสวนไว้ว่า "สวนจตุจักร" และเปิดให้บริการประชาชนเมื่อปี 2523
พื้นที่ 190 ไร่ของสวนจตุจักรนั้นเป็นประกอบไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ไม้ดอกไม้ประดับ นาฬิกาดอกไม้ สระน้ำคดเคี้ยว สะพานคดโค้ง จักรยานน้ำไว้ให้ถีบจู๋จี๋กัน และนอกจากนั้นก็ยังมีประติมากรรมในสวนอาเซียน ซึ่งเป็นผลงานจากศิลปินชั้นนำในประเทศอาเซียน ได้แก่บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย
ในรั้วเดียวกันกับสวนจตุจักรนี้ ก็ยังมี "หอเกียรติภูมิรถไฟ" ที่ผู้หลงใหลรถไฟไม่ควรพลาด เพราะมีเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับรถไฟหลายอย่างให้ได้ชมกัน ทั้งรถจักรไอน้ำ หมายเลข 10089 ที่เป็นรถจักรไอน้ำรุ่นสุดท้ายที่บริษัทเกียวซานโกเกียวในญี่ปุ่นสร้างขึ้นก่อนเลิกกิจการเพราะหมดยุคไอน้ำเมื่อสามสิบปีก่อน มีรถจักรไอน้ำสูงเนิน ที่ทำหน้าที่ขนฟืนขนน้ำจากป่ามาให้ขบวนรถไฟลากจูงด้วยรถจักรไอน้ำใช้ที่สถานีสูงเนินกลางดงพญาไฟในอดีต อีกทั้งยังมีตู้รถไฟที่ลากจูงคันแรก คือ "รถ ร.พ." ซึ่งเป็นตู้รถไฟไม้สักทองที่นับได้ว่าเก่าที่สุดในประเทศไทยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ให้ออกแบบเป็นรถพยาบาลหลังแรกของไทย
และยังมีตู้รถไฟที่เรียกว่าเป็นรถจัดเฉพาะ เช่น รถ จ.พ. รถจัดเฉพาะพยาบาล รถ จ.ขจก. ตู้รถที่บรรทุกทหารที่จะไปปราบปรามโจรก่อการร้าย รวมทั้งมี รถจ.ล.ย. ตู้รถจัดเฉพาะลำไย ที่เอาไว้จัดส่งลำไยอีกด้วย ส่วนด้านในพิพิธภัณฑ์ก็มี "หอเกียรติภูมิยานยนต์ พีระ-เจ้าดาราทอง" มีรถยนต์เก่าแก่อย่างรถเฟี๊ยตโทโปลิโน่ รถดัทสันบลูเบิร์ด และสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ อีกมากมาย
จากสวนจตุจักรข้ามถนนกำแพงเพชร 3 มาที่ "สวนวชิรเบญจทัศ" หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "สวนรถไฟ" หรือในอดีตเคยเป็นสนามกอล์ฟของการรถไฟแห่งประเทศไทยมาก่อน ก่อนที่จะจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ 375 ไร่ ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์โดยทั่วกันในปี 2545
สวนรถไฟวันนี้ถือเป็นสวนยอดนิยมที่สุดในย่านจตุจักร เพราะความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่มากมาย มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมกันได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่สนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก สนามกีฬา ลานแอโรบิก สระน้ำสำหรับพายเรือแคนู เส้นทางจักรยานให้ขี่กินลมพร้อมร้านเช่าจักรยานให้เลือกหลายร้าน มีเมืองจราจรจำลองสำหรับเป็นสถานที่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้กฎจราจรและฝึกการใช้จักรยานอย่างถูกต้อง และพื้นที่กว้างขวางสำหรับออกกำลังกันกายได้ทุกรูปแบบ
และด้วยความที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ทำให้บริเวณสวนนี้เป็นที่อยู่อาศัยของนกหลายชนิด และกลายเป็นสถานที่สำหรับการดูนกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ไปด้วยเช่นกัน
ในรั้วของสวนรถไฟนี้ ยังเป็นที่ตั้งของ "อุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพ" สถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่เรียนรู้ทางธรรมชาติ ที่เหมาะสำหรับเด็กๆ เพราะจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับโลกของผีเสื้อและแมลงต่างๆ ทั้งเรื่องการกำเนิดผีเสื้อ และแมลง สายใยในระบบนิเวศ ความสำคัญของแมลงและความสัมพันธ์ในระบบนิเวศ
และไฮไลท์ของที่นี่ก็คือการได้มาชมผีเสื้อนับร้อยที่บินกันให้ว่อนอยู่ในกรงจัดแสดงผีเสื้อ ซึ่งเป็นกรงตาข่ายขนาดใหญ่ที่มีการจัดสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับธรรมชาติ โดยมีทั้งบ่อน้ำ ลำธาร น้ำตก ต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ ทำให้ผีเสื้อเหล่านี้อยู่กันอย่างมีความสุข และคนที่ได้มาชมก็รู้สึกมีความสุขตามไปด้วย
และสวนอีกแห่งหนึ่งที่มีรั้วติดกันกับสวนรถไฟ ก็คือ "สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์" พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยอีกเช่นกัน โดยที่ดินจำนวน 208 ไร่นี้ได้น้อมเกล้าฯ ถวายในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ
สวนสมเด็จพระนางเจ้าฯนี้มีความโดดเด่นตรงที่เป็นสวนป่ากลางกรุง เพราะได้รวบรวมและอนุรักษ์พันธุ์ไม้ ทั้งในและต่างประเทศเอาไว้มากมาย ถือเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่สมบูรณ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย และยังมีการรวบรวมพันธุ์ไม้ในพระนาม "ควีนสิริกิติ์" เอาไว้อย่างครบถ้วนอีกด้วย
และหากใครจูงลูกจูงหลานมาที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าฯ นี้แล้ว ก็อย่าลืมแวะไปที่ "พิพิธภัณฑ์เด็ก" ในรั้วเดียวกัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่น่าเบื่อเหมือนที่ใครๆคิด เพราะเขาตั้งใจทำมาให้ดึงดูดความสนใจจากเด็กๆ และเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้เราลงมือทำด้วยตนเอง หรือที่เรียกว่า Edutainment ซึ่งก็แบ่งเป็นส่วนต่างๆ เช่น ชีวิตของเรา ที่จำลองตัวอสุจิเลเซอร์วิ่งเข้าไปในไข่ของแม่ และมีการจำลองที่นั่งภายในครรภ์เอาไว้ให้เด็กๆ ได้กลับคืนสู่ท้องแม่อีกครั้ง
มีส่วนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และเครื่องเล่นต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ เช่น ท่อลมส่งจดหมาย ฟองสบู่ยักษ์ที่ถูกดึงขึ้นมาครอบตัวเด็กๆได้ทั้งตัว และเครื่องเล่นอื่นๆ อีกมากมาย ห้องเกี่ยวกับเทคโนโลยี ให้ความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าการทำงานของเครื่องยนต์ต่างๆ บางห้องจัดเป็นบรรยากาศชนบท จัดแสดงเครื่องแต่งกาย และมีภาษาถิ่นสำคัญให้ฟังผ่านหูฟัง
นอกจากนั้นที่พิพิธภัณฑ์เด็กยังยังมีการจำลองอาชีพต่างๆ ไว้ให้เด็กๆได้ลองเรียนรู้ เช่น คลินิกฟ้าใส ให้เด็กๆได้ทดลองเป็นพยาบาลและคุณหมอทำฟัน และที่ตะวันยิ้มมินิมาร์ท เด็กๆ ก็สามารถมาฝึกขายของเผื่อในอนาคตจะมีกิจการเป็นของตัวเองด้วยก็ได้ หรือถ้าอยากเล่นกลางแจ้งก็มีลานสันทนาการให้ออกกำลังกันกับพีระมิดตาข่าย มุมนักขุด และเครื่องเล่นต่างๆ อีกมากมาย
หมดเรื่องสวนทั้งหมดทั้งมวลนี้แล้ว แต่เขตจตุจักรยังไม่หมดของดี เพราะฉันยังไม่ได้พูดถึง "ตลาดนัดสวนจตุจักร" ที่แต่เดิมนั้นเคยเป็นตลาดนัดสนามหลวง แต่ได้ย้ายสถานที่มาอยู่ในย่านจตุจักรนี้เมื่อปี 2525 และได้กลายเป็นตลาดนัดแห่งสำคัญที่กินเนสส์บุ๊ค เวิลด์ ออฟ เร็คคอร์ด บันทึกไว้ว่าเป็น "ตลาดนัดใหญ่ที่สุดในโลก" มีพื้นที่ขนาดใหญ่ราว 70 ไร่ มีแผงขายของนับหมื่นแผง ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ตลาดนัดนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มาเดินเลือกซื้อสินค้ากัน
สินค้าที่ว่านั้นก็มีขายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นและเครื่องประดับทุกแบบทุกแนว ของตกแต่งบ้านหลากหลายสไตล์ ของตกแต่งสวนทั้งน้ำพุ หิน อ่างปลาต่างๆ สัตว์เลี้ยงอย่างหมา แมว กระต่าย ปลา และสัตว์แปลกอย่างกิ้งก่า เม่น งู ฯลฯ อาหารสำเร็จรูปและอาหารแห้ง ต้นไม้ใบไม้และอุปกรณ์ทำสวน หนังสือเก่า และอีกหลากหลายประเภทสินค้า ที่หากอยากจะเดินดูให้ทั่วทุกซอกมุมก็คงต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันแน่นอน
แต่หากใครอยากเดินตลาดสด ที่ "ตลาด อตก." ที่อยู่ติดกับตลาดนัดจตุจักรนั้นก็มีสินค้าอาหารสดให้เลือกซื้อกัน ทั้งเนื้อสัตว์ผลไม้ อาหารสำเร็จรูปก็มีให้ซื้อกลับไปกินที่บ้านได้เช่นกัน รวมไปถึงขนมไทยต่างๆ ด้วย โดยในตลาดนี้ก็มีทั้งของถูกของแพง ก็ต้องใช้ฝีมือในการเลือกและฝีปากในการต่อรองช่วยในการซื้อด้วย
หากใครยังมีเวลาเหลือหลังจากที่เดินเที่ยวจนครบทุกแห่งข้างต้นมาแล้ว จะแวะไปชม "พิพิธภัณฑ์อัยการ" ที่มีหนังสือกฎหมายเก่า จดหมายเหตุสำนวนคดีสำคัญในอดีต และอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ หรือจะเป็น "พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย" ที่มีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเงินการธนาคารของชาติ วิวัฒนาการเงินตรา วิวัฒนาการธนาคาร เป็นต้น โดยจัดแสดงแบบมัลติมีเดียทันสมัย ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง
และนี่ก็คือเสน่ห์ของเขตจตุจักรที่ไม่ได้มีดีแค่ช้อปปิ้งเท่านั้น
หากพูดถึง "เขตจตุจักร" ภาพของตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาดนัดชื่อก้องโลก ที่มากมายสารพัดสารพันไปด้วยสินค้าต่างๆนานาคงลอยเด่นขึ้นมาในใจของใครหลายคน โดยเพราะขาช้อปทั้งหลาย
แต่หากพินิจพิเคราะห์ดูให้ดีจะพบว่าเขตจตุจักรน่าจะนับได้ว่าเป็นเขตแห่งสวนสาธารณะก็ว่าได้ เพราะเขตนี้มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ถึงสามแห่งด้วยกัน นับเป็นหนึ่งในเขตปอดเมืองกรุงที่น่าสนใจไม่น้อยเลย นอกจากนี้เขตจตุจักรยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ให้ผู้สนใจเที่ยวกันเพลินไปเลย
แต่ก่อนที่จะไปตะลุยเที่ยวเขตจตุจักร ฉันว่าเรามารู้จักชื่อของเขตจตุจักรกันก่อนดีกว่า ชื่อนี้เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหมายถึง สี่รอบราศี เพราะสวนจตุจักรนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในปีที่พระองค์ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 4 รอบ โดยแต่เดิมนั้นเขตจตุจักรเคยเป็นแขวงลาดยาว ส่วนหนึ่งของเขตบางเขนมาก่อน ก่อนที่จะแยกตัวออกมาเป็นเขตจตุจักรอย่างในปัจจุบัน
ส่วนสวนสาธารณะขนาดใหญ่สามแห่งที่ฉันกล่าวไว้ตอนต้น ก็เริ่มตั้งแต่ "สวนจตุจักร" สวนรุ่นพี่ขาใหญ่ในย่านนี้เพราะสร้างขึ้นเป็นสวนสาธารณะก่อนที่อื่น โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินเพื่อก่อสร้างสวนสาธารณะตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 4 รอบ อีกทั้งพระราชทานชื่อสวนไว้ว่า "สวนจตุจักร" และเปิดให้บริการประชาชนเมื่อปี 2523
พื้นที่ 190 ไร่ของสวนจตุจักรนั้นเป็นประกอบไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ไม้ดอกไม้ประดับ นาฬิกาดอกไม้ สระน้ำคดเคี้ยว สะพานคดโค้ง จักรยานน้ำไว้ให้ถีบจู๋จี๋กัน และนอกจากนั้นก็ยังมีประติมากรรมในสวนอาเซียน ซึ่งเป็นผลงานจากศิลปินชั้นนำในประเทศอาเซียน ได้แก่บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย
ในรั้วเดียวกันกับสวนจตุจักรนี้ ก็ยังมี "หอเกียรติภูมิรถไฟ" ที่ผู้หลงใหลรถไฟไม่ควรพลาด เพราะมีเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับรถไฟหลายอย่างให้ได้ชมกัน ทั้งรถจักรไอน้ำ หมายเลข 10089 ที่เป็นรถจักรไอน้ำรุ่นสุดท้ายที่บริษัทเกียวซานโกเกียวในญี่ปุ่นสร้างขึ้นก่อนเลิกกิจการเพราะหมดยุคไอน้ำเมื่อสามสิบปีก่อน มีรถจักรไอน้ำสูงเนิน ที่ทำหน้าที่ขนฟืนขนน้ำจากป่ามาให้ขบวนรถไฟลากจูงด้วยรถจักรไอน้ำใช้ที่สถานีสูงเนินกลางดงพญาไฟในอดีต อีกทั้งยังมีตู้รถไฟที่ลากจูงคันแรก คือ "รถ ร.พ." ซึ่งเป็นตู้รถไฟไม้สักทองที่นับได้ว่าเก่าที่สุดในประเทศไทยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ให้ออกแบบเป็นรถพยาบาลหลังแรกของไทย
และยังมีตู้รถไฟที่เรียกว่าเป็นรถจัดเฉพาะ เช่น รถ จ.พ. รถจัดเฉพาะพยาบาล รถ จ.ขจก. ตู้รถที่บรรทุกทหารที่จะไปปราบปรามโจรก่อการร้าย รวมทั้งมี รถจ.ล.ย. ตู้รถจัดเฉพาะลำไย ที่เอาไว้จัดส่งลำไยอีกด้วย ส่วนด้านในพิพิธภัณฑ์ก็มี "หอเกียรติภูมิยานยนต์ พีระ-เจ้าดาราทอง" มีรถยนต์เก่าแก่อย่างรถเฟี๊ยตโทโปลิโน่ รถดัทสันบลูเบิร์ด และสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ อีกมากมาย
จากสวนจตุจักรข้ามถนนกำแพงเพชร 3 มาที่ "สวนวชิรเบญจทัศ" หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "สวนรถไฟ" หรือในอดีตเคยเป็นสนามกอล์ฟของการรถไฟแห่งประเทศไทยมาก่อน ก่อนที่จะจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ 375 ไร่ ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์โดยทั่วกันในปี 2545
สวนรถไฟวันนี้ถือเป็นสวนยอดนิยมที่สุดในย่านจตุจักร เพราะความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่มากมาย มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมกันได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่สนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก สนามกีฬา ลานแอโรบิก สระน้ำสำหรับพายเรือแคนู เส้นทางจักรยานให้ขี่กินลมพร้อมร้านเช่าจักรยานให้เลือกหลายร้าน มีเมืองจราจรจำลองสำหรับเป็นสถานที่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้กฎจราจรและฝึกการใช้จักรยานอย่างถูกต้อง และพื้นที่กว้างขวางสำหรับออกกำลังกันกายได้ทุกรูปแบบ
และด้วยความที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ทำให้บริเวณสวนนี้เป็นที่อยู่อาศัยของนกหลายชนิด และกลายเป็นสถานที่สำหรับการดูนกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ไปด้วยเช่นกัน
ในรั้วของสวนรถไฟนี้ ยังเป็นที่ตั้งของ "อุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพ" สถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่เรียนรู้ทางธรรมชาติ ที่เหมาะสำหรับเด็กๆ เพราะจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับโลกของผีเสื้อและแมลงต่างๆ ทั้งเรื่องการกำเนิดผีเสื้อ และแมลง สายใยในระบบนิเวศ ความสำคัญของแมลงและความสัมพันธ์ในระบบนิเวศ
และไฮไลท์ของที่นี่ก็คือการได้มาชมผีเสื้อนับร้อยที่บินกันให้ว่อนอยู่ในกรงจัดแสดงผีเสื้อ ซึ่งเป็นกรงตาข่ายขนาดใหญ่ที่มีการจัดสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับธรรมชาติ โดยมีทั้งบ่อน้ำ ลำธาร น้ำตก ต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ ทำให้ผีเสื้อเหล่านี้อยู่กันอย่างมีความสุข และคนที่ได้มาชมก็รู้สึกมีความสุขตามไปด้วย
และสวนอีกแห่งหนึ่งที่มีรั้วติดกันกับสวนรถไฟ ก็คือ "สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์" พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยอีกเช่นกัน โดยที่ดินจำนวน 208 ไร่นี้ได้น้อมเกล้าฯ ถวายในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ
สวนสมเด็จพระนางเจ้าฯนี้มีความโดดเด่นตรงที่เป็นสวนป่ากลางกรุง เพราะได้รวบรวมและอนุรักษ์พันธุ์ไม้ ทั้งในและต่างประเทศเอาไว้มากมาย ถือเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่สมบูรณ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย และยังมีการรวบรวมพันธุ์ไม้ในพระนาม "ควีนสิริกิติ์" เอาไว้อย่างครบถ้วนอีกด้วย
และหากใครจูงลูกจูงหลานมาที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าฯ นี้แล้ว ก็อย่าลืมแวะไปที่ "พิพิธภัณฑ์เด็ก" ในรั้วเดียวกัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่น่าเบื่อเหมือนที่ใครๆคิด เพราะเขาตั้งใจทำมาให้ดึงดูดความสนใจจากเด็กๆ และเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้เราลงมือทำด้วยตนเอง หรือที่เรียกว่า Edutainment ซึ่งก็แบ่งเป็นส่วนต่างๆ เช่น ชีวิตของเรา ที่จำลองตัวอสุจิเลเซอร์วิ่งเข้าไปในไข่ของแม่ และมีการจำลองที่นั่งภายในครรภ์เอาไว้ให้เด็กๆ ได้กลับคืนสู่ท้องแม่อีกครั้ง
มีส่วนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และเครื่องเล่นต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ เช่น ท่อลมส่งจดหมาย ฟองสบู่ยักษ์ที่ถูกดึงขึ้นมาครอบตัวเด็กๆได้ทั้งตัว และเครื่องเล่นอื่นๆ อีกมากมาย ห้องเกี่ยวกับเทคโนโลยี ให้ความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าการทำงานของเครื่องยนต์ต่างๆ บางห้องจัดเป็นบรรยากาศชนบท จัดแสดงเครื่องแต่งกาย และมีภาษาถิ่นสำคัญให้ฟังผ่านหูฟัง
นอกจากนั้นที่พิพิธภัณฑ์เด็กยังยังมีการจำลองอาชีพต่างๆ ไว้ให้เด็กๆได้ลองเรียนรู้ เช่น คลินิกฟ้าใส ให้เด็กๆได้ทดลองเป็นพยาบาลและคุณหมอทำฟัน และที่ตะวันยิ้มมินิมาร์ท เด็กๆ ก็สามารถมาฝึกขายของเผื่อในอนาคตจะมีกิจการเป็นของตัวเองด้วยก็ได้ หรือถ้าอยากเล่นกลางแจ้งก็มีลานสันทนาการให้ออกกำลังกันกับพีระมิดตาข่าย มุมนักขุด และเครื่องเล่นต่างๆ อีกมากมาย
หมดเรื่องสวนทั้งหมดทั้งมวลนี้แล้ว แต่เขตจตุจักรยังไม่หมดของดี เพราะฉันยังไม่ได้พูดถึง "ตลาดนัดสวนจตุจักร" ที่แต่เดิมนั้นเคยเป็นตลาดนัดสนามหลวง แต่ได้ย้ายสถานที่มาอยู่ในย่านจตุจักรนี้เมื่อปี 2525 และได้กลายเป็นตลาดนัดแห่งสำคัญที่กินเนสส์บุ๊ค เวิลด์ ออฟ เร็คคอร์ด บันทึกไว้ว่าเป็น "ตลาดนัดใหญ่ที่สุดในโลก" มีพื้นที่ขนาดใหญ่ราว 70 ไร่ มีแผงขายของนับหมื่นแผง ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ตลาดนัดนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มาเดินเลือกซื้อสินค้ากัน
สินค้าที่ว่านั้นก็มีขายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นและเครื่องประดับทุกแบบทุกแนว ของตกแต่งบ้านหลากหลายสไตล์ ของตกแต่งสวนทั้งน้ำพุ หิน อ่างปลาต่างๆ สัตว์เลี้ยงอย่างหมา แมว กระต่าย ปลา และสัตว์แปลกอย่างกิ้งก่า เม่น งู ฯลฯ อาหารสำเร็จรูปและอาหารแห้ง ต้นไม้ใบไม้และอุปกรณ์ทำสวน หนังสือเก่า และอีกหลากหลายประเภทสินค้า ที่หากอยากจะเดินดูให้ทั่วทุกซอกมุมก็คงต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันแน่นอน
แต่หากใครอยากเดินตลาดสด ที่ "ตลาด อตก." ที่อยู่ติดกับตลาดนัดจตุจักรนั้นก็มีสินค้าอาหารสดให้เลือกซื้อกัน ทั้งเนื้อสัตว์ผลไม้ อาหารสำเร็จรูปก็มีให้ซื้อกลับไปกินที่บ้านได้เช่นกัน รวมไปถึงขนมไทยต่างๆ ด้วย โดยในตลาดนี้ก็มีทั้งของถูกของแพง ก็ต้องใช้ฝีมือในการเลือกและฝีปากในการต่อรองช่วยในการซื้อด้วย
หากใครยังมีเวลาเหลือหลังจากที่เดินเที่ยวจนครบทุกแห่งข้างต้นมาแล้ว จะแวะไปชม "พิพิธภัณฑ์อัยการ" ที่มีหนังสือกฎหมายเก่า จดหมายเหตุสำนวนคดีสำคัญในอดีต และอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ หรือจะเป็น "พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย" ที่มีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเงินการธนาคารของชาติ วิวัฒนาการเงินตรา วิวัฒนาการธนาคาร เป็นต้น โดยจัดแสดงแบบมัลติมีเดียทันสมัย ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง
และนี่ก็คือเสน่ห์ของเขตจตุจักรที่ไม่ได้มีดีแค่ช้อปปิ้งเท่านั้น