โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

ในบรรดา 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ ถ้าถามว่าชอบเขตไหนมากที่สุด คงเป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยากมากทีเดียว เพราะแต่ละเขตต่างก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแตกต่างกันไป
เหมือนอย่างวันนี้ที่ฉันกำลังยืนอยู่ในพื้นที่ของเขต "ราชเทวี" ย่านธุรกิจการค้าที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่เป็นจำนวนมากและหลายแนวให้เที่ยวกันได้หลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นแนวประวัติศาสตร์ แนววิถีชีวิต แนวช้อปปิ้งสินค้าสวยๆงามๆ ก็มีให้เที่ยวกัน
แต่รู้ไหมว่า เหตุใดเขตนี้จึงมีชื่อว่า "เขตราชเทวี" ไม่ต้องเดาให้เสียเวลา ขอเฉลยเสียตรงนี้เลยว่า "ราชเทวี" นั้น ก็หมายความถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี ซึ่งเป็นพระนางเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยเขตราชเทวีนั้นแบ่งตัวออกมาจากเขตพญาไท และจัดตั้งขึ้นเป็นเขตราชเทวีขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2532 นี่เอง
ฉันว่าเรามาเริ่มท่องเที่ยวในแหล่งประวัติศาสตร์กันก่อนที่ "พระราชวังพญาไท" พระราชวังที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก เน้นความเรียบง่ายแต่สง่างาม และมีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับภูมิอากาศร้อนๆ ของเมืองไทย โดยปัจจุบันพระราชวังพญาไทนี้ตั้งอยู่ในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฎ

ภายในพระราชวังพญาไทนี้ประกอบไปด้วยพระที่นั่ง 5 องค์ ก็คือพระที่นั่งพิมานจักรี พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน พระที่นั่งศรีสุทธนิวาส พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ และพระที่นั่งอุดมวนาภรณ์ และด้านหลังของหมู่พระที่นั่งนี้ก็เป็นสวนแบบสถาปัตยกรรมเรเนสซองเรียกว่าสวนโรมัน แต่สิ่งที่คุ้นตาของพระราชวังพญาไทก็คงจะเป็นหอคอยสูงและหลังคายอดแหลมของพระที่นั่งพิมานจักรี ส่วนภายในพระราชวังนั้นก็ดูโปร่งโล่งงดงามด้วยภาพเขียนแบบปูนเปียกเป็นลวดลายงดงามแบบตะวันตก โดยหากใครอยากจะไปชมพระราชวังพญาไทแบบมีคนพาชมก็เชิญมาได้ในวันเสาร์ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่จากชมรมคนรักวังเป็นวิทยากรนำชม
ที่เขตราชเทวียังมีอีกวังหนึ่งซึ่งเป็นที่สำหรับศึกษาประวัติศาสตร์ได้ นั่นก็คือที่ "พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด" ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าพญาไท วังชื่อน่ารักอย่างวังสวนผักกาดนี้ เป็นวังของพลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิจ และ พระชายา ม.ร.ว.พันทิพย์ บริพัตร หรือ "คุณท่าน" ซึ่งเป็นผู้เปิดโอกาสให้คนอื่นเข้าเยี่ยมชมบ้านของท่านได้ เนื่องจากคุณท่านเชื่อว่าโบราณวัตถุที่ท่านสะสมไม่ได้เป็นแค่ทรัพย์สินของท่านแต่ท่านถือว่าโบราณวัตถุเหล่านี้เป็นมรดกตกทอดของมนุษยชาติ ท่านจึงไม่ควรเก็บไว้ชมเพียงผู้เดียว และเปิดโอกาสให้คนอื่นสามารถเข้ามาชมโบราณวัตถุในบ้านของตนได้

ภายในวังสวนผักกาดนั้น ประกอบด้วยเรือนไทยโบราณ 8 หลัง ให้ผู้ที่มาชมได้รู้จักกับเรือนไทยที่นับวันจะหาชมได้ยาก และสิ่งที่ไม่ควรพลาดชมในวังสวนผักกาดนี้ก็คือ "หอเขียน" โดยภายในหอเขียนประกอบไปด้วยภาพลายรดน้ำ 2 เรื่องหลักๆ คือเรื่องพุทธประวัติและเรื่องรามเกียรติ์ และมีสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ อีกมากมาย
มาดูแหล่งท่องเที่ยวแบบสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนกันบ้าง ในเขตราชเทวีก็มี "ชุมชนบ้านครัว" ซึ่งชาวบ้านครัวแต่เดิมนั้นเป็นชุมชนชาวแขกจาม หรือคนอิสลามที่มาจากจามปา หรือประเทศเขมร ซึ่งอพยพมาอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์และสืบทอดฝีมือการทอผ้าซึ่งเป็นอาชีพของชาวชุมชนบ้านครัวส่วนใหญ่นี้ด้วย
แต่การทอผ้าของชาวบ้านครัวในยุคเฟื่องฟูจริงๆ นั้นก็อยู่ในช่วงที่ "นายห้างจิม" หรือจิม ทอมป์สัน ชาวอเมริกันผู้หลงรักไหมไทยเข้ามาส่งเสริมให้ชาวบ้านครัวทอผ้าไหมเพื่อส่งขาย จนผ้าไหมไทยโด่งดังไปทั่วโลก แต่หลังจากที่จิม ทอมป์สันหายตัวไปเสียเฉยๆ ที่ประเทศมาเลเซีย ชาวบ้านครัวก็ค่อยทยอยเลิกทอผ้าไป เพราะไม่มีตลาดให้ขาย จนมาปัจจุบันก็คงเหลือชาวบ้านครัวอยู่สองบ้านเท่านั้นที่ยังคงประกอบอาชีพทอผ้ากันอยู่ ถ้าอยากจะไปชมก็สามารถเข้ามาชมกันได้ตามสะดวก

หรือใครอยากจะชมของน่ารักๆ อย่างตุ๊กตาแฮนด์เมดก็ต้องมาที่ "บางกอกดอลล์" ในซอยหมอเหล็ง ที่เป็นฝีมือของคุณหญิงทองก้อน จันทวิมล ซึ่งได้ไปเรียนวิชาการทำตุ๊กตามาจากโอซาวาดอลล์ ประเทศญี่ปุ่น และนำมา ประดิษฐ์ตุ๊กตาที่มีเอกลักษณ์แบบไทยๆ ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตานางรำ หรือตุ๊กตาจากวรรณคดีไทยเรื่องต่างๆ เช่นรามเกียรติ อิเหนา โดยตุ๊กตาเหล่านี้ก็ยังมีหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรม โดยได้ใช้เป็นของขวัญพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีนาถ เมื่อพระองค์เสด็จไปเยือนยังประเทศต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง
และนอกจากจะได้ชมหรือเลือกซื้อตุ๊กตาแบบไทยๆ ไปเป็นของฝากแล้ว ก็ยังจะได้ชมตุ๊กตานานาชาติที่คุณหญิงทองก้อนได้มาจากประเทศต่างๆ ทั้งจากประเทศแถบยุโรปอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ บัลแกเรีย โปแลนด์ ฝั่งเอเชียก็มีจากทางประเทศจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย และอีกหลายๆ ประเทศ

มาต่อกันที่พิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ในเรื่องของธรณีวิทยากันบ้าง ที่ "พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา" ที่มีสัญลักษณ์โดดเด่นด้านหน้าพิพิธภัณฑ์คือเจ้าไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ยืนอ้าปากกว้าง ภายในนั้นเป็นที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องใต้พื้นพิภพทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเปลือกโลก หิน แร่ รวมไปถึงซากฟอสซิลดึกดำบรรพ์
ภายในจัดแสดงได้อย่างน่าสนใจ มีการจำลองอุโมงค์ขุดแร่ ที่มีตัวอย่างแร่ชนิดต่างๆ หลายรูปแบบแตกต่างกัน ทั้งรูปแท่ง รูปพวงองุ่น รูปไข่ ฯลฯ แร่เรืองแสงได้ และแร่ที่มาจากนอกโลกก็มีให้ชมด้วยเช่นกัน และยังมีความรู้เกี่ยวกับการทำเหมืองแร่แบบต่างๆ ทั้งเหมืองเเล่น เหมืองสูบและเหมืองฉีด เหมืองอุโมงค์ เหมืองเรือขุด ฯลฯ ที่นอกจากจะมีคำอธิบายเหมืองแต่ละแบบแล้วก็ยังมีรูปจำลองเหมืองให้ดู แถมมีเสียงบรรยากาศการขุดแร่ในเหมืองให้ฟังอีกด้วย

แต่ถ้ามาเยือนเขตราชเทวีแล้ว ยังไง้...ยังไงก็ต้องได้ผ่าน "อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ" ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเขต หรือจะเรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้ เพราะบริเวณนี้เป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทาง เป็นศูนย์รวมของรถเมล์รถตู้มากมายหลายสาย รวมไปถึงรถไฟฟ้า ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายเดินทางกันขวักไขว่ทั้งกลางวันกลางคืน กลายเป็นสีสันของย่านอนุสาวรีย์ชัยฯไป
ส่วนตัวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเองนั้นก็มีที่มาที่น่าสนใจไม่น้อย คือสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงวีรกรรมของทหาร ตำรวจและพลเรือนที่เสียชีวิตไปในกรณีพิพาทอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ที่มีการปะทะกันขึ้นและทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 59 คน ด้วยกัน อนุสาวรีย์แห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่วีรชนเหล่านั้น

ตัวอนุสาวรีย์นั้นออกแบบให้เป็นดาบปลายปืน 5 เล่มประกบเข้าหากัน ที่ฐานของดาบปลายปืนรอบอนุสาวรีย์ก็มีรูปปั้นหล่อทองแดงของบุคคลทั้ง 5 คน หรือนักรบ 5 เหล่า คือทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และข้าราชการพลเรือนยืนถืออาวุธอยู่ ส่วนฐานชั้นบนด้านนอกของอนุสาวรีย์ก็ยังมีจารึกชื่อวีรชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สงครามอินโดจีน เมื่อปี 2483 ชื่อทหารหาญและเสรีไทยที่เสียชีวิตในสงครามมหาเอเชียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี 2484-2488 และทหารที่ไปร่วมรบกับทหารสหประชาชาติในสงครามเกาหลี เมื่อปี 2492-2497 ส่วนฐานด้านล่างก็ยังมีปืนใหญ่โบราณ และตะเกียงโบราณตั้งอยู่ด้วย
ใกล้ๆกับอนุสาวรีย์ชัยยังเป็นที่ตั้งของ "สวนสันติภาพ" สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้กับสะพานข้ามแยกดินแดง ชื่อสวนสันติภาพนี้ตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึงวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งตรงกับวันที่ 16 สิงหาคม 2488 ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นของสันติภาพและความสงบสุขของโลก ด้านในสวนมีสัญลักษณ์เป็นนกพิราบคาบช่อดอกมะกอก สื่อถึงสันติภาพของโลก จำลองมาจากผลงานของปิกัสโซ ศิลปินชื่อดังชาวสเปน

มาที่อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเขตราชเทวีที่ใครๆ ก็ไม่ควรพลาด นั่นก็คือการได้ขึ้นไปชมวิวกรุงเทพฯมุมสูงกันบนตึกที่สูงที่สุดในประเทศอย่าง "ตึกใบหยก 2" ที่มีความสูงถึง 309 เมตร ที่เป็นทั้งโรงแรม ร้านค้า ภัตตาคาร และเป็นจุดชมวิวทั่วทั้งกรุงเทพฯ ได้สวยที่สุดแห่งหนึ่ง และเมื่อลงมาด้านล่าง ก็สามารถเดินช้อปปิ้งกันต่อได้ที่ย่านประตูน้ำ ซึ่งเป็นร้านค้าเสื้อผ้าหลากหลายแนวในราคาขายปลีกและขายส่ง พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยกัน
หากวันไหนว่างๆ ไม่มีโปรแกรมไปไหน การเดินทางท่องเที่ยวในเขตราชเทวีก็เป็นเส้นทางที่น่าสนใจไม่น้อย แค่เขตเดียวก็ใช้เวลาเที่ยวได้ทั้งวันแล้ว
ในบรรดา 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ ถ้าถามว่าชอบเขตไหนมากที่สุด คงเป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยากมากทีเดียว เพราะแต่ละเขตต่างก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแตกต่างกันไป
เหมือนอย่างวันนี้ที่ฉันกำลังยืนอยู่ในพื้นที่ของเขต "ราชเทวี" ย่านธุรกิจการค้าที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่เป็นจำนวนมากและหลายแนวให้เที่ยวกันได้หลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นแนวประวัติศาสตร์ แนววิถีชีวิต แนวช้อปปิ้งสินค้าสวยๆงามๆ ก็มีให้เที่ยวกัน
แต่รู้ไหมว่า เหตุใดเขตนี้จึงมีชื่อว่า "เขตราชเทวี" ไม่ต้องเดาให้เสียเวลา ขอเฉลยเสียตรงนี้เลยว่า "ราชเทวี" นั้น ก็หมายความถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี ซึ่งเป็นพระนางเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยเขตราชเทวีนั้นแบ่งตัวออกมาจากเขตพญาไท และจัดตั้งขึ้นเป็นเขตราชเทวีขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2532 นี่เอง
ฉันว่าเรามาเริ่มท่องเที่ยวในแหล่งประวัติศาสตร์กันก่อนที่ "พระราชวังพญาไท" พระราชวังที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก เน้นความเรียบง่ายแต่สง่างาม และมีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับภูมิอากาศร้อนๆ ของเมืองไทย โดยปัจจุบันพระราชวังพญาไทนี้ตั้งอยู่ในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฎ
ภายในพระราชวังพญาไทนี้ประกอบไปด้วยพระที่นั่ง 5 องค์ ก็คือพระที่นั่งพิมานจักรี พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน พระที่นั่งศรีสุทธนิวาส พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ และพระที่นั่งอุดมวนาภรณ์ และด้านหลังของหมู่พระที่นั่งนี้ก็เป็นสวนแบบสถาปัตยกรรมเรเนสซองเรียกว่าสวนโรมัน แต่สิ่งที่คุ้นตาของพระราชวังพญาไทก็คงจะเป็นหอคอยสูงและหลังคายอดแหลมของพระที่นั่งพิมานจักรี ส่วนภายในพระราชวังนั้นก็ดูโปร่งโล่งงดงามด้วยภาพเขียนแบบปูนเปียกเป็นลวดลายงดงามแบบตะวันตก โดยหากใครอยากจะไปชมพระราชวังพญาไทแบบมีคนพาชมก็เชิญมาได้ในวันเสาร์ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่จากชมรมคนรักวังเป็นวิทยากรนำชม
ที่เขตราชเทวียังมีอีกวังหนึ่งซึ่งเป็นที่สำหรับศึกษาประวัติศาสตร์ได้ นั่นก็คือที่ "พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด" ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าพญาไท วังชื่อน่ารักอย่างวังสวนผักกาดนี้ เป็นวังของพลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิจ และ พระชายา ม.ร.ว.พันทิพย์ บริพัตร หรือ "คุณท่าน" ซึ่งเป็นผู้เปิดโอกาสให้คนอื่นเข้าเยี่ยมชมบ้านของท่านได้ เนื่องจากคุณท่านเชื่อว่าโบราณวัตถุที่ท่านสะสมไม่ได้เป็นแค่ทรัพย์สินของท่านแต่ท่านถือว่าโบราณวัตถุเหล่านี้เป็นมรดกตกทอดของมนุษยชาติ ท่านจึงไม่ควรเก็บไว้ชมเพียงผู้เดียว และเปิดโอกาสให้คนอื่นสามารถเข้ามาชมโบราณวัตถุในบ้านของตนได้
ภายในวังสวนผักกาดนั้น ประกอบด้วยเรือนไทยโบราณ 8 หลัง ให้ผู้ที่มาชมได้รู้จักกับเรือนไทยที่นับวันจะหาชมได้ยาก และสิ่งที่ไม่ควรพลาดชมในวังสวนผักกาดนี้ก็คือ "หอเขียน" โดยภายในหอเขียนประกอบไปด้วยภาพลายรดน้ำ 2 เรื่องหลักๆ คือเรื่องพุทธประวัติและเรื่องรามเกียรติ์ และมีสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ อีกมากมาย
มาดูแหล่งท่องเที่ยวแบบสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนกันบ้าง ในเขตราชเทวีก็มี "ชุมชนบ้านครัว" ซึ่งชาวบ้านครัวแต่เดิมนั้นเป็นชุมชนชาวแขกจาม หรือคนอิสลามที่มาจากจามปา หรือประเทศเขมร ซึ่งอพยพมาอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์และสืบทอดฝีมือการทอผ้าซึ่งเป็นอาชีพของชาวชุมชนบ้านครัวส่วนใหญ่นี้ด้วย
แต่การทอผ้าของชาวบ้านครัวในยุคเฟื่องฟูจริงๆ นั้นก็อยู่ในช่วงที่ "นายห้างจิม" หรือจิม ทอมป์สัน ชาวอเมริกันผู้หลงรักไหมไทยเข้ามาส่งเสริมให้ชาวบ้านครัวทอผ้าไหมเพื่อส่งขาย จนผ้าไหมไทยโด่งดังไปทั่วโลก แต่หลังจากที่จิม ทอมป์สันหายตัวไปเสียเฉยๆ ที่ประเทศมาเลเซีย ชาวบ้านครัวก็ค่อยทยอยเลิกทอผ้าไป เพราะไม่มีตลาดให้ขาย จนมาปัจจุบันก็คงเหลือชาวบ้านครัวอยู่สองบ้านเท่านั้นที่ยังคงประกอบอาชีพทอผ้ากันอยู่ ถ้าอยากจะไปชมก็สามารถเข้ามาชมกันได้ตามสะดวก
หรือใครอยากจะชมของน่ารักๆ อย่างตุ๊กตาแฮนด์เมดก็ต้องมาที่ "บางกอกดอลล์" ในซอยหมอเหล็ง ที่เป็นฝีมือของคุณหญิงทองก้อน จันทวิมล ซึ่งได้ไปเรียนวิชาการทำตุ๊กตามาจากโอซาวาดอลล์ ประเทศญี่ปุ่น และนำมา ประดิษฐ์ตุ๊กตาที่มีเอกลักษณ์แบบไทยๆ ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตานางรำ หรือตุ๊กตาจากวรรณคดีไทยเรื่องต่างๆ เช่นรามเกียรติ อิเหนา โดยตุ๊กตาเหล่านี้ก็ยังมีหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรม โดยได้ใช้เป็นของขวัญพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีนาถ เมื่อพระองค์เสด็จไปเยือนยังประเทศต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง
และนอกจากจะได้ชมหรือเลือกซื้อตุ๊กตาแบบไทยๆ ไปเป็นของฝากแล้ว ก็ยังจะได้ชมตุ๊กตานานาชาติที่คุณหญิงทองก้อนได้มาจากประเทศต่างๆ ทั้งจากประเทศแถบยุโรปอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ บัลแกเรีย โปแลนด์ ฝั่งเอเชียก็มีจากทางประเทศจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย และอีกหลายๆ ประเทศ
มาต่อกันที่พิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ในเรื่องของธรณีวิทยากันบ้าง ที่ "พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา" ที่มีสัญลักษณ์โดดเด่นด้านหน้าพิพิธภัณฑ์คือเจ้าไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ยืนอ้าปากกว้าง ภายในนั้นเป็นที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องใต้พื้นพิภพทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเปลือกโลก หิน แร่ รวมไปถึงซากฟอสซิลดึกดำบรรพ์
ภายในจัดแสดงได้อย่างน่าสนใจ มีการจำลองอุโมงค์ขุดแร่ ที่มีตัวอย่างแร่ชนิดต่างๆ หลายรูปแบบแตกต่างกัน ทั้งรูปแท่ง รูปพวงองุ่น รูปไข่ ฯลฯ แร่เรืองแสงได้ และแร่ที่มาจากนอกโลกก็มีให้ชมด้วยเช่นกัน และยังมีความรู้เกี่ยวกับการทำเหมืองแร่แบบต่างๆ ทั้งเหมืองเเล่น เหมืองสูบและเหมืองฉีด เหมืองอุโมงค์ เหมืองเรือขุด ฯลฯ ที่นอกจากจะมีคำอธิบายเหมืองแต่ละแบบแล้วก็ยังมีรูปจำลองเหมืองให้ดู แถมมีเสียงบรรยากาศการขุดแร่ในเหมืองให้ฟังอีกด้วย
แต่ถ้ามาเยือนเขตราชเทวีแล้ว ยังไง้...ยังไงก็ต้องได้ผ่าน "อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ" ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเขต หรือจะเรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้ เพราะบริเวณนี้เป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทาง เป็นศูนย์รวมของรถเมล์รถตู้มากมายหลายสาย รวมไปถึงรถไฟฟ้า ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายเดินทางกันขวักไขว่ทั้งกลางวันกลางคืน กลายเป็นสีสันของย่านอนุสาวรีย์ชัยฯไป
ส่วนตัวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเองนั้นก็มีที่มาที่น่าสนใจไม่น้อย คือสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงวีรกรรมของทหาร ตำรวจและพลเรือนที่เสียชีวิตไปในกรณีพิพาทอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ที่มีการปะทะกันขึ้นและทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 59 คน ด้วยกัน อนุสาวรีย์แห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่วีรชนเหล่านั้น
ตัวอนุสาวรีย์นั้นออกแบบให้เป็นดาบปลายปืน 5 เล่มประกบเข้าหากัน ที่ฐานของดาบปลายปืนรอบอนุสาวรีย์ก็มีรูปปั้นหล่อทองแดงของบุคคลทั้ง 5 คน หรือนักรบ 5 เหล่า คือทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และข้าราชการพลเรือนยืนถืออาวุธอยู่ ส่วนฐานชั้นบนด้านนอกของอนุสาวรีย์ก็ยังมีจารึกชื่อวีรชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สงครามอินโดจีน เมื่อปี 2483 ชื่อทหารหาญและเสรีไทยที่เสียชีวิตในสงครามมหาเอเชียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี 2484-2488 และทหารที่ไปร่วมรบกับทหารสหประชาชาติในสงครามเกาหลี เมื่อปี 2492-2497 ส่วนฐานด้านล่างก็ยังมีปืนใหญ่โบราณ และตะเกียงโบราณตั้งอยู่ด้วย
ใกล้ๆกับอนุสาวรีย์ชัยยังเป็นที่ตั้งของ "สวนสันติภาพ" สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้กับสะพานข้ามแยกดินแดง ชื่อสวนสันติภาพนี้ตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึงวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งตรงกับวันที่ 16 สิงหาคม 2488 ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นของสันติภาพและความสงบสุขของโลก ด้านในสวนมีสัญลักษณ์เป็นนกพิราบคาบช่อดอกมะกอก สื่อถึงสันติภาพของโลก จำลองมาจากผลงานของปิกัสโซ ศิลปินชื่อดังชาวสเปน
มาที่อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเขตราชเทวีที่ใครๆ ก็ไม่ควรพลาด นั่นก็คือการได้ขึ้นไปชมวิวกรุงเทพฯมุมสูงกันบนตึกที่สูงที่สุดในประเทศอย่าง "ตึกใบหยก 2" ที่มีความสูงถึง 309 เมตร ที่เป็นทั้งโรงแรม ร้านค้า ภัตตาคาร และเป็นจุดชมวิวทั่วทั้งกรุงเทพฯ ได้สวยที่สุดแห่งหนึ่ง และเมื่อลงมาด้านล่าง ก็สามารถเดินช้อปปิ้งกันต่อได้ที่ย่านประตูน้ำ ซึ่งเป็นร้านค้าเสื้อผ้าหลากหลายแนวในราคาขายปลีกและขายส่ง พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยกัน
หากวันไหนว่างๆ ไม่มีโปรแกรมไปไหน การเดินทางท่องเที่ยวในเขตราชเทวีก็เป็นเส้นทางที่น่าสนใจไม่น้อย แค่เขตเดียวก็ใช้เวลาเที่ยวได้ทั้งวันแล้ว