โดย : ปิ่น บุตรี

ดูเหมือนผมจะไม่ค่อยเห่อเอาเท่าไหร่ เพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้ น้องคนนึงได้ชักชวนผมเล่น hi 5 เว็บยอดนิยมของวัยรุ่นไทย
งานนี้ผมสารภาพต่อเธออย่างไม่อายว่า “เล่นไม่เป็นจ้า แต่ถ้าเป็นป๊อกเด้ง หรือรัมมี่ละก้อ พี่ยินดีเลยน้อง ให้เป็นเจ้าก็ได้ไม่ขัดข้อง”
แต่น้องคนนั้นเธอก็ดีใจหาย ไม่สนว่าผมจะเล่นเป็นหรือไม่เป็น นำอีเมล์+พาสเวิร์ดผมไปสมัครให้เสร็จสรรพ แถมยังดีไซน์ฉากหลังให้อีกด้วย
และนั่นก็เป็นการเปิดประตูสู่ hi 5 ของผมแบบงงๆ มึนๆ งงและมึนถึงขนาดที่ผมมักเผลอตัวเรียกเว็บนี้ว่า“ฮิไฟว์”อยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงกระนั้น เมื่อมีพื้นที่ของตัวเองแล้วยังไงมันก็ต้องลองเล่นดูเสียหน่อย ผลปรากฏว่าได้ดูรูปสาวๆแจ่มๆตรึมเลย 555
เท่านั้นยังไม่พอ ความบ้าเห่อของผมยังได้ติดตัวมาจนถึงตอนนี้ด้วย เลยทำให้ชื่อตอนออกมาอย่างที่เห็น แต่อันที่จริงแล้วมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บ hi 5 แต่อย่างใด หากแต่มันคือ hi 5 ที่ย่อมาจาก highlight(ไฮไลท์) 5 แห่ง ที่เป็น 5 สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติน่าสนใจในจังหวัดชัยภูมิต่างหาก ซึ่งในช่วงหน้าฝนอย่างนี้ นอกจากเมืองพญาแลจะเด่นดังมากในเรื่องของทุ่งดอกกระเจียวอันงดงามปานภาพฝันแล้ว เมืองนี้ยังมีธรรมชาติสวยๆงามๆให้ชมกันอีกหลายจุดด้วยกัน แต่ในที่นี่ผมจะขอหยิบยก 5 ไฮไลท์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมาให้ทัศนากัน
hi-1ทุ่งดอกกระเจียวผืนใหญ่ที่สุดในเมืองไทย : ทุ่งนี้อยู่ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่
ทุกๆปีพอฝนมาฟ้าชุ่มฉ่ำดินชุ่มน้ำ มวลหมู่ต้นกระเจียวแห่งอุทยานฯป่าหินงามที่ซ่อนหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดินในช่วงหน้าแล้งก็จะแทงหน่อต่อยอดผลิบานเติบโตโผล่พ้นขึ้นมาอยู่บนดิน จากนั้นพอได้ฝนซ้ำอีกสักหน่อย มันก็จะค่อยๆผลิดอกออกมาเริงร่าท้าทายแสงแดดสายลม
หลายคนๆต่างยกให้ดอกกระเจียวหรือบัวสวรรรค์เป็นดังราชินีแห่งป่าฝน ซึ่งสำหรับดอกกระเจียวที่อุทยานฯป่าหินงามนี่จะมีดอกสีชมพูอมม่วงนิดๆ ยามที่มันบานดารดาษเต็มท้องทุ่ง สีชมพูอมม่วงของมันจะตัดกับสีเขียวสดของทุ่งหญ้าเพ็ก โดยมีต้นไม้ ก้อนหินใหญ่น้อย และผืนป่าเต็งรังเบื้องหลังเป็นองค์ประกอบสำคัญ แลดูสวยงามไม่น้อยเลย

ยิ่งใครไปเดินชมทุ่งดอกกระเจียวยามเช้าตรู่ที่มีสายหมอกขาวลอยอ้อยอิ่งเคลื่อนผ่านทุ่งดอกกระเจียวที่มีน้ำค้างเกาะพราวตามกลีบดอก ส่วนใหญ่จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า“สวยงามมั่กๆ” แต่จะมียกเว้นบ้างสำหรับบางคนก็เป็นจำพวก ปิดกั้นหัวใจ ไม่เปิดจินตนาการ หรือไม่ก็พวกที่คิดแต่จะโกงกินชาติจนจิตใจไร้สิ้นความงามไปอย่างถาวรแล้ว
อ้อ!?! แต่ในการเดินชมทุ่งดอกกระเจียวนั้น กรุณาเดินในเส้นทาง(สะพาน)ที่อุทยานฯจัดไว้ให้ เพราะแม้เราจะมองว่าปลอดภัย ไม่ได้ไปเหยียบหรือเตะดอกกระเจียวแต่อย่างใด แต่อย่าลืมว่ากระเจียวมีต้นอ่อนมีหัวอยู่ใต้ดิน หากพลาดพลั้งไปเท้าของเราอาจจะไปเหยียบย่ำต้นอ่อนของกระเจียวรวมถึงพืชพรรณอื่นๆจนถึงตายเอาได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นกรุณาอย่าได้เดินออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด
ใครที่เดินชมทุ่งดอกกระเจียวจนจุใจแล้วก็อย่าเพิ่งไปไหน เพราะเดินเหนือขึ้นไปอีกจะเป็นจุดชมวิวสุดแผ่นดิน อันเป็นจุดสิ้นสุดของเขตที่ราบสูงอีสาน ที่มองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างได้อย่างกว้างไกล
นอกจากนี้ในอุทยานฯป่าหินงามยังมีจุดชวนชมอีกหนึ่งแห่งที่อยู่เบื้องล่าง(ไม่ไกลจากทุ่งดอกกระเจียวเท่าไหร่)ให้ชมกัน นั่นก็คือ“ลานหินงาม”ที่เป็นที่มาของชื่ออุทยานนั่นเอง
hi 2-มหัศจรรย์ลานหินงาม : ลานหินงาม หรือ สวนหินล้านปี ที่บางคนก็ยกให้เป็นแกรนด์แคนยอนเมืองไทยนั้นเป็นลานหินรูปร่างแปลกตาบนพื้นที่กว่า 10 ไร่
ลานหินงาม เกิดจากการกระทำของธรรมชาติ ทั้ง แดด ลม ฝน กัดกร่อนจนเกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติหลากหลายรูปทรง ชวนจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็น หินถ้วยฟีฟ่า หินช้างเอราวัณ หินไดโนเสาร์ หินเรดาร์ เป็นต้น ซึ่งงานนี้ใครจะมองเห็นเป็นหินรูปอะไรก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการอันวิจิตรเพริศแพร้วของแต่ละคน

hi 3-ทุ่งดอกกระเจียวขาวหนึ่งเดียวในไทย : จากหินแข็งๆแต่มากจินตนาการ ผมขอสลับอารมณ์กลับมาสู่ทุ่งดอกกระเจียวอีกครั้งยัง อุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว
ที่อุทยานฯแห่งนี้เท่าที่เคยไปผมไม่รู้ว่าต้นไทรทองนั้นอยู่ตรงไหน รู้แต่ว่าที่นี่เป็นจุดชมทุ่งดอกกระเจียวที่สวยงามมากๆอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย เพราะมีทุ่งดอกกระเจียวให้ชมกันถึง 5 ทุ่งด้วยกัน โดยดอกกระเจียวสีชมพูอมม่วงของที่นี่จัดเป็นประเภท กระเจียวจี๊ดจ๊าด คือมีสีสดเข้ม(กว่าที่ป่าหินงาม) เตะตาต้องใจไม่น้อยเลย ส่วนที่พิเศษก็คือ อุทยานฯไทรทองได้ชื่อว่าเป็นจุดชมทุ่งดอกกระเจียวขาวหรือทุ่งดอกเทพอัปสรหนึ่งเดียวในเมืองไทย(เท่าที่ค้นพบในขณะนี้ มีดอกกระเจียวขาวขึ้นอยู่ในบางพื้นที่ แต่ไม่มีที่ไหนมีดอกกระเจียวขาวขึ้นเป็นทุ่งมากเท่าที่นี่)
ส่วนที่ผมว่าพิเศษกว่าก็คือที่นี่มีดอกกระเจียวเขียวให้ชมด้วย ซึ่งดอกกระเจียวเขียวนี่ผมยังไม่เคยเห็นที่ไหนเลยนอกจากที่นี่ เท่านั้นยังไม่พอ อุทยานฯไทรทอง ยังมีจุดชวนชมอย่าง น้ำตกไทรทอง และน้ำตกชวนชม รวมไปถึงผาชื่อโดนอย่าง“ผาหำหด”เป็นอีกหนึ่งจุดชวนชม ที่ใครเมื่อขึ้นไปยืนบนผาหำหดแล้ว หลายๆคนบอกว่า “หดจริงๆ”แต่เป็นใจนะที่หด เพราะบนผาแห่งนี้มันช่างหวาดเสียวเอามากๆทีเดียว

hi 4 - น้ำตกตาดโตน : แม้ไม่ใช่น้ำตกใหญ่อลังการ แต่น้ำตกตาดโตนก็มีความสวยงามร่มรื่นน่าเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
น้ำตกแห่งนี้ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติตาดโตน(ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ) มีน้ำไหลเย็นตลอดทั้งปี เหมาะมากสำหรับการพักผ่อนและชมธรรมชาติ โดยไม่ไกลจากตัวน้ำตกจะมี ศาลเจ้าพ่อตาดโตน (ศาลปู่ด้วง) อันเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านแถวนั้นตั้งอยู่ให้ผู้ผ่านไป-มาได้สักการะบูชากัน
ส่วนที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งของอุทยานฯแหงนี้ก็คือ เรื่องของการจัดการและความสะอาด จนได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือรางวัลกินรี ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2549 ในรางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยวยอดเยี่ยม ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำในคุณภาพด้านการจัดการทรัพยากรทางการท่องเที่ยวของอุทยานแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

hi 5-มอหินขาว สโตนเฮนจ์ เมืองไทย : แรกที่ผมเห็นมอหินขาวนั้น บอกได้คำเดียวว่า“ตะลึงถึง 2 ตึง” ตึงแรก ตะลึงในความอลังการ แปลกมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ส่วนตึงสอง ตะลึงในการที่สถานที่แห่งนี้เพิ่งถูกค้นพบไม่นาน เรียกว่าหลุดรอดเร้นจากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาได้ยังไงก็ไม่รู้
แต่หลังจากนั้นเมื่อค้นพบได้ไม่นาน มอหินขาว ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ไฟแรงของชัยภูมิไปในทันที และยิ่งมอหินขาวถูกใช้เป็นฉากจบของภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาคแรก ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มดีกรี ความน่าเที่ยวของสถานที่แห่งนี้เข้าไปอีก
สำหรับมอหินขาวนั้น ตั้งอยู่ที่ บ้านวังคำแคน ต.ท่าหินโงม อ.เมือง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูแลนคา มีลักษณะเป็นทุ่งหินประหลาดขนาดยักษ์มากมายหลายก้อนตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางท้องทุ่งบนเนื้อที่กว่า 200 ไร่
ในพื้นที่มอหินขาวมีจุดเด่นชวนเที่ยวอยู่ 3 จุดหลักๆด้วยกัน คือ กลุ่มแรกเป็นเสาหิน 5 ต้น กลุ่มนี้มีไฮไลท์อยู่ที่เสาหินยักษ์ 5 ต้น แต่ละต้นมีความสูงจากผิวดินประมาณ 12 เมตรขึ้นไป กลุ่มที่ 2 เป็น“ดงหิน” เพราะเต็มไปด้วยก้อนหินขนาดยักษ์รูปทรงต่างๆมากมาย อาทิ เจดีย์ กระโจม หอเอนปิซ่า กระดองเต่า ศีรษะคน ขึ้นกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป กลุ่มสุดท้ายเป็นลานหินขนาดใหญ่ หรือ ผากล้วยไม้ เพราะเป็นหน้าผาที่เต็มไปด้วยกล้วยไม้และดอกไม้ป่ามากมาย ซึ่งใครและใครหลายคนที่มาเที่ยวยังมอหินขาว เมื่อเห็นก้อนหินยักษ์เหล่านี้ ถึงกับอุทานออกมาว่า “นี่มันสโตนเฮนจ์ เมืองไทยชัดๆ”
.......................................
และนั่นก็คือ highlight ของสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ 5 แห่งในจังหวัดชัยภูมิ ที่ผมขอเรียกสั้นว่า hi 5 ชัยภูมิ ซึ่งแม้จะไม่ได้เกี่ยวกับเว็บ hi 5 แต่อย่างใด แต่ว่าใครที่ไปเที่ยวตามสถานที่เหล่านี้แล้ว จะทิ้งไว้เพียงรอยเท้า เก็บมาเพียงภาพถ่าย แล้วนำมาอัพโหลดรูปอวดเพื่อนๆบนพื้นที่ของตัวเองในเว็บ hi 5 ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ดูเหมือนผมจะไม่ค่อยเห่อเอาเท่าไหร่ เพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้ น้องคนนึงได้ชักชวนผมเล่น hi 5 เว็บยอดนิยมของวัยรุ่นไทย
งานนี้ผมสารภาพต่อเธออย่างไม่อายว่า “เล่นไม่เป็นจ้า แต่ถ้าเป็นป๊อกเด้ง หรือรัมมี่ละก้อ พี่ยินดีเลยน้อง ให้เป็นเจ้าก็ได้ไม่ขัดข้อง”
แต่น้องคนนั้นเธอก็ดีใจหาย ไม่สนว่าผมจะเล่นเป็นหรือไม่เป็น นำอีเมล์+พาสเวิร์ดผมไปสมัครให้เสร็จสรรพ แถมยังดีไซน์ฉากหลังให้อีกด้วย
และนั่นก็เป็นการเปิดประตูสู่ hi 5 ของผมแบบงงๆ มึนๆ งงและมึนถึงขนาดที่ผมมักเผลอตัวเรียกเว็บนี้ว่า“ฮิไฟว์”อยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงกระนั้น เมื่อมีพื้นที่ของตัวเองแล้วยังไงมันก็ต้องลองเล่นดูเสียหน่อย ผลปรากฏว่าได้ดูรูปสาวๆแจ่มๆตรึมเลย 555
เท่านั้นยังไม่พอ ความบ้าเห่อของผมยังได้ติดตัวมาจนถึงตอนนี้ด้วย เลยทำให้ชื่อตอนออกมาอย่างที่เห็น แต่อันที่จริงแล้วมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บ hi 5 แต่อย่างใด หากแต่มันคือ hi 5 ที่ย่อมาจาก highlight(ไฮไลท์) 5 แห่ง ที่เป็น 5 สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติน่าสนใจในจังหวัดชัยภูมิต่างหาก ซึ่งในช่วงหน้าฝนอย่างนี้ นอกจากเมืองพญาแลจะเด่นดังมากในเรื่องของทุ่งดอกกระเจียวอันงดงามปานภาพฝันแล้ว เมืองนี้ยังมีธรรมชาติสวยๆงามๆให้ชมกันอีกหลายจุดด้วยกัน แต่ในที่นี่ผมจะขอหยิบยก 5 ไฮไลท์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมาให้ทัศนากัน
hi-1ทุ่งดอกกระเจียวผืนใหญ่ที่สุดในเมืองไทย : ทุ่งนี้อยู่ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่
ทุกๆปีพอฝนมาฟ้าชุ่มฉ่ำดินชุ่มน้ำ มวลหมู่ต้นกระเจียวแห่งอุทยานฯป่าหินงามที่ซ่อนหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดินในช่วงหน้าแล้งก็จะแทงหน่อต่อยอดผลิบานเติบโตโผล่พ้นขึ้นมาอยู่บนดิน จากนั้นพอได้ฝนซ้ำอีกสักหน่อย มันก็จะค่อยๆผลิดอกออกมาเริงร่าท้าทายแสงแดดสายลม
หลายคนๆต่างยกให้ดอกกระเจียวหรือบัวสวรรรค์เป็นดังราชินีแห่งป่าฝน ซึ่งสำหรับดอกกระเจียวที่อุทยานฯป่าหินงามนี่จะมีดอกสีชมพูอมม่วงนิดๆ ยามที่มันบานดารดาษเต็มท้องทุ่ง สีชมพูอมม่วงของมันจะตัดกับสีเขียวสดของทุ่งหญ้าเพ็ก โดยมีต้นไม้ ก้อนหินใหญ่น้อย และผืนป่าเต็งรังเบื้องหลังเป็นองค์ประกอบสำคัญ แลดูสวยงามไม่น้อยเลย
ยิ่งใครไปเดินชมทุ่งดอกกระเจียวยามเช้าตรู่ที่มีสายหมอกขาวลอยอ้อยอิ่งเคลื่อนผ่านทุ่งดอกกระเจียวที่มีน้ำค้างเกาะพราวตามกลีบดอก ส่วนใหญ่จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า“สวยงามมั่กๆ” แต่จะมียกเว้นบ้างสำหรับบางคนก็เป็นจำพวก ปิดกั้นหัวใจ ไม่เปิดจินตนาการ หรือไม่ก็พวกที่คิดแต่จะโกงกินชาติจนจิตใจไร้สิ้นความงามไปอย่างถาวรแล้ว
อ้อ!?! แต่ในการเดินชมทุ่งดอกกระเจียวนั้น กรุณาเดินในเส้นทาง(สะพาน)ที่อุทยานฯจัดไว้ให้ เพราะแม้เราจะมองว่าปลอดภัย ไม่ได้ไปเหยียบหรือเตะดอกกระเจียวแต่อย่างใด แต่อย่าลืมว่ากระเจียวมีต้นอ่อนมีหัวอยู่ใต้ดิน หากพลาดพลั้งไปเท้าของเราอาจจะไปเหยียบย่ำต้นอ่อนของกระเจียวรวมถึงพืชพรรณอื่นๆจนถึงตายเอาได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นกรุณาอย่าได้เดินออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด
ใครที่เดินชมทุ่งดอกกระเจียวจนจุใจแล้วก็อย่าเพิ่งไปไหน เพราะเดินเหนือขึ้นไปอีกจะเป็นจุดชมวิวสุดแผ่นดิน อันเป็นจุดสิ้นสุดของเขตที่ราบสูงอีสาน ที่มองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างได้อย่างกว้างไกล
นอกจากนี้ในอุทยานฯป่าหินงามยังมีจุดชวนชมอีกหนึ่งแห่งที่อยู่เบื้องล่าง(ไม่ไกลจากทุ่งดอกกระเจียวเท่าไหร่)ให้ชมกัน นั่นก็คือ“ลานหินงาม”ที่เป็นที่มาของชื่ออุทยานนั่นเอง
hi 2-มหัศจรรย์ลานหินงาม : ลานหินงาม หรือ สวนหินล้านปี ที่บางคนก็ยกให้เป็นแกรนด์แคนยอนเมืองไทยนั้นเป็นลานหินรูปร่างแปลกตาบนพื้นที่กว่า 10 ไร่
ลานหินงาม เกิดจากการกระทำของธรรมชาติ ทั้ง แดด ลม ฝน กัดกร่อนจนเกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติหลากหลายรูปทรง ชวนจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็น หินถ้วยฟีฟ่า หินช้างเอราวัณ หินไดโนเสาร์ หินเรดาร์ เป็นต้น ซึ่งงานนี้ใครจะมองเห็นเป็นหินรูปอะไรก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการอันวิจิตรเพริศแพร้วของแต่ละคน
hi 3-ทุ่งดอกกระเจียวขาวหนึ่งเดียวในไทย : จากหินแข็งๆแต่มากจินตนาการ ผมขอสลับอารมณ์กลับมาสู่ทุ่งดอกกระเจียวอีกครั้งยัง อุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว
ที่อุทยานฯแห่งนี้เท่าที่เคยไปผมไม่รู้ว่าต้นไทรทองนั้นอยู่ตรงไหน รู้แต่ว่าที่นี่เป็นจุดชมทุ่งดอกกระเจียวที่สวยงามมากๆอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย เพราะมีทุ่งดอกกระเจียวให้ชมกันถึง 5 ทุ่งด้วยกัน โดยดอกกระเจียวสีชมพูอมม่วงของที่นี่จัดเป็นประเภท กระเจียวจี๊ดจ๊าด คือมีสีสดเข้ม(กว่าที่ป่าหินงาม) เตะตาต้องใจไม่น้อยเลย ส่วนที่พิเศษก็คือ อุทยานฯไทรทองได้ชื่อว่าเป็นจุดชมทุ่งดอกกระเจียวขาวหรือทุ่งดอกเทพอัปสรหนึ่งเดียวในเมืองไทย(เท่าที่ค้นพบในขณะนี้ มีดอกกระเจียวขาวขึ้นอยู่ในบางพื้นที่ แต่ไม่มีที่ไหนมีดอกกระเจียวขาวขึ้นเป็นทุ่งมากเท่าที่นี่)
ส่วนที่ผมว่าพิเศษกว่าก็คือที่นี่มีดอกกระเจียวเขียวให้ชมด้วย ซึ่งดอกกระเจียวเขียวนี่ผมยังไม่เคยเห็นที่ไหนเลยนอกจากที่นี่ เท่านั้นยังไม่พอ อุทยานฯไทรทอง ยังมีจุดชวนชมอย่าง น้ำตกไทรทอง และน้ำตกชวนชม รวมไปถึงผาชื่อโดนอย่าง“ผาหำหด”เป็นอีกหนึ่งจุดชวนชม ที่ใครเมื่อขึ้นไปยืนบนผาหำหดแล้ว หลายๆคนบอกว่า “หดจริงๆ”แต่เป็นใจนะที่หด เพราะบนผาแห่งนี้มันช่างหวาดเสียวเอามากๆทีเดียว
hi 4 - น้ำตกตาดโตน : แม้ไม่ใช่น้ำตกใหญ่อลังการ แต่น้ำตกตาดโตนก็มีความสวยงามร่มรื่นน่าเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
น้ำตกแห่งนี้ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติตาดโตน(ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ) มีน้ำไหลเย็นตลอดทั้งปี เหมาะมากสำหรับการพักผ่อนและชมธรรมชาติ โดยไม่ไกลจากตัวน้ำตกจะมี ศาลเจ้าพ่อตาดโตน (ศาลปู่ด้วง) อันเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านแถวนั้นตั้งอยู่ให้ผู้ผ่านไป-มาได้สักการะบูชากัน
ส่วนที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งของอุทยานฯแหงนี้ก็คือ เรื่องของการจัดการและความสะอาด จนได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือรางวัลกินรี ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2549 ในรางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยวยอดเยี่ยม ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำในคุณภาพด้านการจัดการทรัพยากรทางการท่องเที่ยวของอุทยานแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
hi 5-มอหินขาว สโตนเฮนจ์ เมืองไทย : แรกที่ผมเห็นมอหินขาวนั้น บอกได้คำเดียวว่า“ตะลึงถึง 2 ตึง” ตึงแรก ตะลึงในความอลังการ แปลกมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ส่วนตึงสอง ตะลึงในการที่สถานที่แห่งนี้เพิ่งถูกค้นพบไม่นาน เรียกว่าหลุดรอดเร้นจากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาได้ยังไงก็ไม่รู้
แต่หลังจากนั้นเมื่อค้นพบได้ไม่นาน มอหินขาว ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ไฟแรงของชัยภูมิไปในทันที และยิ่งมอหินขาวถูกใช้เป็นฉากจบของภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาคแรก ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มดีกรี ความน่าเที่ยวของสถานที่แห่งนี้เข้าไปอีก
สำหรับมอหินขาวนั้น ตั้งอยู่ที่ บ้านวังคำแคน ต.ท่าหินโงม อ.เมือง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูแลนคา มีลักษณะเป็นทุ่งหินประหลาดขนาดยักษ์มากมายหลายก้อนตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางท้องทุ่งบนเนื้อที่กว่า 200 ไร่
ในพื้นที่มอหินขาวมีจุดเด่นชวนเที่ยวอยู่ 3 จุดหลักๆด้วยกัน คือ กลุ่มแรกเป็นเสาหิน 5 ต้น กลุ่มนี้มีไฮไลท์อยู่ที่เสาหินยักษ์ 5 ต้น แต่ละต้นมีความสูงจากผิวดินประมาณ 12 เมตรขึ้นไป กลุ่มที่ 2 เป็น“ดงหิน” เพราะเต็มไปด้วยก้อนหินขนาดยักษ์รูปทรงต่างๆมากมาย อาทิ เจดีย์ กระโจม หอเอนปิซ่า กระดองเต่า ศีรษะคน ขึ้นกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป กลุ่มสุดท้ายเป็นลานหินขนาดใหญ่ หรือ ผากล้วยไม้ เพราะเป็นหน้าผาที่เต็มไปด้วยกล้วยไม้และดอกไม้ป่ามากมาย ซึ่งใครและใครหลายคนที่มาเที่ยวยังมอหินขาว เมื่อเห็นก้อนหินยักษ์เหล่านี้ ถึงกับอุทานออกมาว่า “นี่มันสโตนเฮนจ์ เมืองไทยชัดๆ”
.......................................
และนั่นก็คือ highlight ของสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ 5 แห่งในจังหวัดชัยภูมิ ที่ผมขอเรียกสั้นว่า hi 5 ชัยภูมิ ซึ่งแม้จะไม่ได้เกี่ยวกับเว็บ hi 5 แต่อย่างใด แต่ว่าใครที่ไปเที่ยวตามสถานที่เหล่านี้แล้ว จะทิ้งไว้เพียงรอยเท้า เก็บมาเพียงภาพถ่าย แล้วนำมาอัพโหลดรูปอวดเพื่อนๆบนพื้นที่ของตัวเองในเว็บ hi 5 ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง