โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
หลายคนคงเคยได้ยินข่าวความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นแถวๆ สามย่าน ถิ่นของเด็กจุฬามาบ้างแล้ว ที่ว่าตอนนี้ทางจุฬาฯ กำลังจะย้ายตลาดสามย่านไปไว้ตรงที่ใหม่ คือบริเวณระหว่างซอยจุฬาฯ 32 และ 34 โดยได้ย้ายไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และนอกจากการย้ายตลาดแล้วก็จะมีการรื้อตึกแถวบริเวณตลาดสามย่านทิ้ง รวมไปถึงตึกแถวด้านหน้าที่ติดกับถนนพญาไทก็ต้องโดนรื้อด้วยเช่นกัน
ว่ากันว่าคราวนี้จุฬามีโครงการจะปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นตึกใหม่หน้าตาทันสมัย จึงต้องมีการรื้อตึกแถวหน้าตาโบราณทิ้งเป็นการใหญ่ ภาพของตลาดสามย่านและตึกแถวในบริเวณนั้นจึงควรต้องถูกบันทึกไว้ เพราะต่อไปจะกลายเป็นเพียงภาพในอดีตไปแล้ว วันนี้ฉันจึงจะพาทุกคนไปเก็บภาพนั้นไว้กันเสียก่อนที่จะลืม
ตลาดสามย่านนั้นถือว่าเป็นตลาดในย่านชุมชนที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง ตัวตลาดนั้นอยู่ในซอยจุฬาฯ 52 ริมถนนพญาไท เดินเข้าไปในซอยนิดเดียวก็จะเห็นตัวตลาดอยู่ทางด้านซ้ายมือ ที่ว่าเก่าแก่ก็เพราะเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2508 หรือมีอายุ 43 ปีมาแล้ว เรียกว่ากำลังอยู่ในวัยกลางคนกำลังเริ่มจะแก่อยู่แล้วเชียว
ภายในตลาดนั้นก็แบ่งเป็นสองชั้นด้วยกัน ชั้นล่างจะเป็นตลาดสด ขายของจำพวกเนื้อสัตว์ ผักผลไม้ น้ำพริก ผักดอง ของชำต่างๆ ส่วนชั้นบนก็จัดเป็นร้านอาหาร มีร้านให้เลือกหลายประเภททั้งอาหารตามสั่ง ซีฟู้ด และที่โด่งดังก็คือสเต็กสามย่าน มีให้เลือกหลายร้าน เป็นสเต็กชิ้นโตเต็มจานกินอิ่มไปทั้งมื้อในราคาย่อมเยา ส่วนในตอนเช้าก็มีร้านกาแฟ กินคู่กับขนมปังปิ้งหรือปาท่องโก๋ตัวใหญ่อยู่ด้านบนตลาดด้วยเช่นกัน
บริเวณรอบๆ ตัวตลาดสามย่านก็เป็นตึกแถวหน้าตาเก่าแก่ มีร้านอาหารดังๆหลายร้านที่มีชื่อคุ้นหูอย่างโจ๊กสามย่าน ข้าวขาหมูจุฬา ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด เย็นตาโฟ ร้านขายขนมและเบเกอรี่ต่างๆ และอื่นๆอีกมากมาย ถือเป็นแหล่งรวมร้านอาหารขนาดใหญ่ที่มีนักกินมากมายตั้งใจมาฝากท้องโดยที่ไม่ได้รับความผิดหวังกลับไปแน่นอน
และนอกจากร้านอาหารที่มีให้เลือกหลากหลาย ก็ยังมีร้านขายของที่ถือเป็นสีสันและตำนานของชาวสามย่านไปแล้ว นั่นก็คือร้าน "จีฉ่อย" ร้านขายของชำเล็กๆเพียงคูหาเดียว แต่มีของครบทุกประเภท ตั้งแต่ของพื้นๆอย่างปากกา ยางลบ สมุดดินสอ สบู่ ผงซักฟอก ไปจนถึงของที่ไม่น่าจะมีอย่างใบลงทะเบียนของนิสิตจุฬาฯ ข้าวมันไก่ สังกะสี กระด้ง ฮาร์ดดิสก์ สปอยเลอร์ติดรถยนต์ บัตรคอนเสิร์ต และ ฯลฯ เรียกว่าเป็นร้านของชำที่มีจิตวิญญาณในการขายดีเยี่ยม ลูกค้าอยากได้อะไรก็จะไปสรรหามาให้ ถึงที่ร้านตัวเองจะไม่มีก็จะไปหาซื้อจากร้านอื่นมา หรือหากของชิ้นไหนไม่สามารถหาได้ทันทีเจ้าของร้านก็จะขอให้รออีกสองวันแล้วจึงมารับไป
ฉันก็ได้ไปใช้บริการร้านจีฉ่อยมาแล้วเช่นกัน แต่ไม่ได้ไปลองของหาซื้อของแปลกๆที่ร้านแต่อย่างใด แค่ไปพักเหนื่อยซื้อน้ำกินที่ร้านจีฉ่อยในตำนาน มองเข้าไปในร้านแล้วก็เชื่อว่าน่าจะมีของทุกอย่างอยู่ในร้านจริง เพราะภายในร้านเล็กๆ นั้นอัดแน่นไปด้วยข้าวของต่างๆ จนแทบไม่มีที่ว่างเหลือ มีแต่เพียงทางเดินแสนแคบอยู่ตรงกลางร้านให้เดินเข้าเดินออกหาข้าวของ
และเมื่อการเปลี่ยนแปลงเดินทางมาถึง ตลาดสามย่านจะต้องถูกย้าย ตึกแถวบริเวณสามย่านจะต้องถูกทุบ ร้านค้าที่ฉันว่ามาเหล่านี้ก็ต้องโยกย้ายหรือปิดตัวลงตามไปด้วย
ตลาดสามย่านเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงกำลังจะเข้าสู่วัยชรา แต่ยังไม่ทันจะได้แก่ ตลาดแห่งนี้ก็ต้องไปเกิดใหม่เสียก่อน โดยคราวนี้ได้ถูกย้ายไปอยู่ด้านหลังสนามจุ๊บ ข้างๆ สำนักงานเขตปทุมวัน ไม่ไกลจากตลาดเดิมมากนักพอเดินถึงกันได้ ฉันได้ไปเยี่ยมๆมองๆ ดูตลาดสามย่านแห่งใหม่นี้แล้วก็พบว่ามีหน้าตาทันสมัยขึ้นมาก มีพื้นที่กว้างขวาง ดูโล่งโปร่งสบาย แต่ก็อย่างว่า...ของใหม่ก็ดูดีทันสมัย แต่ก็ขาดเสน่ห์ขรึมขลังแบบของเก่า
แต่เท่าที่ฉันได้คุยๆกับแม่ค้าแถวนั้น บ้างก็ว่าดีบ้างก็ว่าไม่ดี เพราะการย้ายตลาดไปที่แห่งใหม่ซึ่งไฉไลกว่าเดิมก็จะต้องเสียค่าเช่าร้านค้าในราคาที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แต่บ้างก็ชอบเพราะบรรยากาศของตลาดใหม่นั้นดูสะอาดสะอ้านสดใสกว่าเดิม และเชื่อว่าลูกค้าก็คงตามมาซื้อของเหมือนเช่นเคย
และหลังจากที่ตลาดสามย่านได้ย้ายไปแล้ว อีกไม่นานตึกแถวแถบนี้ที่ฉันกล่าวมาก็จะต้องรื้อไปด้วยเช่นกัน โดยตึกแถวตั้งแต่บริเวณหัวมุมถนนพญาไทตัดกับถนนพระราม 4 หรือบริเวณโรงรับจำนำฮะติ๊ดหลี มาจนถึงปากซอยจุฬาฯ 42 ข้างรั้วคณะนิติศาสตร์ รวมไปถึงตึกแถวด้านในซอยก็จะถูกรื้อทุบไป
ทางด้านชาวห้องแถวเหมือนจะมีปัญหามากกว่าชาวตลาดหน่อย เพราะไม่ได้เพียงหอบข้าวของมาขายเหมือนชาวตลาด แต่ห้องแถวนี้เป็นที่อยู่อาศัย เป็นแหล่งประกอบอาชีพของพวกเขามานาน บางคนอยู่มาตั้งแต่เกิดเสียด้วยซ้ำ ความผูกพันกับที่อยู่จึงมีมากตามไปด้วย
ฉันได้ไปคุยกับคุณป้าเจ้าของร้านชำที่อยู่ด้านข้างตลาดสามย่าน ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่โครงการรื้อถอนนี้ด้วย ป้าเล่าให้ฟังว่าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่แถวๆนี้ยังเป็นสวนฝรั่ง ดังนั้นจึงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของย่านนี้มาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อจะต้องย้ายก็รู้สึกใจหาย และไม่อยากจะย้ายไป โดยในตอนนี้ทางจุฬาก็ได้ผ่อนผันให้ชาวห้องแถวได้อยู่ต่อก่อนจะรื้อตึกเหล่านี้ออกไปในอีก 4 เดือนข้างหน้า
คราวนี้ลองมาถามความรู้สึกของเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเด็กจุฬาฯที่ต้องใช้บริการตลาดสามย่านและบรรดาร้านค้าห้องแถวในสามย่านแห่งนี้อยู่บ่อยๆ ดีกว่าว่า หากย้ายตลาดสามย่านไปและรื้อตึกแถวเหล่านี้ออกไปแล้วจะเป็นอย่างไร ฉันได้คุยกับน้องหวิน นิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่บอกว่า ก็ได้ไปใช้บริการร้านอาหารที่ตลาดสามย่านมาบ้าง เพราะหอพักก็อยู่ใกล้ๆตลาด ส่วนร้านจีฉ่อยนั้นเด็กจุฬาฯทุกคนต้องเคยได้ยินกิตติศัพท์กันอยู่แล้ว แต่น้องหวินเองยังไม่เคยไปใช้บริการเพราะกลัว?!? ส่วนตลาดสามย่านที่ย้ายไปคงไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่การรื้อตึกแถวก็คงจะทำให้สีสันของสามย่านจางไป
การเปลี่ยนแปลงของสามย่านครั้งนี้จะว่าไปแล้วก็เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะสีสันของสามย่านหลายๆอย่างจะหายไปตามการเปลี่ยนแปลงนั้น แต่จะห้ามไม่ให้มีการเปลี่ยนอะไรเลยก็คงไม่ได้ เพราะทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง เอ...พูดไปพูดมาก็จะวกเข้าไปทางธรรมซะงั้น เอาเป็นว่า แม้ตอนนี้ตลาดสามย่านจะย้ายไปแล้ว แต่ตึกแถวทั้งหลายก็จะยังคงอยู่ให้ไประลึกถึงความหลังกันอีกแค่ 4 เดือนเท่านั้น งานนี้ใครอยากจดจำภาพย่านตึกแถวสามย่านเอาไว้ก็ต้องรีบไปกันหน่อย ก่อนที่จะไม่เหลือภาพเก่าเอาไว้ให้เห็นกันอีก
หลายคนคงเคยได้ยินข่าวความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นแถวๆ สามย่าน ถิ่นของเด็กจุฬามาบ้างแล้ว ที่ว่าตอนนี้ทางจุฬาฯ กำลังจะย้ายตลาดสามย่านไปไว้ตรงที่ใหม่ คือบริเวณระหว่างซอยจุฬาฯ 32 และ 34 โดยได้ย้ายไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และนอกจากการย้ายตลาดแล้วก็จะมีการรื้อตึกแถวบริเวณตลาดสามย่านทิ้ง รวมไปถึงตึกแถวด้านหน้าที่ติดกับถนนพญาไทก็ต้องโดนรื้อด้วยเช่นกัน
ว่ากันว่าคราวนี้จุฬามีโครงการจะปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นตึกใหม่หน้าตาทันสมัย จึงต้องมีการรื้อตึกแถวหน้าตาโบราณทิ้งเป็นการใหญ่ ภาพของตลาดสามย่านและตึกแถวในบริเวณนั้นจึงควรต้องถูกบันทึกไว้ เพราะต่อไปจะกลายเป็นเพียงภาพในอดีตไปแล้ว วันนี้ฉันจึงจะพาทุกคนไปเก็บภาพนั้นไว้กันเสียก่อนที่จะลืม
ตลาดสามย่านนั้นถือว่าเป็นตลาดในย่านชุมชนที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง ตัวตลาดนั้นอยู่ในซอยจุฬาฯ 52 ริมถนนพญาไท เดินเข้าไปในซอยนิดเดียวก็จะเห็นตัวตลาดอยู่ทางด้านซ้ายมือ ที่ว่าเก่าแก่ก็เพราะเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2508 หรือมีอายุ 43 ปีมาแล้ว เรียกว่ากำลังอยู่ในวัยกลางคนกำลังเริ่มจะแก่อยู่แล้วเชียว
ภายในตลาดนั้นก็แบ่งเป็นสองชั้นด้วยกัน ชั้นล่างจะเป็นตลาดสด ขายของจำพวกเนื้อสัตว์ ผักผลไม้ น้ำพริก ผักดอง ของชำต่างๆ ส่วนชั้นบนก็จัดเป็นร้านอาหาร มีร้านให้เลือกหลายประเภททั้งอาหารตามสั่ง ซีฟู้ด และที่โด่งดังก็คือสเต็กสามย่าน มีให้เลือกหลายร้าน เป็นสเต็กชิ้นโตเต็มจานกินอิ่มไปทั้งมื้อในราคาย่อมเยา ส่วนในตอนเช้าก็มีร้านกาแฟ กินคู่กับขนมปังปิ้งหรือปาท่องโก๋ตัวใหญ่อยู่ด้านบนตลาดด้วยเช่นกัน
บริเวณรอบๆ ตัวตลาดสามย่านก็เป็นตึกแถวหน้าตาเก่าแก่ มีร้านอาหารดังๆหลายร้านที่มีชื่อคุ้นหูอย่างโจ๊กสามย่าน ข้าวขาหมูจุฬา ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด เย็นตาโฟ ร้านขายขนมและเบเกอรี่ต่างๆ และอื่นๆอีกมากมาย ถือเป็นแหล่งรวมร้านอาหารขนาดใหญ่ที่มีนักกินมากมายตั้งใจมาฝากท้องโดยที่ไม่ได้รับความผิดหวังกลับไปแน่นอน
และนอกจากร้านอาหารที่มีให้เลือกหลากหลาย ก็ยังมีร้านขายของที่ถือเป็นสีสันและตำนานของชาวสามย่านไปแล้ว นั่นก็คือร้าน "จีฉ่อย" ร้านขายของชำเล็กๆเพียงคูหาเดียว แต่มีของครบทุกประเภท ตั้งแต่ของพื้นๆอย่างปากกา ยางลบ สมุดดินสอ สบู่ ผงซักฟอก ไปจนถึงของที่ไม่น่าจะมีอย่างใบลงทะเบียนของนิสิตจุฬาฯ ข้าวมันไก่ สังกะสี กระด้ง ฮาร์ดดิสก์ สปอยเลอร์ติดรถยนต์ บัตรคอนเสิร์ต และ ฯลฯ เรียกว่าเป็นร้านของชำที่มีจิตวิญญาณในการขายดีเยี่ยม ลูกค้าอยากได้อะไรก็จะไปสรรหามาให้ ถึงที่ร้านตัวเองจะไม่มีก็จะไปหาซื้อจากร้านอื่นมา หรือหากของชิ้นไหนไม่สามารถหาได้ทันทีเจ้าของร้านก็จะขอให้รออีกสองวันแล้วจึงมารับไป
ฉันก็ได้ไปใช้บริการร้านจีฉ่อยมาแล้วเช่นกัน แต่ไม่ได้ไปลองของหาซื้อของแปลกๆที่ร้านแต่อย่างใด แค่ไปพักเหนื่อยซื้อน้ำกินที่ร้านจีฉ่อยในตำนาน มองเข้าไปในร้านแล้วก็เชื่อว่าน่าจะมีของทุกอย่างอยู่ในร้านจริง เพราะภายในร้านเล็กๆ นั้นอัดแน่นไปด้วยข้าวของต่างๆ จนแทบไม่มีที่ว่างเหลือ มีแต่เพียงทางเดินแสนแคบอยู่ตรงกลางร้านให้เดินเข้าเดินออกหาข้าวของ
และเมื่อการเปลี่ยนแปลงเดินทางมาถึง ตลาดสามย่านจะต้องถูกย้าย ตึกแถวบริเวณสามย่านจะต้องถูกทุบ ร้านค้าที่ฉันว่ามาเหล่านี้ก็ต้องโยกย้ายหรือปิดตัวลงตามไปด้วย
ตลาดสามย่านเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงกำลังจะเข้าสู่วัยชรา แต่ยังไม่ทันจะได้แก่ ตลาดแห่งนี้ก็ต้องไปเกิดใหม่เสียก่อน โดยคราวนี้ได้ถูกย้ายไปอยู่ด้านหลังสนามจุ๊บ ข้างๆ สำนักงานเขตปทุมวัน ไม่ไกลจากตลาดเดิมมากนักพอเดินถึงกันได้ ฉันได้ไปเยี่ยมๆมองๆ ดูตลาดสามย่านแห่งใหม่นี้แล้วก็พบว่ามีหน้าตาทันสมัยขึ้นมาก มีพื้นที่กว้างขวาง ดูโล่งโปร่งสบาย แต่ก็อย่างว่า...ของใหม่ก็ดูดีทันสมัย แต่ก็ขาดเสน่ห์ขรึมขลังแบบของเก่า
แต่เท่าที่ฉันได้คุยๆกับแม่ค้าแถวนั้น บ้างก็ว่าดีบ้างก็ว่าไม่ดี เพราะการย้ายตลาดไปที่แห่งใหม่ซึ่งไฉไลกว่าเดิมก็จะต้องเสียค่าเช่าร้านค้าในราคาที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แต่บ้างก็ชอบเพราะบรรยากาศของตลาดใหม่นั้นดูสะอาดสะอ้านสดใสกว่าเดิม และเชื่อว่าลูกค้าก็คงตามมาซื้อของเหมือนเช่นเคย
และหลังจากที่ตลาดสามย่านได้ย้ายไปแล้ว อีกไม่นานตึกแถวแถบนี้ที่ฉันกล่าวมาก็จะต้องรื้อไปด้วยเช่นกัน โดยตึกแถวตั้งแต่บริเวณหัวมุมถนนพญาไทตัดกับถนนพระราม 4 หรือบริเวณโรงรับจำนำฮะติ๊ดหลี มาจนถึงปากซอยจุฬาฯ 42 ข้างรั้วคณะนิติศาสตร์ รวมไปถึงตึกแถวด้านในซอยก็จะถูกรื้อทุบไป
ทางด้านชาวห้องแถวเหมือนจะมีปัญหามากกว่าชาวตลาดหน่อย เพราะไม่ได้เพียงหอบข้าวของมาขายเหมือนชาวตลาด แต่ห้องแถวนี้เป็นที่อยู่อาศัย เป็นแหล่งประกอบอาชีพของพวกเขามานาน บางคนอยู่มาตั้งแต่เกิดเสียด้วยซ้ำ ความผูกพันกับที่อยู่จึงมีมากตามไปด้วย
ฉันได้ไปคุยกับคุณป้าเจ้าของร้านชำที่อยู่ด้านข้างตลาดสามย่าน ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่โครงการรื้อถอนนี้ด้วย ป้าเล่าให้ฟังว่าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่แถวๆนี้ยังเป็นสวนฝรั่ง ดังนั้นจึงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของย่านนี้มาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อจะต้องย้ายก็รู้สึกใจหาย และไม่อยากจะย้ายไป โดยในตอนนี้ทางจุฬาก็ได้ผ่อนผันให้ชาวห้องแถวได้อยู่ต่อก่อนจะรื้อตึกเหล่านี้ออกไปในอีก 4 เดือนข้างหน้า
คราวนี้ลองมาถามความรู้สึกของเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเด็กจุฬาฯที่ต้องใช้บริการตลาดสามย่านและบรรดาร้านค้าห้องแถวในสามย่านแห่งนี้อยู่บ่อยๆ ดีกว่าว่า หากย้ายตลาดสามย่านไปและรื้อตึกแถวเหล่านี้ออกไปแล้วจะเป็นอย่างไร ฉันได้คุยกับน้องหวิน นิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่บอกว่า ก็ได้ไปใช้บริการร้านอาหารที่ตลาดสามย่านมาบ้าง เพราะหอพักก็อยู่ใกล้ๆตลาด ส่วนร้านจีฉ่อยนั้นเด็กจุฬาฯทุกคนต้องเคยได้ยินกิตติศัพท์กันอยู่แล้ว แต่น้องหวินเองยังไม่เคยไปใช้บริการเพราะกลัว?!? ส่วนตลาดสามย่านที่ย้ายไปคงไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่การรื้อตึกแถวก็คงจะทำให้สีสันของสามย่านจางไป
การเปลี่ยนแปลงของสามย่านครั้งนี้จะว่าไปแล้วก็เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะสีสันของสามย่านหลายๆอย่างจะหายไปตามการเปลี่ยนแปลงนั้น แต่จะห้ามไม่ให้มีการเปลี่ยนอะไรเลยก็คงไม่ได้ เพราะทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง เอ...พูดไปพูดมาก็จะวกเข้าไปทางธรรมซะงั้น เอาเป็นว่า แม้ตอนนี้ตลาดสามย่านจะย้ายไปแล้ว แต่ตึกแถวทั้งหลายก็จะยังคงอยู่ให้ไประลึกถึงความหลังกันอีกแค่ 4 เดือนเท่านั้น งานนี้ใครอยากจดจำภาพย่านตึกแถวสามย่านเอาไว้ก็ต้องรีบไปกันหน่อย ก่อนที่จะไม่เหลือภาพเก่าเอาไว้ให้เห็นกันอีก