บางคนไม่ชอบสายฝน ไม่ว่าจะเป็นฝนปรอยๆ ฝนตกแบบหยุมหยิม หรือตกลงมาห่าใหญ่ เพราะไม่ชอบความเฉอะแฉะ ความเปียกชื้น รวมทั้งความไม่สะดวกต่างๆ ที่เกิดจากฝน ไม่ว่าจะเป็นรถรา(ในกทม.)ที่ติดขัดขึ้นมาทันตาเห็น หรือน้ำท่วมแบบแมลงสาบวิ่งกันกระจายตามท่อน้ำ
แต่ที่กล่าวมาส่วนมากแล้วมักจะเป็นทัศนคติของคนกรุงต่อสายฝน ทว่าในอีกบรรยากาศหนึ่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าและป่าเขา สายฝนที่โปรยปรายมาถือเป็นการสร้างความชุ่มชื้นที่ต่างออกไป เพราะสีเขียวของต้นไม้ดูจะทวีความเขียวชอุ่มขึ้น อากาศจะเย็นสบายขึ้นอีก หมอกฝนที่ลอยเรี่ยยอดเขาก็จะช่วยสร้างบรรยากาศให้งดงามขึ้นได้อีก
เหมือนกับบรรยากาศในช่วงนี้ที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ได้มาเยือนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้สถานที่ที่ตั้งใจมาเยือนก็คือที่ "ภูแก้ว รีสอร์ท" รีสอร์ทกลางเขาค้อชื่อดังที่มีกิจกรรมประเภทผจญภัยในภูแก้ว แอดเวนเจอร์ ปาร์คให้ได้ร่วมสนุกกันอย่างสุดมันกับเครื่องเล่นอันหลากหลาย
เริ่มจากเครื่องเล่นในโซนแอดเวนเจอร์ Canopy เครื่องเล่นแนวเข้าค่ายลูกเสือที่มีให้เล่นกันถึง 7 ฐานด้วยกัน เริ่มจากการเดินข้ามน้ำบนเชือกเส้นเดียว ส่วนเชือกอีกเส้นหนึ่งให้ใช้จับประคองตัว จากนั้นก็ปล่อยตัวเองให้ลอยไปในอากาศด้วยรอกจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง โหนตัวแบบทาร์ซานไปมาบนต้นไม้ เดินบนสะพานไม้ เรียกว่าได้เหงื่อกับทั้ง 7 ฐาน
จาก Canopy เรามาทำให้ตัวเปียกพอเย็นสบายกับ Canyon Rafting หรือการพายเรือคายักล่องแก่งทั้ง 4 แก่ง ซึ่งเป็นแก่งเทียมที่ทำขึ้นในอ่างเก็บน้ำของรีสอร์ท ที่แม้สายน้ำจะไม่ไหลเชี่ยวกรากเหมือนอย่างการล่องแก่งในแม่น้ำจริง แต่ความสูงของแก่งนั้นก็สูงพอจะทำให้รู้สึกหวาดเสียวปนสนุกไปด้วย ล่องแก่งเสร็จแล้วจะพายเรือเล่นกันชมวิวกันต่อก็ได้
หรือจะพายมากลางอ่างเก็บน้ำเพื่อมากระเด้งกระโดดกันที่ Aqua Trampoline หรือเครื่องเล่นที่มีหน้าตาคล้ายกับเบาะลมไว้รองรับคนกระโดดลงมาจากที่สูง ลอยอยู่กลางน้ำและเอาไว้ให้ผู้เล่นได้ขึ้นไปกระโดด กระโดด และกระโดดกันให้สะใจ เพราะเมื่อมากระโดดบน Aqua Trampoline แล้วก็จะสามารถกระโดดได้สูงกว่าปกติ อยากเด้งสูงแค่ไหนก็ใช้แรงที่มีกระเด้งกระโดดกันขึ้นไป
ส่วนท่าทางการกระโดดก็แล้วแต่ใครจะสรรหามา จะเป็นท่าตีลังกาเกลียว กระโดดขาคู่ พับขา แยกขา ฯลฯ ใครที่มันเกินไปก็อาจจะกระโดดจนเลยเถิดตกอ่างเก็บน้ำไป ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ต้องใส่เสื้อชูชีพเล่นเครื่องเล่นนี้กันทุกคน แต่เชื่อว่าใครที่ได้ลองเล่นบอกว่า...มันส์!!!
และนอกจากเครื่องเล่นตัวใหม่เหล่านี้ ก็ยังมีเครื่องเล่นชุดเดิมที่ถึงเคยเล่นแล้วก็ต้องเล่นอีกอย่าง Mountain Speed Luge ที่หน้าตาคล้ายๆ รถโกคาร์ทผสมรถชาวเขาแต่ไม่มีเครื่องยนต์ ไม่มีคันเร่ง มีแต่เบรกอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเป็นการไหลรถลงจากยอดเขาผ่านโค้งคดเคี้ยวกว่า 700 เมตร High Flying เป็นการแขวนตัวไว้กับสลิงแล้วปล่อยตัวลงมาจากระดับความสูงกว่า 34 ฟุต ในระยะทาง 150 เมตร ได้ทั้งความเร็วและความสูงให้หวาดเสียว
แต่ที่เสียวจริงๆ ต้องยกให้ Giant Swing เครื่องเล่นที่หน้าตาคล้ายเสาชิงช้าหน้าวัดสุทัศน์ ผู้เล่นจะต้องขึ้นไปยืนอยู่บนพื้นเหล็กด้านบน แต่ไม่ต้องกระโดดลงมาเอง เพราะแผ่นเหล็กใต้เท้าจะเลื่อนกลับ ทำให้ตัวเราหมดที่ยึดเหนี่ยวต้องตกลงมาโดยอัตโนมัติ และอีกหลายกิจกรรมให้เล่นกันไม่มีเบื่อ
แม้เครื่องเล่นหลายตัวจะดูน่าหวาดเสียว แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ การระมัดระวังความปลอดภัยของผู้เล่น ย่อมเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกที่ผู้ให้บริการต้องตระหนักดี อีกทั้งก็ยังมีกติกาและข้อควรปฏิบัติในการเล่นกิจกรรม ซึ่งหากผู้เล่นปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดก็เชื่อว่าจะได้รับความสนุกสนานกันถ้วนหน้า
เล่นกันจนเพลียในตอนกลางวัน แต่ในช่วงกลางคืนก็ยังมีกิจกรรมกันต่ออีก ซึ่งแม้จะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็แนะนำว่าไม่ควรพลาด นั่นก็คือกิจกรรมการ "ชมหิ่งห้อย" ภายในภูแก้วรีสอร์ท ใกล้กับเส้นทางของเครื่องเล่น Mountain Speed Luge
การชมหิ่งห้อยนั้นบางคนอาจจะว่าไม่ใช่ของแปลก แต่หิ่งห้อยนั้น เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่ใช้ชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ได้ เพราะหิ่งห้อยนั้นจะชอบอาศัยอยู่ในที่ที่มีแหล่งน้ำสะอาด มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น หิ่งห้อยที่เราได้เห็นที่ภูแก้วนั้น แม้จะมีจำนวนไม่มากจนน่าตกตะลึง แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสัญญาณอันดีว่าขณะนี้พื้นที่ส่วนหนึ่งของเขาค้อซึ่งได้ชื่อว่ามีเขาหัวโล้นอยู่หลายลูกนั้น ก็เริ่มมีความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมาบ้างแล้ว
หิ่งห้อยหลายตัวที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ได้ชมในช่วงพลบค่ำวันนั้น ส่วนมากจะลอยละล่องบินไปบินมาท่ามกลางความมืด คาดว่าจะเป็นหิ่งห้อยตัวผู้ และนอกจากหิ่งห้อยชนิดปกติที่เห็นบินกันอยู่แล้ว ก็ยังได้เห็นหิ่งห้อยที่เป็นหนอนหิ่งห้อย โดยตัวเมียที่โตเต็มวัยแล้วก็จะไม่กลายร่างเป็นหิ่งห้อยแบบที่เราคุ้นเคยกัน แต่ยังคงสภาพเป็นหนอนสีขาวตัวย่อมๆ แต่ตรงก้นมีแสงสว่างออกมาเห็นได้ชัดในที่มืด
หลังจากชมหิ่งห้อยกันเสร็จแล้ว ท้องฟ้าก็มืดสนิทเข้าไปอีก คราวนี้ก็ได้เวลาทำกิจกรรมต่อไป นั่นก็คือการ "ดูดาว" ที่ทางภูแก้วเขาจะมีกล้องส่องดูดาวไว้ให้ พร้อมทั้งมีสตาฟฟ์คอยหาดวงดาวดวงที่น่าสนใจให้พวกเราได้ชม ซึ่งสำหรับ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" แล้วก็นับว่าน่าสนใจทุกดวงเพราะไม่เคยสัมผัสประสบการณ์ดูดาวมาก่อน จึงตื่นเต้นแม้กระทั่งดวงจันทร์ ที่เมื่อส่องดูจากกล้องแล้วก็ให้ตะลึงกับภาพที่เห็น เพราะนอกจากจะได้ยลแสงนวลอย่างชัดกว่าทุกครั้งแล้ว ก็ยังได้เห็นรายละเอียดแทบทุกหลุมบ่อบนดวงจันทร์ แม้จะไม่เจอกระต่ายตำข้าวแม้สักตัวบนนั้นก็ตาม
และนอกจากดวงจันทร์ที่มองเห็นได้ชัดแจ่ม เราก็ยังได้เห็นดาวเสาร์ ที่เห็นขนาดเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับดวงจันทร์ แต่ก็ยังสามารถเห็นวงแหวนของดาวเสาร์ได้ชัดเจน ซึ่งก็ทำให้ตื่นเต้นยิ่งนักเมื่อได้มาเห็นภาพจริง หลังจากที่ได้เห็นเพียงภาพในหนังสือมานาน อีกทั้งยังสามารถมองไปเห็นจุดสว่างเล็กๆ ที่เป็นดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์ แหม...แสนประทับใจยิ่งนัก
งานนี้นอกจากได้เห็นดวงดาวต่างๆ ที่สวยงามแล้ว ก็ยังได้ความรู้ในเรื่องของการหาทิศ หาดาวเหนือจากกลุ่มดาวหมีใหญ่ ซึ่งอาจจะเป็นความรู้พื้นฐานสำหรับบางคน แต่ถือเป็นความรู้ใหม่ของ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" และยังได้ฟังตำนานเกี่ยวกับกลุ่มดาวต่างๆ ซึ่งเป็นการจุดประกายให้หันมาสนใจเรื่องของดวงดาวเหล่านี้มากขึ้นอีกด้วย
และกิจกรรมต่อไปที่ภูแก้ว รีสอร์ท ก็เป็นกิจกรรมพิเศษสุด นั่นก็คือกิจกรรมการอาบน้ำเข้านอน พร้อมกับหลับฝันดีฝันเห็นหิ่งห้อย ดวงจันทร์ และดวงดาวเต็มท้องฟ้า....
และเมื่อเดินทางมาจนถึงเขาค้อ ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ พื้นที่สีแดงในอดีตก็ไม่ควรพลาดสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นสัญลักษณ์อย่าง "อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ" ซึ่งเป็นแท่งหินอ่อนรูปทรงสามเหลี่ยมตั้งตระหง่าน สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของผู้พลีชีพ โดยด้านข้างของอนุสรณ์สถานฯ จะเป็นฐานจำลองการสู้รบ มีหลุมหลบภัย มีกระสอบทรายบังเกอร์จัดจำลองบรรยากาศไว้
นอกจากนั้นก็ยังมี "พิพิธภัณฑ์อาวุธ" (ฐานอิทธิ) ตั้งอยู่บริเวณฐานอิทธิ บ้านสิมารักษ์ ต.ทุ่งเสมอ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธ จัดแสดงปืนใหญ่ ซากรถถัง และอาวุธที่เคยใช้สู้รบบนเขาค้อ "พระตำหนักเขาค้อ" ตั้งอยู่บนเขาย่า ต.สะเดาะพง เป็นอาคารชั้นเดียวติดต่อกัน เป็นรูปครึ่งวงกลม 15 ห้อง โดยการเข้าชมนั้นต้องแต่งกายสุภาพ และชมได้เฉพาะภายนอกพระตำหนัก
อีกทั้งยังสามารถกราบไหว้ "พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก" ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาค้อ ภายในยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา ชาวเพชรบูรณ์ได้ร่วมใจกันสร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ 50 ปี เช่นเดียวกับ "เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ" ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามทางแยกขึ้นอนุสรณ์เขาค้อ และยังสามารถเข้าชม "หอสมุดนานาชาติเขาค้อ" ที่อยู่ติดกับเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นหอสมุดรูปทรงเพชรคว่ำสร้างด้วยกระจกสะท้อนแสง ด้านหน้าตกแต่งเป็นสวนดอกไม้สวยงาม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
การเดินทางไปจังหวัดเพชรบูรณ์โดยรถยนต์ไปจากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดสระบุรี เลยไปจนถึงสวนพฤกษศาสตร์พุแค ตรงกิโลเมตรที่ 125 แยกขวามือเข้าทางหลวงหมายเลข 21 ผ่าน อำเภอชัยบาดาล อำเภอศรีเทพ อำเภอวิเชียรบุรี ต่อไปอีกประมาณ 221 กม. ถึงจังหวัดเพชรบูรณ์
จากนั้นให้วิ่งตรงมายังสี่แยกพ่อขุนผาเมืองแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก)ประมาณ 30 กม. ก็จะถึงภูแก้ว รีสอร์ท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2381-0691-4, 0-5675-0053 หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.phukaew.com
การเดินทางสู่จังหวัดเพชรบูรณ์และเขาค้อ ที่พัก ร้านอาหาร
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
เที่ยว“เขาค้อ”หน้าฝน ยลทะเลภูเขาเคล้าสายหมอก
“ทับเบิก”แดนแห่งภูหนาวที่มีดาวเกลื่อนดิน
สัมผัสอารมณ์ ฝนแรก หญ้าแตกใบ ใน“อช.ทุ่งแสลงหลวง”
เที่ยวเพชรบูรณ์ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ชมสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย