xs
xsm
sm
md
lg

"ฮานามิ"...ซากุระผลิบานทั่วญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นั่งปิกนิกใต้ต้นซากุระในสวนชินจูกุ เกียวเอ็น
ในเดือนเมษายนขณะที่ประเทศไทยกำลังร้อนปรอทแตก แต่ในประเทศญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเย็นจากฤดูหนาวเริ่มจางหาย เหลือไว้เพียงอากาศเย็นสบายก่อนจะเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆจนถึงฤดูร้อน ในช่วงที่อากาศเริ่มอุ่นขึ้นนี้เองที่จะมีความงดงามทางธรรมชาติเกิดขึ้นทั่วเกาะญี่ปุ่น เพราะ "ดอกซากุระ" ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่นจะผลิบานเผยความงดงามออกมาให้ได้ชมกัน

ซากุระ หรือ Cherry Blossom นั้น เป็นต้นไม้ในตระกูลเดียวกับต้นเชอร์รี่ มีหลายร้อยพันธุ์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ Somei Yoshino พันธุ์ Yamazakura พันธุ์ Oshimazakura พันธุ์ Ichiyo พันธุ์ Kikuzakura ฯลฯ โดยแต่ละพันธุ์ก็จะมีลักษณะดอกที่แตกต่างกันไป เช่นบางพันธุ์มี 5 กลีบ บางพันธุ์มี 10 กลีบ หรือมากถึง 100 กลีบ และสีของดอกซากุระก็ต่างกันด้วยเช่นกัน โดยจะมีตั้งแต่สีขาว ชมพูอ่อน ชมพูเข้ม ม่วง ฯลฯ โดยดอกซากุระนี้จะผลิบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น คือประมาณปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายน โดยจะบานไล่จากทางตอนใต้ขึ้นไปจนถึงตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น
กิ่งซากุระที่โน้มลงไปใกล้คูน้ำ ให้ความรู้สึกโรแมนติก
สำหรับชาวญี่ปุ่น นอกจากดอกซากุระจะถือเป็นดอกไม้คู่บ้านเมืองแล้ว ก็ยังถือเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของทหารและซามูไรญี่ปุ่น เพราะดอกซากุระนั้นจะเบ่งบานเต็มที่และร่วงโรยลงไปภายในอาทิตย์เดียวเท่านั้น เมื่อร่วงก็จะร่วงพร้อมกันหมดอีกด้วย ในขณะที่บางคนเปรียบดอกซากุระเหมือนหญิงสาวแรกแย้มที่งดงามและบอบบาง พร้อมจะร่วงโรยได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว บ้างก็เปรียบดอกซากุระเหมือนเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ เพราะช่วงเดือนเมษายนที่ดอกซากุระบานนั้น ถือเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นของหลายๆ อย่าง เช่นการเปิดเทอมใหม่ การเริ่มทำงานของพนักงานใหม่ เป็นต้น

เมื่อซากุระมีความหมายมากขนาดนี้ ชาวญี่ปุ่นจึงมีเทศกาล "ฮานามิ" ที่ไม่ได้หมายถึงข้าวเกรียบรวยเพื่อน แต่หมายถึงเทศกาลชมดอกไม้ (ฮานะ = ดอกไม้, มิ = ดู ชม) ที่แม้จะไม่ได้ระบุว่าเป็นดอกไม้อะไร แต่ก็รู้กันว่าหมายถึงการชมดอกซากุระนั่นเอง โดยประเพณีการชมดอกซากุระนี้ก็ได้มีต้นกำเนิดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะหรือประมาณศตวรรษที่ 16 เลยทีเดียว เมื่อถึงช่วงเวลาที่ดอกซากุระผลิบาน ชาวญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนฝูงหรือคู่รักก็จะออกมาชมดอกไม้ มาปูเสื่อล้อมวงนั่งกินอาหาร ดื่มสาเก ร้องรำทำเพลงกันใต้ต้นซากุระที่ออกดอกเต็มต้น ดูร่าเริงสนุกสนานเข้ากับบรรยากาศสดใสรอบตัว
ซากุระสีชมพูสดใสที่ดึงดูดผู้คนให้มาชม
เมื่อใกล้ถึงช่วงที่ซากุระจะเริ่มผลิบาน กรมอุตุนิยมวิทยาก็จะประกาศพยากรณ์อากาศถึงช่วงกำหนดที่ดอกซากุระในเมืองต่างๆ จะบาน อย่างที่กล่าวไปในตอนแรกแล้วว่าซากุระจะบานจากทางใต้ขึ้นไปทางเหนือ ดังนั้นช่วงวันที่จะชมซากุระในแต่ละเมืองจึงแตกต่างกัน เช่นดอกซากุระที่หมู่เกาะโอกินาวาทางตอนใต้ของญี่ปุ่นอาจจะบานตั้งแต่เดือนมกราคม ส่วนทางเหนืออย่างเกาะฮอกไกโด ดอกซากุระอาจจะบานในเดือนพฤษภาคม ส่วนเมืองอื่นๆที่อยู่ตอนกลางของประเทศ ดอกซากุระก็จะบานไล่เลี่ยกันไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะไม่มีกำหนดตายตัวว่าจะต้องบานวันไหนๆ เพราะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละปีด้วย

ส่วนในปีนี้ก็มีการประกาศกำหนดวันซากุระบานออกมาแล้ว โดยดอกซากุระในบางเมือง เช่น โตเกียว เกียวโต นาโงยะ โอซาก้า ต่างก็เริ่มผลิบานจนเกือบจะร่วงหมดแล้ว แต่เมืองอื่นๆ เช่น อาโอโมริ เซนได นีงาตะ นางาโน่ คานาซาวะ ดอกซากุระก็จะเริ่มผลิบานช่วงกลางเดือนเมษายนไปจนถึงปลายเดือนไล่เลี่ยกันไป
ชมดอกซากุระสวยๆ ที่ชิโดริงาฟูชิ
เมื่อรู้วันที่ดอกไม้จะผลิบานแล้ว ทีนี้ก็ต้องไปหามุมดีๆ ในการชมดอกไม้ แต่การได้มาซึ่งมุมดีๆ นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีคนอีกหลายพันหลายหมื่นคนต่างก็จ้องจะเลือกที่ที่ดีที่สุดเพื่อมาสนุกสนานกันทั้งนั้น ดังนั้นจึงต้องมีการจองพื้นที่ใต้ต้นซากุระกัน ด้วยการนำเสื่อหรือผ้าพลาสติกไปปูจองไว้ตั้งแต่เย็นวันก่อนที่จะมาปิกนิก หรือตอนเช้ามืดของวันหนึ่ง แล้วเขียนชื่อกลุ่มหรือเวลาที่จะเริ่มมาปาร์ตี้กัน แต่ส่วนมากแล้วก็มักจะมีคนมานั่งจองที่เอาไว้ด้วยตัวเอง ซึ่งคนที่มารับหน้าที่นี้ก็มักจะเป็นบรรดาน้องใหม่ที่ทำงานหรือที่มหาวิทยาลัย ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นการฝึกความอดทนอย่างหนึ่ง เพราะต้องทนกับความหนาวเย็นของฤดูหนาวที่ยังคงหลงเหลือ แถมถ้ามานั่งอยู่คนเดียวก็อาจจะเหงาได้ แต่เมื่อได้เวลาที่ทุกคนมาถึง ความสนุกสนานและการสังสรรค์ก็จะเริ่มต้นขึ้น

และสำหรับสถานที่ชมดอกซากุระสุดฮิตที่ชาวญี่ปุ่นนิยมไปนั่งชมดอกไม้และปิกนิกกันใต้ต้นซากุระนั้นก็มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน บ้างก็เป็นสวนสาธารณะ บ้างก็เป็นปราสาทราชวัง หรือเป็นวัด ซึ่งก็จะให้ความรู้สึกและความสวยงามแตกต่างกันไป
ชมดอกซากุระยามค่ำคืนก็งดงามไปอีกแบบ
ในโตเกียวนั้น สถานที่ที่น่าสนใจในการชมดอกซากุระนั้นก็คือที่ "ศาลเจ้ายาสุคุนิ" เพราะการผลิบานของซากุระในเขตคันโตนั้น (โตเกียวและปริมณฑล) จะอ้างอิงจากการผลิบานของซากุระดอกแรกในบริเวณศาลเจ้ายาสุคุนินี้เอง และที่ "สวนสาธารณะอุเอโนะ" (Ueno Park) ก็เป็นสถานที่ยอดนิยมในโตเกียวที่มีคนไปชมดอกซากุระกันมากที่สุด และมีบรรยากาศคึกคักที่สุดด้วยเช่นกัน ในสวนสาธารณะอุเอโนะนี้ มีต้นซากุระอยู่กว่าพันต้น สามารถไปชมกันได้แบบไม่ต้องเสียค่าบัตรผ่านประตูอีกต่างหาก ส่วนใน "ชินจูกุ เกียวเอ็น" (Shinjuku Gyoen) ก็เป็นสวนกว้างใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่มีต้นซากุระนานาพันธุ์ รวมทั้งยังมีการจัดสวนทั้งแบบสไตล์ญี่ปุ่นและตะวันตกให้ได้ชมกันอีกด้วย แต่สวนแห่งนี้ต้องเสียค่าเข้าชมและมีเวลาเปิดปิด

และอีกแห่งหนึ่งในโตเกียวที่ไม่ควรพลาดชมก็คือที่ "ชิโดริงาฟูชิ" (Chidorigafuchi) ชมดอกซากุระที่ปลูกอยู่เลียบแนวกำแพงปราสาทสมัยเอโดะ กิ่งก้านของซากุระยื่นล้ำออกมาในคูน้ำริมกำแพงดูแล้วโรแมนติกเป็นที่สุด แต่ที่นี่ไม่สามารถมานั่งปิกนิกกันได้ แต่แค่เดินชมดอกไม้ก็ได้บรรยากาศมากพอแล้ว หรือจะเช่าเรือพายชมดอกซากุระก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่หากอยากได้บรรยากาศที่ออกแนวสยองหน่อยๆ ก็ต้องมาที่ "สุสานอาโอยามะ" (Aoyama Cemetery) ที่มีซากุระนับร้อยต้นปลูกเรียงกันริมถนนที่ผ่านกลางสุสาน
พื้นที่ใต้ต้นซากุระต่างถูกจับจองในสวนอุเอโนะ
แต่ถ้าใครอยากได้บรรยากาศแบบย้อนยุคหน่อยก็ต้องมาที่นาโงย่า ที่ "ปราสาทนาโงย่า" (Nagoya Castle) ที่มีต้นซากุระปลูกรายล้อมตัวปราสาทนาโงย่าไว้ นอกจากจะได้ชมดอกไม้สวยๆ แล้ว ก็ยังจะได้ชมปราสาทเก่าแก่ ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ๆ

ที่เกียวโตก็มีสถานที่ชมซากุระที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน อย่างที่ "สวนมารุยามะ" (Maruyama Park) ก็เป็นสวนสาธารณะที่มีคนนิยมมาชมดอกซากุระ และในตอนค่ำจะมีการเปิดไฟทำให้ต้นซากุระโดดเด่นขึ้นมา และทำให้ได้อีกบรรยากาศหนึ่งต่างจากตอนกลางวัน
กลีบของดอกซากุระดูบอบบางแต่ก็งดงาม
และที่ Philosopher's Path ทางเดินยาวประมาณ 2 กิโลเมตรเลียบคลองเล็กๆ อันแสนสงบ เริ่มต้นทางเดินจากบริเวณใกล้ๆ วัดกิงคะคุจิ (Ginkakuji Temple) วัดชื่อดังในเกียวโต บนเส้นทางนั้นจะผ่านวัด ศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์และแกลอรี่เล็กๆ โดยต้นซากุระก็จะผลิดอกเรียงรายริมคลองตามเส้นทางเดินนี้ เหตุที่เรียกเส้นทางนี้ว่าเป็นเส้นทางของนักปราชญ์ก็เนื่องจากเป็นเส้นทางที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเกียวโต และเป็นเส้นทางเดินโปรดของปราชญ์คนสำคัญของญี่ปุ่นอย่าง Nishida Kitaro อีกด้วย

ไม่เพียงแค่สถานที่ที่ยกตัวอย่างมานี้เท่านั้น แต่ยังคงมีอีกหลายแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่นที่เป็นสถานที่ชมดอกซากุระผลิบานงดงามได้ แม้ว่าปีนี้อาจจะไม่สามารถไปชมได้ทันแล้ว แต่ก็เตรียมตัวไว้เผื่อปีหน้าจะได้มีโอกาสไปยลความงามอันอ่อนหวานของดอกซากุระบานกันให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
กำลังโหลดความคิดเห็น