xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวเลาะตะเข็บชายแดนตาก-แม่ฮ่องสอน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดหนึ่งที่ในอดีตเคยได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่ไปได้ลำบากที่สุด แต่ ณ ปัจจุบันนี้แม่ฮ่องสอนไม่ใช่เมืองที่ลี้ลับอีกต่อไป

เพราะสามารถไปได้ทางเครื่องบิน(แม้ราคาตั๋วของบางสายการบินจะสูงเกินจริงก็ตาม) และมีถนนที่ตัดเพิ่มขึ้นมาอีกหลายสาย

หนึ่งในเส้นทางนั้นคือ เส้นทางหลวงหมายเลข 105 ที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดตาก-แม่ฮ่องสอน ถนนสายนี้ลาดยางตลอด มีระยะทางรวมกันกว่า 475 กิโลเมตร

ความแตกต่างระหว่างเส้นทางนี้กับเส้นทางสู่แม่อ่องสอนอื่นๆ คือ เป็นทางที่เลียบเลาะชายแดนไทย-พม่า โดยมีแม่น้ำเมยไหลผ่าน จึงนับเป็นหนึ่งในเส้นทางขับรถเที่ยว(แบบวัดใจ)ที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

เพราะเกือบตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยความงดงามของทิวทัศน์ป่าเขาและแหล่งท่องเที่ยวมากมาย

สำหรับการเดินทางเลาะตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ครั้งนี้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว"ไม่ได้ไปคนเดี่ยวโดดๆหากแต่เราเดินทางไปกันเป็นคาราวาน ทำให้บรรยากาศสนุกคึกคักไปอีกแบบ

พวกเราเริ่มต้นด้วยการออกเดินทางจากตัวเมืองตาก วิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 105 ช่วงระหว่างตาก-แม่สอด ผ่านถนนที่มี
โค้งบ้างประปราย

จุดแรกเราประเดิมด้วยการแวะชมวิถีชีวิตชาวเขากันก่อนที่ "ตลาดชาวเขาดอยมูเซอ"แหล่งรวมสินค้าจำพวกผักสด ผลไม้ ตลอดจน

กล้วยไม้ป่าที่ยังงงๆอยู่ว่าเอาจากไหนมาขายกัน อากาศที่นี่สดชื่นเย็นสบายไม่ร้อน แม่ค้าส่วนใหญ่เป็นชาวเขา พยายามเรียกขานลูกค้า

ให้ซื้อของเป็นภาษาไทยสำเหนียงแปร่งหูทว่าดูจริงใจ งานนี้คงขายดีกันเป็นเทน้ำเทท่า เพราะหันไปมองรอบๆตัวชาวคณะทั้งหลายต่างหิ้วผลหมากรากไม้ติดมือกันมาเป็นแถว

ออกจากตลาดมาได้ไม่ไกล เราแวะอีกครั้งที่"ศูนย์สถานีทดลองพืชสวนดอยมูเซอ" ณ บริเวณศูนย์วิจัยด้านการพืช ที่มีพื้นที่กว่า1,700 ไร่ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เป็นทั้งสถานที่วิจัยพัฒนาพันธุ์พืชและเป็นแหล่งผลิตพันธุ์พืชเมืองหนาวหลากชนิด

ไม่ว่าจะเป็น กาแฟอาราบีก้า ชา อะโวคาโด้ ไม้ดอกเมืองหนาวอย่าง กล้วยไม้พันธุ์รองเท้านารี ดอกหน้าวัว ดอกโคมญี่ปุ่น ลิลลี่ ซันเวีย เป็นต้น แม้จะเดินทางมาเยือนในช่วงหน้าฝนแต่ก็ยังมีพืชพันธุ์มากมายในเรือนเพาะปลูกให้ชมกัน

เริงร่ากับหมู่มวลดอกไม้แล้วก็พาไปต่อที่"อุทยานแห่งชาติตากสิน" ที่มี"ต้นกระบากใหญ่"ที่ใหญ่สุดในประเทศไทย(เท่าที่สำรวจพบในขณะนี้)เป็นไฮไลท์ มีขนาดวัดโดยรอบได้ 16.40 เมตร สูง 50 เมตร หรือประมาณ 14 คนโอบทีเดียว

จากนั้นเรามุ่งหน้าต่อไปบนถนนหมายเลข 105 ตามเส้นทางตาก-แม่สอด ณ นาทีนี้หนทางคดเคี้ยวยิ่งนักหลายคนเกิดอาการวิงเวียนต้องคว้ายาดมสูดกันใหญ่ ช่วงบ่ายเราก็มาหยุดอยู่ที่บริเวณ "ตลาดริมเมย"ตลาดการค้าชายแดน ไทย-พม่า ที่มีทั้งสินค้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์ไม้แกะสลัก และเป็นตลาดการค้าอัญมณี เช่น หยก ทัมทิม

ห่างกันออกไปไม่ไกลนักจะเห็น "สะพานมิตรภาพไทย-พม่า" ที่สร้างข้ามแม่น้ำเมย ระหว่าง อ.แม่สอด จ.ตากและเมืองเมียวมดีของพม่า ที่นี่จะเห็นผู้คนจากสองประเทศเดินข้ามชายแดนกันเป็นว่าเล่น บ้างเป็นนักเรียนที่บ้านอยู่ฝั่งไทยแต่ข้ามไปเรียนหนังสือในพม่า บ้างก็เป็นพ่อค้า แม่ค้า จากฝั่งพม่าข้ามแดนมาซื้อของจากฝั่งไทยไปขายที่พม่า วิธีการนำของกลับไป คือ เทินไว้บนหัวสูงเป็นตั้งข้ามฝั่งไปเห็นแล้วอดทึ่งในพละกำลังไม่ได้

มองความเป็นไปริมชายแดนจนพลบค่ำก็พากันกลับเข้าที่พักค้างคืนที่แม่สอด และรีบตื่นแต่เช้ามืดไปเดินเล่นเที่ยวชม "ตลาดเช้าแม่สอด"ที่นี่เหมือนหลุดมาอยู่ในแดนสนทยา ผู้คนแปลกหน้า ภาษแปลกไป ป้ายร้านค้ามี 2 ภาษา ไทย-พม่า

เป็นตลาดที่มีความผสมกลมกลืนกันระหว่างเชื้อชาติจริงๆ ทั้งมุสลิม ไทย ไทยใหญ่ และพม่า อยู่ร่วมกันที่นี่ใครอยากกินอาหารชาติไหนก็เดินเลือกดูเอาเอง

สำหรับ"ผู้จัดการท่องเที่ยว"นั้นหยุดมองดูขนมหน้าตาแปลก คล้ายแผ่นเกี๊ยวทอดห่อไส้อะไรบางอย่าง วางขายอยู่ริมทาง ตั้งใจจะสอบถามและลองชิมสักหน่อย แต่ก็ต้องอึ้งเมื่อพบว่าแม่ค้าที่นั่งยิ้มหน้าแป้นสองแก้มเหลืองนวลด้วยแป้งทานาคา ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้เลย

งานนี้เลยต้องส่งภาษามือกันให้วุ่นคนขายก็ขำคนซื้อก็ขันกว่าจะได้กินก็หลายนาทีอร่อยใช้ได้ข้างในมีหมูสับกับมันต้มปรุงรสเหมือนกินกะหรี่ปั๊บ

พอสายหน่อยก็ออกจากแม่สอดเดินทางสู่ อ.แม่ระมาด แวะไหว้พระพุทธรูปหินอ่อนที่ "วัดดอนแก้ว" ตั้งอยู่หลังที่ว่าการอำเภอแม่ระมาด ว่ากันว่ามีอยู่เพียงสามองค์ในโลก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่งดงาม มีขนาดหน้าตักกว้าง 50 นิ้ว สูง 63 นิ้ว

ขอพรพระแล้วไม่รอช้า มุ่งหน้าตามเส้นทางที่คดโค้งประดุจงูเลื้อย นับร้อย นับพัน นับโค้งจนเลิกนับ ขับรถกันมาเรื่อยๆ นอกจากขบวนคาราวานของเราแล้ว ก็แทบจะไม่เห็นรถราคันอื่นวิ่งบนถนนเลย เข้าเขต อ.ท่าสองยาง ยังอยู่ในจ.ตาก ชมวิวริมทางกันมาได้สักพัก

ก็สะดุดตากับหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมทางซ้ายมือ บ้านเรือนปลูกสร้างลดหลั่นกันไปต้องไหล่เขา มุงหลังคากันด้วยใบตองตึง จากการคาดคะเนด้วยสายตามีจำนวนนับหมื่นหลัง แต่แปลกที่ตลอดแนวของหมู่บ้านมีรั้วลวดหนามกั้นบ่งบอกอาณาเขตชัดเจน ริมถนน

เมื่อมองไปก็จะเห็นผู้คนเดินอุ้มลูกจูงหลานมุ่งหน้าไปไหนก็ไม่อาจทราบได้ ด้วยความงามของบ้านที่มีไอหมอกไล่เลี่ยเป็นระยะ จึงอดไม่ได้ที่จะลงจากรถมาถ่ายรูป และมีโอกาสได้พบกันตำรวจตระเวนชายแดนที่ยืนรักษาการณ์อยู่ใกล้ๆ เลยถึงบางอ้อ ว่า ที่นี่ไม่ใช่หมู่บ้านชาวเขาธรรมดา

หากแต่คือ "ศูนย์ผู้อพยพแม่หละ"หรือ "แบเกาะ"ค่ายลี้ภัยของกะเหรี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นผู้

ลี้ภัยสงครามมาจากประเทศพม่าส่วนใหญ่ คนกลุ่มนี้ถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่แค่ในเขตรั้วกั้นเท่านั้น สามารถออกมาเดินข้างนอกได้ก็แค่

รัศมีราว 5 กิโลเมตร สองปากทางเข้าออกจะมีตำรวจตระเวนชายแดนคอยป้องกันการหลบหนีอยู่ เลยไม่แปลกใจแล้วว่าพวกเขาจะเดินไปไหนกันคงจะออกมายืดเส้นยืดสายให้หายเครียดกับอนาคตที่มองไม่เห็นของพวกเขา
บ้านเรือนที่มุงหลังคาด้วยใบตองตึงในเขตศูนย์ผู้อพยพแม่หละ
จากนั้นตั้งใจแวะชมความงามของ "ถ้ำแม่อุสุ"Unseen เมืองตาก ที่ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติแม่เมย เป็นถ้ำหินปูนที่มีขนาดกว้างใหญ่ มีหินงอก หินย้อย รูปร่างสวยงามด้านตะวันตกของถ้ำมีโพรงหินขนาดใหญ่เมื่อแสงแดดส่องเข้ามาจะงดงามมาก

เสียดายเมื่อไปถึงไม่สามารถจะเข้าชมภายในได้ เนื่องจากมีน้ำท่วมขังซึ่งเจ้าหน้าที่แนะนำว่า ช่วงท่องเที่ยวที่เหมาะสมที่สุดของถ้ำแม่อุสุคือช่วงหน้าแล้งระหว่างเดือนม.ค.-เม.ย.จะดีที่สุด

เมื่อพลาดหวังจากการชมความงามของถ้ำแม่อุสุก็เดินทางเข้าสู่เขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผ่านทางอ.สบเมยและอ.แม่สะเรียง ตัดเข้า

สู่ทางหลวงหมายเลข 108 แวะชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ "ถ้ำแก้วโกมล"ในเขตอ.แม่ลาน้อย อีกหนึ่ง Unseen ที่ภายในถ้ำ มีหินงอกหินย้อยส่องประกายแวววาวระยิบระยับ ซึ่งเกิดจากผลึกแร่แคลไซค์กลั่นตัวและตกผลึก

สำหรับที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว"มาเยือน ซึ่งทุกครั้งที่แวะมาก็บังเกิดความรู้สึกหดหู่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะดูเหมือนความงามของถ้ำแก้วโกมลหรือถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้จะหมองและดูโทรมลงเรื่อยๆ จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของนักท่องเที่ยวที่เข้าไปชม

ถ่ายภาพโดยใช้แฟลตและจับต้องหินงอกหินย้อย ทำให้หมดความแวววาวกลายเป็นสีดำ ซึ่งขณะนี้ทางวนอุทยานถ้ำแก้วโกมล ก็งดอนุญาตให้นักท่องเที่ยวพกกล้องเข้าไปถ่ายภาพแล้ว(นอกจากบางกรณีที่ติดต่อล่วงหน้าขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ)

ฉะนั้นใครที่ไปเที่ยวถ้ำแก้วโกมลพึงระลึกไว้เสมอว่า อย่าไปแตะต้องสัมผัสสิ่งใดๆในถ้ำนอกจากนี้ยังต้องรักษากฎ กติกา ของการเที่ยวถ้ำที่ทางวนอุทยานถ้ำแก้วโกมลตั้งไว้อย่างเคร่งครัดอีกด้วย

จาก อ.แม่ลาน้อย ผ่าน อ.ขุนยวม ที่มีเทศกาลเลื่องชื่ออย่าง "เทศกาลดอกบัวตองบานบนดอยแม่อูคอ"ซึ่งหากมาในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.ที่ดอยแม่อูคอจะพบดอกบัวตองบานทั้งหุบเขา

โดยทุ่งบัวตองบนดอยแม่อูคอ จัดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติอันที่มีชื่อเสียงของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งอยู่บนดอยแม่อูคอ หมู่ที่ 6 ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวม หรืออยู่ห่างจากตัวอำเภอขุนยวม ประมาณ 26 กิโลเมตร

ยามที่ดอกบัวตองบานจะปรากฏภาพเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่งและหุบเขาในพื้นที่เกือบ 1,000 ไร่ มีความสวยงามอย่างยิ่งนัก ส่วนการเดินทางขึ้นไปชมทุ่งบัวตองนักท่องเที่ยวสามารถนำรถขึ้นไปยังทุ่งบัวตองได้อย่าง สะดวกสบาย ทั้งด้วยรถยนต์ส่วนตัวและใช้บริการ รถยนต์สองแถวจากปากทางขึ้นดอยแม่อูคอจากท่ารถในตัวเมืองขุนยวม ในราคาเที่ยวละ 800 – 1,000 บาท

กลับมาสู่ขบวนคาราวานของเราที่วิ่งตามกันมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาถึงปลายทางที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน สุดท้ายพวกเราปิดทริป เที่ยวเลียบชายแดนตาก-แม่ฮ่องสอน ด้วยการขึ้นไปไหว้พระ ชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนที่ "วัดพระธาตุดอยกองมู" เพื่อความเป็นสิริมงคล

วัดพระธาตุดอยกองมู เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่ประกอบด้วยเจดีย์ 2 องค์ใหญ่สร้างโดย "จองตองสู่"พ.ศ.2403 องค์เล็กสร้างโดย "พญาสิงหนาทราชา"พ.ศ.2417 เจ้าผู้ครองเมืองแม่ฮ่องสอน
วัดพระธาตุดอยกองมูปูชนียสถานคู่เมืองแม่ฮ่องสอน
จากบนวัดพระธาตุดอยกองมู เมื่อมองลงไปจากจุดชมวิว จะแลเห็นขุนเขาสูงใหญ่โอบล้อมเมืองเล็กๆไว้ เป็นภาพที่สบายตา สบายกายและใจ ช่างคุ้มค่ากับการเดินทางผ่านเส้นทางหฤหรรษ์เสียจริงๆ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงาน ททท.ภาคเหนือเขต 4 โทร.0-5551-4341-3 หรือที่ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว จ .แม่ฮ่องสอน โทร.0-5361-2982-3
ที่พัก               ร้านอาหาร               เทศกาลและงานประเพณี               การเดินทาง

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ล่องแก่งน้ำปาย สนุกเร้าใจกลางสายน้ำเชี่ยว
สวัสดีเมือง"ปาย"...ทักทายเมืองในฝัน
สัมผัสสายลมหนาวแห่งเมืองปายที่ "เดอะควอเตอร์"
เสน่ห์ปาย...เมืองใต้สายหมอก
แอ่วปายสัมผัสกลิ่นไอเมืองสามหมอก
น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากเศียรพระแห่งวัดน้ำฮู
เยือนขุนเขาพันโค้งไปหยอกเมฆ ที่ “เมืองสามหมอก”
ท่องโลกใต้ดิน อันซีนฯ“ถ้ำแม่ฮ่องสอน
เที่ยวถ้ำที่แม่ฮ่องสอน/วินิจ รังผึ้ง
สัมผัส “แม่ฮ่องสอน” ไม่ต้องผ่าน “ทางพันโค้ง” !!!
ขี่จักรยานชมเมืองปายในสายฝน

 
กำลังโหลดความคิดเห็น