xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวท่องมองรัสเซีย ลัดเลาะ "จัตุรัสแดง"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : แมวลาย
รูปปั้นของสองนักรบแห่งรัสเซีย ด้านหน้าวิหารเซนต์บาซิล
ก่อนนี้ประเทศสหพันธรัฐรัสเซียเคยถูกเรียกว่าเป็นดินแดนหลังม่านเหล็ก แต่ตอนนี้เริ่มเป็นม่านเหล็กที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะกับประเทศไทย ที่เพิ่งจะมีการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างไทย-รัสเซีย ครบ 110 ปี นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ รัชกาลที่ 5 เสด็จไปเยือนรัสเซียเมื่อ พ.ศ.2440 อีกทั้งในตอนนี้ยังมีการยกเลิกการขอวีซ่าระหว่างไทยและรัสเซีย การเดินทางไปยังประเทศรัสเซียในตอนนี้จึงง่ายดายมากขึ้น ทำให้วันนี้ฉันได้มายืนอยู่ที่กรุงมอสโก เมืองหลวงของดินแดนหมีขาว ที่ซึ่งเคยใฝ่ฝันมานานหนักหนาว่าสักวันหนึ่งคงจะได้มีโอกาสมาสัมผัส
ตึกสวยงามของห้างสรรพสินค้ากุม
10 ชั่วโมงคือเวลาที่ใช้ในการเดินทางจากกรุงเทพฯ มาถึงสนามบินโดโมเด็ทโดโวของกรุงมอสโก อากาศในมอสโกช่วงนี้เริ่มหนาวสั่นได้ที่ ใครจะมาเที่ยวก็อย่าลืมเตรียมเครื่องกันหนาวมาให้พร้อมสรรพด้วย แต่เมื่อเดินทางมาถึงแล้วก็อย่ารอช้า ฉันเริ่มต้นท่องเที่ยวในกรุงมอสโกที่แรกที่ "จัตุรัสแดง" (Red Square) ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของกรุงมอสโก ตั้งอยู่กลางใจเมืองของมอสโกเลยทีเดียว เพราะด้านหน้าจัตุรัสแดงนั้น เป็นที่ตั้งของกิโลเมตรที่ศูนย์ของรัสเซีย สังเกตได้จากที่พื้นถนนจะมีสัญลักษณ์เป็นวงกลม และภายในวงกลมนี้เองก็จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปยืนกลางวงกลมนั้นและโยนเศษเหรียญข้ามไหล่ตัวเองไปด้านหลังเพื่ออธิษฐานให้ได้กลับมาที่มอสโกอีกครั้ง แล้วก็ไม่ต้องตกใจหากจะเห็นคุณป้าคุณยายที่แสตนบายอยู่แถวนั้นก้มเก็บเหรียญของคุณไปทันที ฉันไม่ได้แวะโยนเหรียญเหมือนกับคนอื่นๆ เขา แต่หยุดดูอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะเดินลอดตึก Historical Museum เข้าไปด้านใน มุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่ของจัตุรัสแดง
สถาปัตยกรรมที่สวยสง่าของวิหารเซนต์ซาเวียร์
ชื่อของจัตุรัสแดงอาจจะฟังดูแล้วนึกถึงการนองเลือด แต่จริงๆ แล้วคำว่าจัตุรัสแดงนั้นก็หมายถึงความสวยงาม ความดีงามเท่านั้น ลานกว้างของจัตุรัสแดงนี้มีพื้นที่กว้าง 695 เมตร ยาว 130 เมตร ทำหน้าที่เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ต่างๆ ของรัสเซียมาหลายยุคหลายสมัย คล้ายๆ กับสนามหลวงของไทย ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีต่างๆ ของประเทศ เช่น การสวนสนามแสดงแสนยานุภาพของกองทัพรัสเซียในโอกาสต่างๆ รวมไปถึงการชุมนุมเรียกร้องเดินขบวนของประชาชนด้วยเช่นกัน

ทั้งสี่ด้านของจัตุรัสแดงต่างก็ล้อมรอบไปด้วยสถานที่สำคัญต่างๆ เริ่มจากด้านที่ฉันเดินผ่านเข้ามาก็เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และใกล้ๆ กันก็เป็นย่านการค้าธุรกิจ เมื่อเดินผ่านพิพิธภัณฑ์ฯ เข้ามา ทางซ้ายมือจะเห็นตึกสามชั้นทาสีเหลือง ตัวตึกเป็นสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า รัสเซีย-รีไววัล ดูงดงาม นั่นก็คือห้างสรรพสินค้า "กุม" ห้างของรัฐบาลในสมัยโซเวียต ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นห้างสรรพสินค้าของเอกชน มีร้านค้าแบรนด์เนมทั้งหลายให้เลือกช้อปหลายร้าน และมีร้านกาแฟน่ารักๆ ให้นั่งพักด้วย

ห้างกุมนี้ดูไปดูมาก็ได้บรรยากาศเก่าๆ คล้ายกับดิโอลด์สยามบ้านเรา แต่เอ๊ะ...ต้องบอกว่าของเราคล้ายของเขาถึงจะถูก เพราะห้างกุมนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ.1889 ด้านล่างของตึกมีน้ำพุสวยงามเหมาะสำหรับนั่งพักเหนื่อยและชมความงามไปด้วยพร้อมกัน

ออกจากห้างมามือเปล่า คราวนี้มาดูทางฝั่งขวาของจัตุรัสแดงกันบ้าง ทางขวานี้เป็นกำแพงด้านหนึ่งของพระราชวังเครมลินนั้น ซึ่งกำแพงด้านนอกที่ติดกับจัตุรัสแดงนี้เป็นที่ตั้งของ "สุสานเลนิน" ซึ่งเป็นผู้นำการปฏิวัติล้มล้างระบอบกษัตริย์ของรัสเซีย ตัวสุสานสร้างเป็นอาคารสี่เหลี่ยมเป็นชั้นๆ ขนาดลดหลั่นกัน สร้างขึ้นจากหินแกรนิตสีแดง
วิหารเซนต์บาซิลบนจัตุรัสแดง ใกล้ๆ กันนั้นคือป้อมปราการของพระราชวังเครมลิน
ภายในสุสานมีโลงแก้วบรรจุศพของเลนิน อีกทั้งยังมีอนุสาวรีย์ของผู้นำอีกหลายคน รวมไปถึงเถ้ากระดูกของบุคคลสำคัญต่างๆ ในยุคโซเวียตที่เก็บไว้ในกำแพงเครมลิน ซึ่งบุคคลสำคัญนี้ก็รวมไปถึงยูริ กาการิน นักบินอวกาศของรัสเซียอีกด้วย

และทางฝั่งกำแพงวังเครมลินก็ยังมีป้อมปราการที่มียอดเป็นนาฬิกา ป้อมแห่งนี้เรียกกันว่า "สป๊าซสคายา" หรือ Saviour Tower ว่ากันว่าเมื่อก่อนนี้นาฬิกาเรือนนี้เดินไม่ค่อยจะตรงเท่าไรนัก แต่ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงจนนาฬิกาบนป้อมนี้ถูกใช้เป็นนาฬิกาเทียบเวลาของประเทศทีเดียว

แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในจัตุรัสแดงก็คงจะหนีไม่พ้น "วิหารเซนต์บาซิล" เรียกตามชื่อของนักบุญวาสิลี่ หรือบาซิลในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นนักบวชในสมัยพระเจ้าซาร์อิวานที่ 4 ที่ถูกฝังไว้ที่นี่ วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1555-1561 ในสมัยของซาร์อิวานที่ 4 ซึ่งมีฉายาว่าอิวานจอมโหด (แต่จะโหดอย่างไรนั้น เชิญอ่านต่อไป) เพื่อใช้เป็นวิหารสวดมนต์บูชาแม่พระผู้ศักดิ์สิทธิ์และเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือมองโกล

วิหารเซนต์บาซิลนี้มีเสน่ห์เตะตาคนทั่วไป ซึ่งแวบแรกในความคิดฉันมองว่าวิหารนี้ดูคล้ายปราสาทในจินตนาการ ด้วยสีสันที่สดใสทั้งสีแดง ฟ้า เหลือง เขียว ที่แต่งแต้มลงบนวิหารรูปร่างแปลกตาที่สร้างเป็นหอคอยสูงคล้ายแท่งเทียน มียอดโดมมองดูคล้ายเปลวเทียนที่จุดเพื่อบูชาพระเจ้า ส่วนด้านในเป็นบันไดวนเวียนและมีทางเดินเล็กๆ นำไปสู่ห้องโถงกลางของวิหาร
รายละเอียดของวิหารเซนต์ซาเวียร์
เล่ากันว่า หลังจากช่างสร้างวิหารหลังนี้เสร็จ พระเจ้าอิวานจอมโหดก็ตั้งคำถามว่า จะสามารถสร้างอะไรที่สวยงามเช่นนี้ได้อีกหรือไม่ ช่างผู้ออกแบบวิหารตอบว่า ได้อย่างแน่นอน พระเจ้าอิวานจอมโหดจึงสั่งให้ควักลูกตาของช่างออกเพื่อไม่ให้ไปสร้างอะไรได้อีก... สมชื่ออิวานจอมโหดจริงๆ ส่วนด้านหน้าวิหารก็มีรูปปั้นของชายสองคนกำลังยืนปรึกษาอะไรบางอย่างกันอยู่ ชายสองคนที่ว่านั้นก็คือคุชมา มินิน ผู้นำกองกำลังประชาชน กับเจ้าชายดมิทรี่ โปจาร์สกี้ แม่ทัพหลวง ที่ผนึกกำลังขึ้นต่อสู้กับศัตรูตั้งแต่ปี 1612 นู่น

เดินชมบรรยากาศอยู่บริเวณจัตุรัสแดงสักพัก ฉันก็เดินทางต่อเพื่อไปยังจุดหมายต่อไป นั่นก็คือ "วิหารเซนต์ซาเวียร์" วิหารงดงามอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปอีกสองสถานีรถไฟ ซึ่งก็เป็นโอกาสดีที่ฉันจะได้นั่ง "เมโทร" ของที่มอสโกและจะได้ไปชมสถานีรถไฟใต้ดินที่ได้รับยกย่องว่าสวยที่สุดในโลกอีกด้วย
กิโลเมตรที่ศูนย์ของรัสเซีย ด้านหน้าจัตุรัสแดง
การก่อสร้างรถไฟใต้ดินสายแรกของมอสโกนั้นสร้างเสร็จตั้งแต่ปี ค.ศ.1931 ตั้งแต่ที่ประเทศไทยยังไม่เปลี่ยนแปลงการปกครอง สถานีรถไฟเหล่านี้ถูกตกแต่งอย่างสวยงามถึงกับมีการจ้างศิลปินมาออกแบบกันเลยทีเดียว มีทั้งการตกด้วยแชนเดอร์เลียร์ ทั้งหินอ่อน ดูอย่างสถานีที่ฉันไปขึ้นรถไฟที่สถานี Ploshad Revolution ก็มีการตกแต่งด้วยรูปปั้นที่แสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยโซเวียต ที่เห็นแปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือมีรูปปั้นคนกับหมายืนอยู่คู่กัน แต่ตรงช่วงปากของรูปปั้นหมาสีดำนั้นกลับหลุดลอกจนเห็นสีทองด้านใน เพราะว่าใครผ่านไปผ่านมาก็จะต้องยื่นมือมาลูบที่ปากของหมาตัวนี้เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีโชคดี จนทำให้ปากเป็นมันเลื่อมอย่างทุกวันนี้

นั่งรถไฟมาได้เดี๋ยวหนึ่งก็ได้เวลาต้องโผล่ขึ้นบนพื้นดินโดยสถานีนั้นตรงกับหน้า "วิหารเซนต์ซาเวียร์" จุดมุ่งหมายของเราพอดี วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะในสงครามนโปเลียน เมื่อปี 1812 โดยพระเจ้าซาร์อเล็กซานที่ 1 ใช้เวลาก่อสร้างนาน 45 ปีจึงจะแล้วเสร็จออกมางดงามด้วยยอดโดมสีทอง 5 โดม ตัดกับสีขาวของอิฐของผนังโบสถ์ และเมื่อเข้าไปด้านในก็จะพบกับความงดงามอลังการของการประดับกระจกสีภายใน รวมไปถึงภาพเขียนของพระเยซูและนักบุญต่างๆ ที่วาดขึ้นอย่างวิจิตร โดยวันที่ฉันได้เข้าไปชมด้านในนั้น เป็นช่วงเวลาที่เขากำลังทำพิธีสวดมนต์กันอยู่ บรรยากาศภายในจึงดูขรึมขลังศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ น่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายรูปออกมาให้ชมกันได้
สุสานเลนิน บนจัตุรัสแดง
ไม่น่าเชื่อว่าโบสถ์ที่งดงามแห่งนี้จะเป็นของที่สร้างขึ้นใหม่ เนื่องจากโบสถ์หลังเก่านั้นได้ถูกทำลายไปจนหมดในสมัยของสตาลิน และมีโครงการจะใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย แต่โชคดีที่ว่าในภายหลังได้มีการก่อสร้างวิหารนี้ขึ้นใหม่ด้วยเงินบริจาคของคนทั้งประเทศ และจำลองของเดิมมาได้อย่างสมบูรณ์แบบให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมกันต่อไป และในตอนหน้าเราจะมาลุยมอสโกกันต่อ แต่คราวนี้จะพาไปสู่สถานที่สำคัญที่สุดของมอสโก นั่นก็คือภายในกำแพงเครมลินนั่นเอง (โปรดอ่านต่อสัปดาห์หน้า)

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

มอสโก เป็นเมืองหลวงของประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย ประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ 17,075,200 ตารางกิโลเมตร เวลาในมอสโกช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมงในฤดูร้อน และช้ากว่า 4 ชั่วโมงในฤดูหนาว สกุลเงินของรัสเซียคือ รูเบิล (1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 26-27 รูเบิล) การเดินทาง มีหลายสายการบินที่บินตรงจากรุงเทพฯ สู่กรุงมอสโก เช่น สายการบินแอโรฟลอต สายการบินไทย

สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัทหนุ่มสาวทัวร์ โทร.0-2246-5659

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

เปิดกำแพง "เครมลิน" หัวใจแห่งรัสเซีย
สูดอากาศชานกรุงมอสโก ชมศาสนสถานเมือง "ซากอร์ส"

กำลังโหลดความคิดเห็น