จังหวัดอุทัยธานี เป็นจังหวัดทางภาคกลางของประเทศไทยที่มีความสวยงามเงียบสงบ ผู้คนยังมีวิถีชีวิตที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไม่เร่งรีบร้อนรน เหมือนกับแม่น้ำสะแกกรัง แม่น้ำสายหลักของจังหวัดอุทัยธานี ที่ไหลไปอย่างช้าๆ ไม่รุนแรง แต่ก็เย็นฉ่ำมองแล้วสบายใจ
แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของเมืองอุทัยฯ นี้ ก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “วัดจันทาราม” หรือที่คุ้นหูนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ว่า "วัดท่าซุง" เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งมี "วิหารแก้ว" ที่มีความงดงามตระการตาด้วยเสาประดับกระจกกว่า 164 ต้น และโคมไฟคริสตัลทั้ง 119 ดวง และ "ปราสาททอง" ที่โดดเด่นด้วยปราสาทสีทองอร่ามขนาดใหญ่ ภายนอกและภายในตกแต่งประดับประดาด้วยงานพุทธศิลป์อันวิจิตรงดงาม
หรือที่ “วัดสังกัสรัตนคีรี” วัดเก่าแก่ตั้งอยู่เชิงเขาสะแกกรัง ซึ่งเมื่อถึงเทศกาลออกพรรษาจะมีประเพณีตักบาตรเทโวขึ้นที่นี่ ภาพของพระนับร้อยรูปที่เดินเป็นแถวยาวลงมาจากยอดเขาก็สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้เสมอ อีกทั้งบนยอดเขาสะแกกรังก็ยังเป็นจุดชมวิวของตัวเมืองที่สวยงาม มีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองให้กราบไหว้ และมี “พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก” หรือที่ชาวอุทัยเรียกว่า “พระชนกจักรี” ซึ่งเป็นพระราชบิดาของรัชกาลที่ 1 สร้างเป็นรูปหล่อขนาดสองเท่าขององค์จริงประทับนั่งอยู่บนแท่น
และหากใครชอบชมธรรมชาติผสมผสานกับวิถีชีวิตชาวบ้าน ก็ต้องไม่พลาดการล่องแม่น้ำสะแกกรัง ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักเปรียบได้ดั่งเส้นเลือดหลักสำคัญที่หล่อเลี้ยงชาวอุทัย สองข้างลำน้ำก็จะได้เห็นเรือนแพริมน้ำของชาวบ้านที่ตั้งเป็นทิวแถวไปตามลำน้ำ บางบ้านเลี้ยงปลาในกระชังเพื่อขายเลี้ยงชีพ นับว่าเป็นการอาศัยพึ่งพิงสายน้ำสะแกรังหล่อเลี้ยงชีวิต
นับว่าจังหวัดอุทัยฯ เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่น่าเยี่ยมเยือนเป็นอย่างยิ่ง และหากใครมาเที่ยวแล้วติดใจ อยากจะอยู่ต่อนานๆ ที่นี่ก็มีโรงแรมน่าสนใจ และเหมาะสมที่จะมาพักผ่อนหาความสงบเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือ “โรงแรมไอยรา ปาร์ค โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท” ที่ให้ทั้งความเงียบสงบและความสะดวกสบายได้เป็นอย่างดี
ด้วยสไตล์การตกแต่งที่โดดเด่นของโรงแรมไอยรา ปาร์คฯ ที่นำเอาศิลปะขอมมาผสมผสานในการก่อสร้าง ตัวโรงแรมได้แนวคิดมาจากปราสาทหินพิมาย และขุดเป็นคลองรอบตัวอาคารเสมือนมีบารายล้อมรอบ ส่วนด้านหน้าตัวโรงแรมก็จะมีโคปุระจำลอง หรือซุ้มประตูในภาษาเขมร ซึ่งปั้นเป็นรูปใบหน้าของเทวดาทั้งสี่ด้าน และถัดไปจากโคปุระก็จะเป็นสิงห์คู่ และพญานาค 5 เศียรตั้งอยู่ด้วย ส่วนภายในโรงแรม ก็มีการตกแต่งในสไตล์ขอมเช่นกัน โดยบริเวณทางเข้าประตูของโรงแรมมีการจำลองภาพรูปปูนปั้นนูนต่ำมาจากนครวัด-นครธม โดยเป็นภาพการรบระหว่างยักษ์และเทวดา
อีกทั้งสัญลักษณ์ของโรงแรมแห่งนี้ก็คือช้าง ซึ่งหากย้อนไปเมื่ออดีตจะเห็นได้ว่าช้างที่ได้รับการฝึกเป็นช้างศึกสงครามนั้น ส่วนหนึ่งเป็นช้างที่จับได้จากจังหวัดอุทัยธานี เช่น ช้างศึกของพระนารายณ์มหาราช ดังนั้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีของช้าง จึงได้มีการจำลองรูปช้างขึ้นในไอยรา ปาร์คฯ อีกทั้งยังเป็นที่มาของชื่อโรงแรมอีกด้วย
ห้องพักของโรงแรมอุทัยไอยรา ปาร์คฯ นี้ ก็มีให้เลือกหลากหลายแบบรวมแล้วกว่า 400 ห้อง ทั้งห้องแบบดีลักซ์, อุทัย สวีท, เอ็กเซ็กคิวทีฟ สวีท, ไอยรา สวีท, เพรซิเดนท์ สวีท และห้องพักแบบวิลล่า ที่ตกแต่งโดยเน้นความสะดวกสบาย แต่ดูทันสมัยและมีระดับ
ภายในโรงแรมก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ห้องประชุม ห้องสัมมนา ผ่อนคลายความเครียดด้วยการนวดสปา นวดแบบไทย ห้องอบซาวน่า สระว่ายน้ำและจากุซซี่ สนุกสนานกับสนามกอล์ฟมาตรฐาน 18 หลุม สนามเทนนิส สควอช สนามบาสเก็ตบอล สนามวอลเล่ย์บอล สนามขี่ม้า และฟิตเนส เซ็นเตอร์
หากใครที่ต้องการความเงียบสงบ สะดวกสบาย และได้ผ่อนคลายไปกับกิจกรรมต่างๆ ในช่วงวันหยุดพักผ่อนแล้ว “ไอยรา ปาร์ค โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท” ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว