โดย : จุชดานิน

"ฮอยอัน...ฉันรักเธอ" ชื่อละครฮิตติดปาก ชื่อเมืองติดใจซึ่งไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้นที่ติดปากกับชื่อนี้ แม้แต่ "หทัย"ไกด์ชาวเวียดนามที่พาชมเมืองสุดคลาสสิคนี้เธอก็ยังเรียกเมืองฮอยอันแบบมีนามสกุลห้อยท้ายว่า"ฮอยอัน...ฉันรักเธอ" เช่นกัน สงสัยเธอคงจะเคยดูละครเรื่องนี้มาบ้างไม่มากก็น้อย
หทัย เป็นไกด์สาวรุ่นใหญ่ พูดไทยชัดแจ๋ว ซึ่งทันทีที่ฉันเดินทางมาถึงยังเมืองฮอยอัน เธอได้ให้ข้อมูลของเมืองเก่าสุดคลาสสิคเมืองนี้ทันทีว่า
เมืองฮอยอัน (Hoi An) ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว่างนาม ทางตอนกลางของเวียดนาม เป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในสมัยของอาณาจักรจามปา บริเวณนี้เคยเป็นเมืองท่าบนปากแม่น้ำทูโบน ซึ่งมีชื่อว่า ไฮโฟ หรือ ไฟโฟ โดยเป็นศูนย์กลางทางการค้าในช่วงศตวรรษที่ 16-17 มีชาวต่างชาติมาตั้งถิ่นฐานและค้าขายในเมืองนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งชาวจีน ญี่ปุ่น ดัตช์ และอินเดีย
เดิมทีเมืองนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยมีคลองสายหนึ่งคั่นอยู่กลางเมือง มีสะพานญี่ปุ่นทอดข้ามคลองเพื่อกั้นแบ่งเขตชุมชนของชาวญี่ปุ่นที่อีกฝั่งหนึ่งของคลอง ตัวสะพานสร้างโดยชาวญี่ปุ่นเมื่อประมาณ 300 กว่าปีก่อน มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว บนหัวสะพานด้านหนึ่งมีตัวลิงทำจากไม้ อีกด้านหนึ่งมีรูปตัวหมา เพื่อแสดงให้รู้ว่าสะพานแห่งนี้สร้างในปีวอก(ลิง)และแล้วเสร็จในปีจอ(หมา) บนสะพานมีศาลเล็กๆตั้งอยู่ ภายในมีการบูชาเทพเจ้าที่คอยปกปักษ์รักษามวลมนุษย์

และด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของเมืองฮอยอันในปี พ.ศ.2542 องค์การยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าฮอยอันให้เป็น "มรดกโลกทางวัฒนธรรม" ที่มีการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่นและของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่างๆก็ได้รับการอนุรักษ์ให้คงสภาพเดิมไว้เป็นอย่างดี
ก่อนเข้าสู่เส้นทางเดินเท้าชมเมืองเก่าฮอยอัน นักท่องเที่ยวต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ก่อนซึ่งก็เป็นเหมือนวัฒนธรรมของที่นี่ ฉันคิดว่าเงินที่ได้จากการเก็บค่าเข้าชมนั้น ส่วนหนึ่งคงจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการบูรณะซ่อมแซมหรืออนุรักษ์บ้านเรือนของเมืองเก่าแห่งนี้ให้เป็นเอกลักษณ์ต่อไป

เมื่อเท้าก้าวย่างไปบนเส้นทางในเมืองอนุรักษ์แห่งนี้ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองได้ย้อนเวลากลับไปเดินอยู่ในอดีตหลายสิบปีก่อน ถนนแคบๆที่มีบ้านเรือนเก่าประมาณ 100-200 ปีบ้าง บ้านบางบ้านเป็นบ้านใหม่แต่ยังคงสร้างในรูปแบบเดิมตลอดสองฝั่งทาง บ้านเรือนส่วนใหญ่จะสูง 1-2 ชั้นเท่านั้น คงเนื่องมาจากเงื่อนไขของเมืองอนุรักษ์ แต่นั้นก็ทำให้เป็นเสน่ห์น่ายลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก บ้านเรือนส่วนมากจึงเปิดเป็นร้านค้าไปในตัวจนเมืองเก่าฮอยอันแห่งนี้กลายเป็นแหล่งชอปปิ้งอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
สำหรับสินค้าที่ขึ้นชื่อก็คือ โคมผ้า โคมกระดาษ มีหลากหลายขนาดตั้งแต่เล็กๆจนใหญ่เท่าลูกบาสก็มี ภาพเขียนก็ดูน่าสนใจไม่น้อย และยังมีผ้าปักหรือภาพปักด้วยมือฝีมือประณีตและสวยงาม หรือจะเป็นกระเป๋าปักก็ได้ใจไม่แพ้กัน มีหลายขนาดทั้งใบเล็กใส่เศษสตางค์จนขนาดใบใหญ่ใส่ได้ทุกสิ่ง ส่วนรูปทรงของกระเป๋าก็ไม่ต้องห่วง ไม่ดูแก่เกินและไม่เด็กกระชากวัย
นอกจากนี้ยังมีพวกอัญมณี ของเก่า ไม้แกะสลัก ของที่ระลึกกระจุ๊กกระจิ๊กมากมาย ให้เลือกชอปกันอย่างสนุกสนานเพลินใจ แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนนะว่า เวลาถามราคาสินค้าให้ถามทั้งเป็นราคาเงินบาทไทย และราคาเงินดองเวียดนาม เพราะบางร้านค้าหากจ่ายเป็นเงินบาทจะถูกกว่า บางร้านจ่ายเงินบาทแล้วแพงกว่าเงินดองก็มี ฉะนั้นฉันแนะนำว่าให้ถามราคาทั้ง 2 สกุลเงิน แล้วมาคำนวณคร่าวๆเอาเองจะคุ้มกว่า สนนราคาก็ต่อรองได้อย่างเมามัน แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะคนที่นี่โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ขายจะพูดภาษาไทยฟังภาษาไทยได้ดีเชียวหละ

อ้อ..แล้วขอบอกต่ออีกหน่อยว่า มีคนเล่าให้ฉันฟังระหว่างเดินทางว่า "ถ้าเราเข้าไปถามราคาร้านหนึ่งแล้วไม่ซื้อ แต่เดินเข้าไปถามราคาอีกร้านหนึ่งแม้ราคาเท่ากันแต่เราตกลงซื้อร้านนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหันหลังกลับมาดูจะเห็นแม่ค้า 2 ร้านที่เราไปถามราคาตบกัน อย่าตกใจไปเพราะแม่ค้าที่นี่เขาเป็นประเภทว่า คุณลูกค้าซื้อร้านอื่นไม่เป็นไร แต่เดี๋ยวฉันตามไปจัดการกับคนขายของร้านอื่นเอง"

เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ฉันก็ไม่รู้ แต่ก็ทำให้ฉันไม่กล้าทำแบบนั้นไปเลย หากจะซื้อก็จะฝากคนอื่นถือ หรือกลับมาซื้อทีหลัง เพราะฉันไม่อยากเสียวสันหลังเวลาเดินจากร้านนั้นๆไป
ระหว่างทางที่เดินดูวัฒนธรรม บ้านเรือน และสินค้า ฉันเจอกับวัดวัดหนึ่งเหมือนวัดจีนดูสวยงามสะอาดตา ไกด์บอกว่าวัดนี้คือวัดของชาวจีนฮกเกี้ยน ที่ได้รับการบูรณะให้สวยงามเป็นอันดับ 1 ของฮอยอัน ด้านในของวัดมีเทพเจ้า เจ้าแม่หลายองค์ที่ชาวฮกเกี้ยนนับถือ และที่เห็นจะแปลกตาไปจากบ้านเราก็คงเป็นการทำบุญ โดยใช้พิธีกรรมอย่างหนึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าอย่างไร

โดยจะมีธูปขนเป็นวงทรงกรวยขนาดใหญ่ ผู้ทำบุญขอพรจะต้องเขียนชื่อ นามสกุล วัน-เดือน-ปี เกิดลงบนแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดสีเหลือง แล้วมาแขวนไว้กลางขดธูปสีแดงทรงกรวย ซึ่งขดธูปนี้จะแขวงไว้ด้านบนอีกทีหนึ่ง เราจะทำบุญเพียงคนเดียวหรือร่วมด้วยช่วยกันหลายคนก็ได้ ธูป1ขดน่าจะราคาประมาณ 800 บาทกระมังฉันก็ไม่แน่ใจนัก เนื่องจากตอนนั้นร่วมกันทำบุญหลายคน

จากนั้นก็ให้เจ้าหน้าที่สวดมนต์แล้วพวกเราก็จะใช้ไม้ยาวๆที่ด้านปลายมีไฟช่วยกันยื่นขึ้นไปจุดธูปพร้อมอธิฐานขอพร ชาวฮกเกี้ยนเชื่อว่าคำอธิฐานของเราจะลอยขึ้นไปพร้อมควันธูปไปถึงเจ้าแม่บนสวรรค์ โดยกว่าธูปจะหมดก็น่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
เมื่อพวกเราอิ่มบุญกันแล้ว ก็เดินเล่นชอปปิ้งพร้อมชมย่านเมืองเก่าแห่งนี้กันแบบไม่ยอมเหน็ดเหนื่อย แม้เส้นทางเดินเท้าของพวกเราจะเริ่มต้นขึ้นแบบแดดร้อนๆ แต่ความสนใจอยากรู้อยากเห็นและอยากชอปก็ทำให้พวกเราเพลิดเพลินอยู่ในย่านอนุรักษ์เมืองเก่าแห่งนี้อยู่หลายชั่วโมงทีเดียว เล่นเอาเงินในกระเป๋าร่อยหรอจนแทบจะหมดตัว ก็สมควรแก่เวลาที่จะต้องจากลาย่านเมืองเก่าฮอยอันไปเสียที บ๊ายบายฮอยอัน...ฉันรักเธอ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เมืองฮอยอัน (Hoi An) เป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ ในเขตจังหวัดกว่างนาม ทางตอนกลางของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ภาษาที่ใช้ทั้งภาษาเวียดนาม ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ใช้เงินได้ทั้งสกุลดอง บาท และดอลลาร์สหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอง 1 บาท ประมาณ 450-500 ดอง (อัตราแลกเปลี่ยน ณ ก.ย. 50)
สำหรับการเดินทางสู่ฮอยอันเส้นทางที่คนไทยนิยมไปกันมากคือ จากจังหวัดมุกดาหาร ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 สู่สะหวันนะเขต เข้าสู่ประเทศลาว จากนั้นเดินทางมุ่งหน้าสู่ด่านลาวบาวเพื่อข้ามแดนเข้าสู่ประเทศเวียดนาม เส้นทางนี้สามารถเดินทางต่อไปยังเมืองเว้ ดานัง ฮอยอันได้อย่างสะดวกสบาย อนึ่งรถทะเบียนประเทศไทยไม่สามารถข้ามแดนได้
"ฮอยอัน...ฉันรักเธอ" ชื่อละครฮิตติดปาก ชื่อเมืองติดใจซึ่งไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้นที่ติดปากกับชื่อนี้ แม้แต่ "หทัย"ไกด์ชาวเวียดนามที่พาชมเมืองสุดคลาสสิคนี้เธอก็ยังเรียกเมืองฮอยอันแบบมีนามสกุลห้อยท้ายว่า"ฮอยอัน...ฉันรักเธอ" เช่นกัน สงสัยเธอคงจะเคยดูละครเรื่องนี้มาบ้างไม่มากก็น้อย
หทัย เป็นไกด์สาวรุ่นใหญ่ พูดไทยชัดแจ๋ว ซึ่งทันทีที่ฉันเดินทางมาถึงยังเมืองฮอยอัน เธอได้ให้ข้อมูลของเมืองเก่าสุดคลาสสิคเมืองนี้ทันทีว่า
เมืองฮอยอัน (Hoi An) ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว่างนาม ทางตอนกลางของเวียดนาม เป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในสมัยของอาณาจักรจามปา บริเวณนี้เคยเป็นเมืองท่าบนปากแม่น้ำทูโบน ซึ่งมีชื่อว่า ไฮโฟ หรือ ไฟโฟ โดยเป็นศูนย์กลางทางการค้าในช่วงศตวรรษที่ 16-17 มีชาวต่างชาติมาตั้งถิ่นฐานและค้าขายในเมืองนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งชาวจีน ญี่ปุ่น ดัตช์ และอินเดีย
เดิมทีเมืองนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยมีคลองสายหนึ่งคั่นอยู่กลางเมือง มีสะพานญี่ปุ่นทอดข้ามคลองเพื่อกั้นแบ่งเขตชุมชนของชาวญี่ปุ่นที่อีกฝั่งหนึ่งของคลอง ตัวสะพานสร้างโดยชาวญี่ปุ่นเมื่อประมาณ 300 กว่าปีก่อน มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว บนหัวสะพานด้านหนึ่งมีตัวลิงทำจากไม้ อีกด้านหนึ่งมีรูปตัวหมา เพื่อแสดงให้รู้ว่าสะพานแห่งนี้สร้างในปีวอก(ลิง)และแล้วเสร็จในปีจอ(หมา) บนสะพานมีศาลเล็กๆตั้งอยู่ ภายในมีการบูชาเทพเจ้าที่คอยปกปักษ์รักษามวลมนุษย์
และด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของเมืองฮอยอันในปี พ.ศ.2542 องค์การยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าฮอยอันให้เป็น "มรดกโลกทางวัฒนธรรม" ที่มีการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่นและของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่างๆก็ได้รับการอนุรักษ์ให้คงสภาพเดิมไว้เป็นอย่างดี
ก่อนเข้าสู่เส้นทางเดินเท้าชมเมืองเก่าฮอยอัน นักท่องเที่ยวต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ก่อนซึ่งก็เป็นเหมือนวัฒนธรรมของที่นี่ ฉันคิดว่าเงินที่ได้จากการเก็บค่าเข้าชมนั้น ส่วนหนึ่งคงจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการบูรณะซ่อมแซมหรืออนุรักษ์บ้านเรือนของเมืองเก่าแห่งนี้ให้เป็นเอกลักษณ์ต่อไป
เมื่อเท้าก้าวย่างไปบนเส้นทางในเมืองอนุรักษ์แห่งนี้ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองได้ย้อนเวลากลับไปเดินอยู่ในอดีตหลายสิบปีก่อน ถนนแคบๆที่มีบ้านเรือนเก่าประมาณ 100-200 ปีบ้าง บ้านบางบ้านเป็นบ้านใหม่แต่ยังคงสร้างในรูปแบบเดิมตลอดสองฝั่งทาง บ้านเรือนส่วนใหญ่จะสูง 1-2 ชั้นเท่านั้น คงเนื่องมาจากเงื่อนไขของเมืองอนุรักษ์ แต่นั้นก็ทำให้เป็นเสน่ห์น่ายลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก บ้านเรือนส่วนมากจึงเปิดเป็นร้านค้าไปในตัวจนเมืองเก่าฮอยอันแห่งนี้กลายเป็นแหล่งชอปปิ้งอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
สำหรับสินค้าที่ขึ้นชื่อก็คือ โคมผ้า โคมกระดาษ มีหลากหลายขนาดตั้งแต่เล็กๆจนใหญ่เท่าลูกบาสก็มี ภาพเขียนก็ดูน่าสนใจไม่น้อย และยังมีผ้าปักหรือภาพปักด้วยมือฝีมือประณีตและสวยงาม หรือจะเป็นกระเป๋าปักก็ได้ใจไม่แพ้กัน มีหลายขนาดทั้งใบเล็กใส่เศษสตางค์จนขนาดใบใหญ่ใส่ได้ทุกสิ่ง ส่วนรูปทรงของกระเป๋าก็ไม่ต้องห่วง ไม่ดูแก่เกินและไม่เด็กกระชากวัย
นอกจากนี้ยังมีพวกอัญมณี ของเก่า ไม้แกะสลัก ของที่ระลึกกระจุ๊กกระจิ๊กมากมาย ให้เลือกชอปกันอย่างสนุกสนานเพลินใจ แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนนะว่า เวลาถามราคาสินค้าให้ถามทั้งเป็นราคาเงินบาทไทย และราคาเงินดองเวียดนาม เพราะบางร้านค้าหากจ่ายเป็นเงินบาทจะถูกกว่า บางร้านจ่ายเงินบาทแล้วแพงกว่าเงินดองก็มี ฉะนั้นฉันแนะนำว่าให้ถามราคาทั้ง 2 สกุลเงิน แล้วมาคำนวณคร่าวๆเอาเองจะคุ้มกว่า สนนราคาก็ต่อรองได้อย่างเมามัน แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะคนที่นี่โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ขายจะพูดภาษาไทยฟังภาษาไทยได้ดีเชียวหละ
อ้อ..แล้วขอบอกต่ออีกหน่อยว่า มีคนเล่าให้ฉันฟังระหว่างเดินทางว่า "ถ้าเราเข้าไปถามราคาร้านหนึ่งแล้วไม่ซื้อ แต่เดินเข้าไปถามราคาอีกร้านหนึ่งแม้ราคาเท่ากันแต่เราตกลงซื้อร้านนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหันหลังกลับมาดูจะเห็นแม่ค้า 2 ร้านที่เราไปถามราคาตบกัน อย่าตกใจไปเพราะแม่ค้าที่นี่เขาเป็นประเภทว่า คุณลูกค้าซื้อร้านอื่นไม่เป็นไร แต่เดี๋ยวฉันตามไปจัดการกับคนขายของร้านอื่นเอง"
เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ฉันก็ไม่รู้ แต่ก็ทำให้ฉันไม่กล้าทำแบบนั้นไปเลย หากจะซื้อก็จะฝากคนอื่นถือ หรือกลับมาซื้อทีหลัง เพราะฉันไม่อยากเสียวสันหลังเวลาเดินจากร้านนั้นๆไป
ระหว่างทางที่เดินดูวัฒนธรรม บ้านเรือน และสินค้า ฉันเจอกับวัดวัดหนึ่งเหมือนวัดจีนดูสวยงามสะอาดตา ไกด์บอกว่าวัดนี้คือวัดของชาวจีนฮกเกี้ยน ที่ได้รับการบูรณะให้สวยงามเป็นอันดับ 1 ของฮอยอัน ด้านในของวัดมีเทพเจ้า เจ้าแม่หลายองค์ที่ชาวฮกเกี้ยนนับถือ และที่เห็นจะแปลกตาไปจากบ้านเราก็คงเป็นการทำบุญ โดยใช้พิธีกรรมอย่างหนึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าอย่างไร
โดยจะมีธูปขนเป็นวงทรงกรวยขนาดใหญ่ ผู้ทำบุญขอพรจะต้องเขียนชื่อ นามสกุล วัน-เดือน-ปี เกิดลงบนแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดสีเหลือง แล้วมาแขวนไว้กลางขดธูปสีแดงทรงกรวย ซึ่งขดธูปนี้จะแขวงไว้ด้านบนอีกทีหนึ่ง เราจะทำบุญเพียงคนเดียวหรือร่วมด้วยช่วยกันหลายคนก็ได้ ธูป1ขดน่าจะราคาประมาณ 800 บาทกระมังฉันก็ไม่แน่ใจนัก เนื่องจากตอนนั้นร่วมกันทำบุญหลายคน
จากนั้นก็ให้เจ้าหน้าที่สวดมนต์แล้วพวกเราก็จะใช้ไม้ยาวๆที่ด้านปลายมีไฟช่วยกันยื่นขึ้นไปจุดธูปพร้อมอธิฐานขอพร ชาวฮกเกี้ยนเชื่อว่าคำอธิฐานของเราจะลอยขึ้นไปพร้อมควันธูปไปถึงเจ้าแม่บนสวรรค์ โดยกว่าธูปจะหมดก็น่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
เมื่อพวกเราอิ่มบุญกันแล้ว ก็เดินเล่นชอปปิ้งพร้อมชมย่านเมืองเก่าแห่งนี้กันแบบไม่ยอมเหน็ดเหนื่อย แม้เส้นทางเดินเท้าของพวกเราจะเริ่มต้นขึ้นแบบแดดร้อนๆ แต่ความสนใจอยากรู้อยากเห็นและอยากชอปก็ทำให้พวกเราเพลิดเพลินอยู่ในย่านอนุรักษ์เมืองเก่าแห่งนี้อยู่หลายชั่วโมงทีเดียว เล่นเอาเงินในกระเป๋าร่อยหรอจนแทบจะหมดตัว ก็สมควรแก่เวลาที่จะต้องจากลาย่านเมืองเก่าฮอยอันไปเสียที บ๊ายบายฮอยอัน...ฉันรักเธอ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เมืองฮอยอัน (Hoi An) เป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ ในเขตจังหวัดกว่างนาม ทางตอนกลางของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ภาษาที่ใช้ทั้งภาษาเวียดนาม ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ใช้เงินได้ทั้งสกุลดอง บาท และดอลลาร์สหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอง 1 บาท ประมาณ 450-500 ดอง (อัตราแลกเปลี่ยน ณ ก.ย. 50)
สำหรับการเดินทางสู่ฮอยอันเส้นทางที่คนไทยนิยมไปกันมากคือ จากจังหวัดมุกดาหาร ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 สู่สะหวันนะเขต เข้าสู่ประเทศลาว จากนั้นเดินทางมุ่งหน้าสู่ด่านลาวบาวเพื่อข้ามแดนเข้าสู่ประเทศเวียดนาม เส้นทางนี้สามารถเดินทางต่อไปยังเมืองเว้ ดานัง ฮอยอันได้อย่างสะดวกสบาย อนึ่งรถทะเบียนประเทศไทยไม่สามารถข้ามแดนได้