"ชายหาดชะอำ" นั้นเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมานานแล้วในชื่อของแหล่งพักผ่อนตากอากาศที่ไม่ไกลกรุงเทพฯ สามารถเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับได้โดยไม่เหนื่อยมากนัก หรือหากจะค้างคืนก็มีโรงแรมรีสอร์ทมากมายหลายระดับให้เลือกพักตามความพอใจ
บ่อยครั้งที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เลือกเดินทางมาที่ชะอำเพียงเพื่อมาขี่จักรยานกินลมริมชายหาดยามเย็น หรือมานอนฟังเสียงคลื่นให้สบายใจสักคืนสองคืน คราวนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ได้มาเยือนชะอำ แต่กิจกรรมที่จะได้ทำวันนี้ มีมากมาย เพราะทางอำเภอชะอำเขากำลังมีงาน "เทศกาลกินหอย ดูนก ตกหมึก" ที่จัดขึ้นในวันที่ 28 กันยายน-7 ตุลาคม ซึ่งทั้งสามสิ่งที่ว่ามานั้น "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ได้ร่วมลองมาหมดแล้ว
มาเริ่มกันที่การ "กินหอย" กันก่อน เนื่องจากเพชรบุรีเป็นเมืองชายทะเล และอำเภอชะอำก็เป็นพื้นที่ชายฝั่งที่มีการเพาะเลี้ยงหอยมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหอยแครง หอยแมลงภู่ หอยนางรม และอาหารทะเลอีกหลากหลายชนิด แน่นอนว่าบรรดาหอยตัวโตๆ ปลาเนื้อแน่นๆ กุ้งสดๆ และปลาหมึกเนื้อหวานๆ ย่อมส่งตรงถึงโต๊ะอาหารแน่นอนในรูปแบบของ หอยแครงลวก หอยแมลงภู่นึ่ง กุ้งเผา ปลาหมึกย่างจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด ต้มยำโป๊ะแตก ปลาทอดราดน้ำพริก ฯลฯ
โอย... พูดไปแล้วก็น้ำลายจะไหล เอาเป็นว่าหากใครอยากจะลิ้มลองเมนูทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็ขอเชิญมาที่ชะอำกันได้ ซึ่งร้านอาหารทะเลในแถบนี้ก็มีให้เลือกมากมายหลายร้านหลายราคาเช่นกัน
และหากมาในช่วงงานเทศกาลกินหอย ดูนก ตกหมึก เขาก็จะมีการออกร้านขายอาหารทะเลกว่า 50 ร้าน โดยเฉพาะเมนูหอย และอาหารทะเลอื่นๆ ด้วย ซึ่งร้านเหล่านี้ก็มาจากโรงแรมและร้านอาหารต่างๆ ที่ขายกันอยู่ในอำเภอชะอำ ใครอยากชิมก็เชิญมาได้ที่จุดชมวิวของชายหาดชะอำแห่งนี้
หรือถ้าใครที่ไม่ชอบอะไรที่ได้มาง่ายๆ แต่อยากออกทะเลไปจับหมึกมาย่างกินด้วยตัวเอง หรือต้องการสัมผัสชีวิตชาวเล ก็ต้องไม่พลาดกิจกรรมการ "ตกหมึก" ซึ่งอันนี้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ขอคอนเฟิร์มว่าสนุกแน่ๆ แต่ต้องเป็นคนไม่กลัวคลื่นไม่กลัวน้ำ ยิ่งถ้ามีความสามารถในการอดทนกับอาการเมาเรือได้ระดับหนึ่งด้วยแล้วละก็ ยิ่งสนุกกับการตกหมึกกันสุดๆ ไปเลย
เราไปลงเรือกันที่ท่าเรือประมงใกล้กับสะพานปลาของหาดชะอำ เตรียมตัวไปล่าหมึกกัน เรือก็มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ถ้าลำเล็กหน่อยก็นั่งได้ 5-6 คน ลำใหญ่นั่งได้ 15 คน ส่วนตัวแล้ว "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ว่าเรือลำเล็กจะได้บรรยากาศมากกว่า แต่ก็มีข้อเสียเปรียบตรงที่เมื่อจอดอยู่กลางทะเลแล้วเรือจะโยนโคลงเคลงมากกว่าเรือลำใหญ่ อาจจะทำให้เมาเรือมากกว่า
เรือประมงของ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ที่มีลุงโปร่งเป็นคนขับเรือนั้น แล่นห่างออกจากฝั่งไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็ได้เห็นกุ้งตัวเล็กๆ สะท้อนแสงไฟดูเป็นสีเงินๆ กระโดดโลดเต้นอยู่บนผิวน้ำใกล้โขดหินอยู่เต็มไปหมด เมื่อเรือแล่นมาจนได้ตำแหน่งเหมาะคือห่างจากฝั่งไป 2-3 กิโลเมตร ระดับน้ำลึกประมาณ 12 เมตร ลุงโปร่งก็จัดแจงทอดสมอ แล้วแจกอุปกรณ์ให้แก่พวกเรา ซึ่งก็คือโยทะกา หรือเบ็ดตกหมึก ที่หน้าตาต่างจากเบ็ดธรรมดาตรงที่มีตะขอเบ็ดรอบด้าน เรียกว่าหากหมึกว่ายมาโดนโยทะกาเมื่อไร ก็ไม่แคล้วต้องโดนสอยขึ้นมากินแน่ๆ
หลังจากทอดสมอและแจกอุปกรณ์ให้เราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลุงโปร่งก็เริ่มต้นหลอกล่อหมึกมาให้พวกเราตกกัน ด้วยการกางแผงไฟนีออนออกจากลำเรือทั้งสองด้าน หลอดไฟเหล่านี้มีแหล่งพลังงานมาจากไดนาโมที่ใช้ปั่นไฟ จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกเรือไดหมึกนั่นเอง
หมึกก็เหมือนแมงเม่าตรงที่ชอบเล่นกับไฟ พอเปิดไฟล่อเข้าหน่อยก็ว่ายตรงรี่เข้ามาเชียว ลุงโปร่งส่งสัญญาณให้เราหย่อนโยทะกาลงน้ำ แล้วก็สาวเบ็ดขึ้นๆ ลงๆ สักพักก็มีผู้โชคดีตกหมึกขึ้นมาได้เป็นตัวแรก ลุงโปร่งบอกว่า หากเป็นชาวประมงมืออาชีพเขาจะใช้แหครอบจับหมึกตอนที่มันมาเล่นไฟ จับได้ทั้งหมึกกล้วย หมึกกระดอง บางครั้งจับได้เกือบร้อยกิโลกรัมก็ได้กำไร บางครั้งจับได้น้อยก็ขาดทุนบ้าง สลับๆ กันไป
นั่งตกหมึกกันไปได้อีกสักพัก บรรดาลูกเรือก็เริ่มเกิดอาการอยากคายของเก่า ทั้งที่ยังอยากตกหมึกต่อ แต่ก็ทนความพะอืดพะอมไม่ไหว เลยขอให้ลุงโปร่งช่วยพากลับฝั่งเสียที ลุงโปร่งก็ใจดีและคงไม่อยากให้เรือเปื้อน เลยทำตามที่ร้องขอ เป็นอันว่า "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็ได้กลับมาพักผ่อนที่โรงแรมในหาดชะอำ นอนหลับนิ่งสนิทไม่ฝันอะไรเลยในคืนนั้น
พอรุ่งเช้าจึงตื่นมาด้วยความสดชื่น เตรียมพร้อมกับกิจกรรมสุดท้ายคือการ "ดูนก" ซึ่งจังหวัดเพชรบุรีนี้ มีแหล่งดูนกอันดับหนึ่งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แต่ในชะอำก็เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่มีนกให้ดูหลากหลายชนิดด้วยกัน เช่นที่วนอุทยานเขานางพันธุรัตและทุ่งตะกาดพลี ไม่ห่างจากหาดชะอำมากนัก โดยจะมีนกประจำถิ่นอยู่กว่า 160 ชนิด และในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ก็จะมีนกอพยพบินมาให้ดูกันอีกด้วย
"ผู้จัดการท่องเที่ยว" เริ่มดูนกที่ทุ่งตะกาดพลีก่อนเป็นที่แรก ที่นี่เราได้ส่องกล้องดูนกเห็นนกกาน้ำเล็ก เกาะอยู่บนเสา กำลังกางปีกนิ่งอยู่อย่างนั้น ซึ่งการที่มันทำเช่นนั้นก็เพราะว่า ขนของนกกาน้ำนี้ไม่มีต่อมน้ำมัน เมื่อมันดำน้ำไปจับปลาแล้วขนปีกก็จะเปียก จึงต้องกางปีกผึ่งแดดให้แห้งสนิท และนอกจากนั้นแล้วก็ยังมีนกอื่นๆ เช่น นกยาง ฯลฯ
ด้านหลังทุ่งตะกาดพลี เราจะมองเห็นภูเขาสูงๆ ต่ำ ทอดยาวตามแนวนอน ภูเขาด้านหลังนี้ก็คือวนอุทยานเขานางพันธุรัต ซึ่งหากใช้จินตนาการช่วยในการมองเห็นแล้ว ภูเขาที่ทอดยาวอยู่นั้นก็จะดูคล้ายนางยักษ์พันธุรัต แม่บุญธรรมของพระสังข์ที่นอนอกแตกตายด้วยความเสียใจหลังจากที่พระสังข์หนีจากไปเมื่อรู้ว่าแม่บุญธรรมเป็นนางยักษ์
ใกล้กับเขานางพันธุรัตนี้เป็นพื้นที่ทำนาของชาวบ้าน ที่นี่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็ได้ส่องกล้องเห็นรังนกกระจาบบนต้นตาลสูง ไม่รู้ว่าต้นตาลต้นนี้มีอะไรดีนกกระจาบถึงมาทำรังกันเต็มไปหมด โดยรังเหล่านี้เจ้านกกระจาบตัวผู้จะสร้างขึ้นมาเอง เพื่อให้ตัวเมียเลือก หรือถ้าตัวเมียไม่เลือกก็จะทิ้งรังไปสร้างรังใหม่ต่อไป แต่บางตัวก็เกิดเสียดายรังเก่า เลยต่อเติมรังเก่าให้กลายเป็นรังใหม่ กลายเป็นคอนโดนกกระจาบก็มี นอกจากนั้นก็ยังมีนกเทียน นกตะขาบทุ่ง นกกระแตแต้แว้ด ฯลฯ ที่นักดูนกน่าจะชอบใจอีกมาก
นอกจากการดูนกแล้ว "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็ยังได้ขึ้นไปเที่ยวชมสิ่งต่างๆ บนเขานางพันธุรัตด้วย ด้านบนนั้นมีจุดชมวิวสวยๆ หลายจุด และมีชื่อเรียกไปตามเนื้อเรื่องสังข์ทอง เช่น บ่อชุบตัวพระสังข์ กระจกนางพันธุรัต เมรุนางพันธุรัต เป็นต้น และหากโชคดี ก็จะได้เจอค่างแว่นถิ่นใต้ ไก่ป่า และนกต่างๆ อีกด้วย
เป็นอันว่า "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็ได้ทำสามสิ่งตามชื่อของงานเทศกาลไปเรียบร้อยแล้ว แต่ในอำเภอชะอำยังไม่หมดสิ่งที่น่าสนใจแต่เพียงเท่านี้ ก่อนกลับอย่าลืมแวะเที่ยวชม "พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน" ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับแรมและทรงพระสำราญในฤดูร้อน ใครที่เคยมาเห็นพระราชนิเวศน์แห่งนี้แล้วก็คงต้องประทับใจกับความสวยงามของอาคารไม้สักทองริมทะเล จุดที่สวยที่สุดคงเป็นระเบียงทอดยาวตรงไปยังศาลาลงสรงริมทะเล ที่มีเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์ของพระราชนิเวศน์แห่งนี้มากที่สุด
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"งานเทศกาลกินหอย ดูนก ตกหมึก ประจำปี 2550" ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จะมีขึ้นในวันที่ 28 กันยายน-7 ตุลาคม 2550 ค่าใช้จ่ายในการลงเรือตกหมึกคือ 200 บาท/คน/1 ช.ม. ส่วนการดูนก มีบริการนำดูนกฟรีโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ติดต่อได้บริเวณที่ทำการวนอุทยานเขานางพันธุรัต สอบถามรายละเอียดกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลางเขต 2 โทร.0-3247-1005 ถึง 6
การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ฤาจะกลายเป็นตำนาน...ต้นตาลเมืองเพชร
"ปู่เย็น"...พรีเซนเตอร์ บทบาทใหม่ เฒ่าทระนง
"เพชรบุรีเมืองงามสามวัง"
ชวนชม ชวนชิม ของเด็ดขึ้นชื่อ “เมืองเพชรบุรี”
ล่องคายักปากเขื่อนเพชร เดินป่าไนท์ซาฟารี
เพชรบุรี เมืองขนมหวาน ตำนานแห่งเวียงวัง / วินิจ รังผึ้ง
ปีนผา...สำรวจถ้ำ บทพิสูจน์ใจเหนือแรงโน้มถ่วง
“เพชรบุรี”จังหวัดเดียว เที่ยวได้ 3 วัง