โดย : แสงจันทร์

“หากฟากฟ้ามีสรวงสวรรค์ บนผืนปฐพีก็มีซู – หัง” คำเปรียบเปรยถึงความงดงามราวสรวงสวรรค์ของ ซูโจว และ หังโจว เป็นที่เลื่องลือมาตั้งแต่อดีตกาลจวบจนปัจจุบัน
ทัศนียภาพอันงดงามและวิจิตรตระการตาจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติและฝีมือชนชาวจีนผู้สืบทอดอารยธรรมแห่งตะวันออกมานมนานหลายพันปี ยังได้รับการรักษาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาและพัฒนาสู่เมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของจีนในเวลานี้
ทริปท่อง หังโจว – ซูโจว ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก รวมถึงชาวจีนในแผ่นดินจีนและชาวจีนจากแผ่นดินไทยรวมทั้งคนไทยเองไม่น้อย ซึ่งคณะสื่อมวลชนไทยที่ได้รับเชิญจากอาศรมสยาม-จีนวิทยา ภายใต้ ซีพี เซเว่น อีเลฟเว่น เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็เป็นหนึ่งในกรุ๊ปทัวร์ที่เลือกท่องเมืองสวรรค์บนดินแห่งนี้
หังโจว เป็นเมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียง ราชธานีโบราณ 1 ใน 7 ของประวัติศาสตร์จีนแห่งนี้ (ราชธานีโบราณ ประกอบด้วย ซีอาน, ปักกิ่ง, ลั่วหยาง ไคฟง อานหยาง, หังโจว และนานกิง) เพิ่งได้รับรางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุด 1 ใน 3 ของจีนจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติและองค์การท่องเที่ยวของสหประชาชาติเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

หังโจว มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึงสองพันสองร้อยปี มีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดเมื่อราชวงศ์ซ่ง ตัดสินใจย้ายเมืองหลวงจากไคฟง ที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเหลือง ลงมายังหังโจว ที่อยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง เพื่อหลีกหนีการรุกรานของชนเผ่าจิน และได้ตั้งราชวงศ์ซ่งใต้ขึ้น (ค.ศ. 1127 – 1279)
หังโจว มีทะเลสาบ “ซีหู” หรือทะเลสาบตะวันตกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังนับจากอดีตถึงปัจจุบัน ทะเลสาบซีหู มีพื้นที่ 5.6 ตร.กม. ล้อมรอบด้วยภูเขาสามด้าน อีกด้านหนึ่งติดกับเมือง สมัยที่ ซูตงปอ กวีเอกสมัยราชวงศ์ซ่ง เป็นเจ้าเมืองหังโจว ได้สั่งให้ขุดลอกทะเลสาบแห่งนี้จากแต่เดิมที่มีความลึกเพียงครึ่งเมตรเป็น 1.8 เมตร เพื่อระบายน้ำแล้วนำดินมาทำเป็นทำนบหรือเขื่อนเพื่อกั้นน้ำขึ้นในทะเลสาบแห่งนี้ และกลายเป็นถนนเชื่อมทะเลสาบจากแนวเหนือ-ใต้ และตะวันออก – ตะวันตก แบ่งซีหูออกเป็นทะเลสาบขนาดเล็ก 5 แห่ง
เสน่ห์ของ ซีหู ที่นักท่องเที่ยวไม่ยอมพลาดคือ การล่องเรือชมทัศนียภาพรอบทะเลสาบดื่มด่ำบรรยากาศบนเรือย้อนยุคเหมือนในหนังจีนกำลังภายใน แต่ด้วยอากาศในเดือนสิงหาคมที่ร้อนอบอ้าว กรุ๊ปทัวร์ท่องเที่ยวมักจะล่องเรือติดแอร์ชมทัศนียภาพผ่านกระจกใสแทน

ซีหู ทะเลสาบที่มีทิวทัศน์สวยงาม มีเรื่องเล่ามากมาย ทั้งตำนานการก่อเกิดจากไข่มุก ทั้งนิยายรักโศกเศร้าเคล้าน้ำตา ดังเช่น “นางพญางูขาว” ทำให้ ซีหู คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทุกฤดูกาล
เมืองหังโจว ยังได้ปรับปรุงทะเลสาบซีหู ด้วยการปลูกต้นหลิวโดยรอบ ทำสวนดอกไม้ตามฤดูกาล ทำให้นักท่องเที่ยวขนานนามว่า “พฤกษาในนครินทร์” นับเป็นการผสมผสานเสน่ห์จากธรรมชาติและฝีมือตกแต่งของมนุษย์ ขับเน้นให้หังโจวโดดเด่นด้านท่องเที่ยวอันดับหนึ่งไม่เสื่อมคลาย
ใกล้ๆ กับทะเลสาบซีหู ยังมีสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์จีนอีกแห่งหนึ่ง คือ ศาลเจ้าและสุสานงักฮุย หนึ่งในวีรบุรุษผู้รักชาติที่ถูกประหารเพราะถูกขุนนางกังฉินให้ร้าย
เรื่องราวของงักฮุย เป็นอุทธาหรณ์สอนคนรุ่นหลังให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ กตัญญูรู้คุณแผ่นดิน ดังอักษรจีน 4 ตัวที่มารดาของเขาสลักไว้บนแผ่นหลังของบุตรชายก่อนไปรับใช้ชาติว่า “จิ้นจงเป้ากั๋ว” แปลว่า “รู้รักภักดี พลีชีพเพื่อชาติ” นี่ถ้าหากอดีตนายกรัฐมนตรีคนก่อนของไทยหรือข้าราชการจอมคด จะเอาอย่างบ้างก็น่าจะดีไม่น้อย

งักฮุย หรือ “เย่ว์เฟย” เกิดในปลายราชวงศ์ซ่งเหนือ ที่มณฑลเหอหนาน ในช่วงวัยหนุ่มราชวงศ์ซ่งเหนือถูกพวกจินรุกราน จับตัวฮ่องเต้ไปเป็นเชลยศึกจนนำไปสู่จุดจบของราชวงศ์ซ่งเหนือ งักฮุย จึงตั้งปณิธานว่าจะกอบกู้ชาติกลับคืนมาโดยสมัครเข้าเป็นทหารในยุคราชวงศ์ซ่งใต้ ที่ย้ายเมืองหลวงจากไคฟงมาอยู่ที่หลินอันหรือหังโจวในปัจจุบัน
งักฮุย สู้รบข้าศึกจนมีผลงานเข้าตาแม่ทัพจงเจ๋อ และแม่ทัพก็ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาการศึกให้งักฮุย เมื่อ จงเจ๋อ เสียชีวิต งักฮุย ก็สืบทอดตำแหน่งแม่ทัพและได้เป็นแม่ทัพใหญ่ในขณะอายุเพียง 32 ปีเท่านั้น
ชื่อเสียงของงักฮุยด้านการรบ ความเข้มงวดในระเบียบวินัย ทำให้กองทัพของงักฮุย แข็งแกร่งสามารถรบชนะชนเผ่าจินทุกครั้งที่ทำศึก กระทั่งมีคำกล่าวว่า “โยกภูเขานั้นง่าย คลอนทัพงักฮุยนั้นยากยิ่ง” งักฮุยตะลุยรบขึ้นทางเหนือยึดดินแดนคืนมากมาย กระทั่งต่อมาเขาถูก “ฉินฮุ่ย” ขุนนางกังฉินที่เป็นใส้ศึกให้กับชนเผ่าจินใส่ร้ายว่าเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาสงบศึกกับเผ่าจิน
การปั้นเรื่องให้ร้ายงักฮุยต่างๆ นาๆ ของ ฉินฮุ่ย ทำให้งักฮุยต้องถูกประหารชีวิตในที่สุด ชาวเมืองซึ่งรักและเคารพงักฮุยได้นำศพของเขามาทำพิธีฝังศพและต่อมาได้ย้ายหลุมศพงักฮุยมาไว้ริมทะเลสาบซีหู คนรุ่นต่อมาได้ยกย่องให้งักฮุยเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์และรักชาติ เหมือนกับเทพเจ้ากวนอู
ส่วนฉินฮุ่ย นายกรัฐมนตรีกังฉินผู้ขายชาติและภรรยา ชาวเมืองได้ระบายแค้นด้วยการปั้นแป้งสองชิ้นมาบีบติดกันแล้วทอดกิน เรียกว่า “ปาท่องโก๋” หรือ อิ่วจาก้วย ซึ่งการนำชื่อฉินฮุ่ย มาทอดน้ำมันและนำมาเป็นอาหารก็เพื่อให้คนรุ่นหลังได้จดจำการกระทำของผู้ทรยศต่อประเทศชาติ
ปัจจุบัน รูปปั้นของเทพเจ้างักฮุยเด่นสง่าน่าเกรงขามเป็นที่เคารพยกย่องของชาวจีน แต่รูปปั้นนั่งคุกเข่าเอามือไพล่หลังของคนขายชาติคือ ฉินฮุ่ย-ภรรยา และม่อฉีเซี่ย – จ้างจุ้น ถูกดูถูกเหยียดหยามถ่มน้ำลายรดจนต้องติดประกาศห้ามถ่มน้ำลายเพื่อสุขอนามัย

นอกจากศาลเจ้างักฮุยแล้ว อาณาบริเวณ 60 ตร.กม.ที่มีทะเลสาบซีหูเป็นใจกลาง ยังมีสถานที่น่าท่องเที่ยวอีกมากมายกว่า 40 แห่ง มีโบราณสถานกว่า 30 แห่ง ทั้งวัดวาอาราม ภูเขา สวน ธารน้ำ ฯลฯ
ในบรรดาวัดเก่าแก่ที่อยู่ทางทิศใต้ใกล้ทะเลสาบซีหู ก็คือ วัดจี้กง วัดโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขานานผิง สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์โจว วัดนี้ได้รับการบูรณะหลายครั้ง ภายในมีพระโพธิสัตย์กวนอิมพันกร รูปปั้นพระจี้กง และมีหอระฆังที่บรรจุระฆังทองแดงหนัก 40 ตัน ที่ชาวญี่ปุ่นมอบให้ในปี 1986
วัดจี้กงมีระฆังดีที่ได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสิบของดีแห่งซีหู ระฆังเทพเก้ามังกรของวัดจะถูกเคาะวันละ 108 ครั้ง และทุกวันสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมาฟังเสียงระฆังเที่ยงคืนเพื่อต้อนรับปีใหม่
ใกล้ๆ กับซีหู ยังมีหมู่บ้านใบชาบ่อมังกร หรือใบชาหลงจิ่ง อันเป็นชาที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของเมืองหังโจว หมู่บ้านใบชาแห่งนี้เป็นหนึ่งในกิจการของรัฐบาลจีนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวศึกษาและชมกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนกว่าจะมาเป็นใบชาในกระป๋อง

ด้วยศิลปะการขาย การอธิบายถึงอรรถประโยชน์ลดไขมัน ลดสารพิษ ทำให้นักท่องเที่ยว ต่างควักกระเป๋าซื้อชาในสนนราคากระป๋องละ 200- 300 หยวน (1,000 – 1,500 บาท : 1 หยวน ประมาณ 5 บาท) เป็นของฝาก
ไฮไลต์ทริปท่องหังโจว จบลงด้วยการชมเมืองจำลองราชวงศ์ซ่ง และการแสดงแสง สี เสียง ตระการตา เพื่อบอกเล่าประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สมัยราชวงศ์ซ่งรุ่งเรืองทั้งทางเศรษฐกิจ ศิลปวัฒนธรรม รวมถึงตำนานนางพญางูขาวแห่งซีหู...(อ่านต่อตอนหน้า)
“หากฟากฟ้ามีสรวงสวรรค์ บนผืนปฐพีก็มีซู – หัง” คำเปรียบเปรยถึงความงดงามราวสรวงสวรรค์ของ ซูโจว และ หังโจว เป็นที่เลื่องลือมาตั้งแต่อดีตกาลจวบจนปัจจุบัน
ทัศนียภาพอันงดงามและวิจิตรตระการตาจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติและฝีมือชนชาวจีนผู้สืบทอดอารยธรรมแห่งตะวันออกมานมนานหลายพันปี ยังได้รับการรักษาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาและพัฒนาสู่เมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของจีนในเวลานี้
ทริปท่อง หังโจว – ซูโจว ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก รวมถึงชาวจีนในแผ่นดินจีนและชาวจีนจากแผ่นดินไทยรวมทั้งคนไทยเองไม่น้อย ซึ่งคณะสื่อมวลชนไทยที่ได้รับเชิญจากอาศรมสยาม-จีนวิทยา ภายใต้ ซีพี เซเว่น อีเลฟเว่น เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็เป็นหนึ่งในกรุ๊ปทัวร์ที่เลือกท่องเมืองสวรรค์บนดินแห่งนี้
หังโจว เป็นเมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียง ราชธานีโบราณ 1 ใน 7 ของประวัติศาสตร์จีนแห่งนี้ (ราชธานีโบราณ ประกอบด้วย ซีอาน, ปักกิ่ง, ลั่วหยาง ไคฟง อานหยาง, หังโจว และนานกิง) เพิ่งได้รับรางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุด 1 ใน 3 ของจีนจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติและองค์การท่องเที่ยวของสหประชาชาติเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
หังโจว มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึงสองพันสองร้อยปี มีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดเมื่อราชวงศ์ซ่ง ตัดสินใจย้ายเมืองหลวงจากไคฟง ที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเหลือง ลงมายังหังโจว ที่อยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง เพื่อหลีกหนีการรุกรานของชนเผ่าจิน และได้ตั้งราชวงศ์ซ่งใต้ขึ้น (ค.ศ. 1127 – 1279)
หังโจว มีทะเลสาบ “ซีหู” หรือทะเลสาบตะวันตกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังนับจากอดีตถึงปัจจุบัน ทะเลสาบซีหู มีพื้นที่ 5.6 ตร.กม. ล้อมรอบด้วยภูเขาสามด้าน อีกด้านหนึ่งติดกับเมือง สมัยที่ ซูตงปอ กวีเอกสมัยราชวงศ์ซ่ง เป็นเจ้าเมืองหังโจว ได้สั่งให้ขุดลอกทะเลสาบแห่งนี้จากแต่เดิมที่มีความลึกเพียงครึ่งเมตรเป็น 1.8 เมตร เพื่อระบายน้ำแล้วนำดินมาทำเป็นทำนบหรือเขื่อนเพื่อกั้นน้ำขึ้นในทะเลสาบแห่งนี้ และกลายเป็นถนนเชื่อมทะเลสาบจากแนวเหนือ-ใต้ และตะวันออก – ตะวันตก แบ่งซีหูออกเป็นทะเลสาบขนาดเล็ก 5 แห่ง
เสน่ห์ของ ซีหู ที่นักท่องเที่ยวไม่ยอมพลาดคือ การล่องเรือชมทัศนียภาพรอบทะเลสาบดื่มด่ำบรรยากาศบนเรือย้อนยุคเหมือนในหนังจีนกำลังภายใน แต่ด้วยอากาศในเดือนสิงหาคมที่ร้อนอบอ้าว กรุ๊ปทัวร์ท่องเที่ยวมักจะล่องเรือติดแอร์ชมทัศนียภาพผ่านกระจกใสแทน
ซีหู ทะเลสาบที่มีทิวทัศน์สวยงาม มีเรื่องเล่ามากมาย ทั้งตำนานการก่อเกิดจากไข่มุก ทั้งนิยายรักโศกเศร้าเคล้าน้ำตา ดังเช่น “นางพญางูขาว” ทำให้ ซีหู คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทุกฤดูกาล
เมืองหังโจว ยังได้ปรับปรุงทะเลสาบซีหู ด้วยการปลูกต้นหลิวโดยรอบ ทำสวนดอกไม้ตามฤดูกาล ทำให้นักท่องเที่ยวขนานนามว่า “พฤกษาในนครินทร์” นับเป็นการผสมผสานเสน่ห์จากธรรมชาติและฝีมือตกแต่งของมนุษย์ ขับเน้นให้หังโจวโดดเด่นด้านท่องเที่ยวอันดับหนึ่งไม่เสื่อมคลาย
ใกล้ๆ กับทะเลสาบซีหู ยังมีสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์จีนอีกแห่งหนึ่ง คือ ศาลเจ้าและสุสานงักฮุย หนึ่งในวีรบุรุษผู้รักชาติที่ถูกประหารเพราะถูกขุนนางกังฉินให้ร้าย
เรื่องราวของงักฮุย เป็นอุทธาหรณ์สอนคนรุ่นหลังให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ กตัญญูรู้คุณแผ่นดิน ดังอักษรจีน 4 ตัวที่มารดาของเขาสลักไว้บนแผ่นหลังของบุตรชายก่อนไปรับใช้ชาติว่า “จิ้นจงเป้ากั๋ว” แปลว่า “รู้รักภักดี พลีชีพเพื่อชาติ” นี่ถ้าหากอดีตนายกรัฐมนตรีคนก่อนของไทยหรือข้าราชการจอมคด จะเอาอย่างบ้างก็น่าจะดีไม่น้อย
งักฮุย หรือ “เย่ว์เฟย” เกิดในปลายราชวงศ์ซ่งเหนือ ที่มณฑลเหอหนาน ในช่วงวัยหนุ่มราชวงศ์ซ่งเหนือถูกพวกจินรุกราน จับตัวฮ่องเต้ไปเป็นเชลยศึกจนนำไปสู่จุดจบของราชวงศ์ซ่งเหนือ งักฮุย จึงตั้งปณิธานว่าจะกอบกู้ชาติกลับคืนมาโดยสมัครเข้าเป็นทหารในยุคราชวงศ์ซ่งใต้ ที่ย้ายเมืองหลวงจากไคฟงมาอยู่ที่หลินอันหรือหังโจวในปัจจุบัน
งักฮุย สู้รบข้าศึกจนมีผลงานเข้าตาแม่ทัพจงเจ๋อ และแม่ทัพก็ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาการศึกให้งักฮุย เมื่อ จงเจ๋อ เสียชีวิต งักฮุย ก็สืบทอดตำแหน่งแม่ทัพและได้เป็นแม่ทัพใหญ่ในขณะอายุเพียง 32 ปีเท่านั้น
ชื่อเสียงของงักฮุยด้านการรบ ความเข้มงวดในระเบียบวินัย ทำให้กองทัพของงักฮุย แข็งแกร่งสามารถรบชนะชนเผ่าจินทุกครั้งที่ทำศึก กระทั่งมีคำกล่าวว่า “โยกภูเขานั้นง่าย คลอนทัพงักฮุยนั้นยากยิ่ง” งักฮุยตะลุยรบขึ้นทางเหนือยึดดินแดนคืนมากมาย กระทั่งต่อมาเขาถูก “ฉินฮุ่ย” ขุนนางกังฉินที่เป็นใส้ศึกให้กับชนเผ่าจินใส่ร้ายว่าเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาสงบศึกกับเผ่าจิน
การปั้นเรื่องให้ร้ายงักฮุยต่างๆ นาๆ ของ ฉินฮุ่ย ทำให้งักฮุยต้องถูกประหารชีวิตในที่สุด ชาวเมืองซึ่งรักและเคารพงักฮุยได้นำศพของเขามาทำพิธีฝังศพและต่อมาได้ย้ายหลุมศพงักฮุยมาไว้ริมทะเลสาบซีหู คนรุ่นต่อมาได้ยกย่องให้งักฮุยเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์และรักชาติ เหมือนกับเทพเจ้ากวนอู
ส่วนฉินฮุ่ย นายกรัฐมนตรีกังฉินผู้ขายชาติและภรรยา ชาวเมืองได้ระบายแค้นด้วยการปั้นแป้งสองชิ้นมาบีบติดกันแล้วทอดกิน เรียกว่า “ปาท่องโก๋” หรือ อิ่วจาก้วย ซึ่งการนำชื่อฉินฮุ่ย มาทอดน้ำมันและนำมาเป็นอาหารก็เพื่อให้คนรุ่นหลังได้จดจำการกระทำของผู้ทรยศต่อประเทศชาติ
ปัจจุบัน รูปปั้นของเทพเจ้างักฮุยเด่นสง่าน่าเกรงขามเป็นที่เคารพยกย่องของชาวจีน แต่รูปปั้นนั่งคุกเข่าเอามือไพล่หลังของคนขายชาติคือ ฉินฮุ่ย-ภรรยา และม่อฉีเซี่ย – จ้างจุ้น ถูกดูถูกเหยียดหยามถ่มน้ำลายรดจนต้องติดประกาศห้ามถ่มน้ำลายเพื่อสุขอนามัย
นอกจากศาลเจ้างักฮุยแล้ว อาณาบริเวณ 60 ตร.กม.ที่มีทะเลสาบซีหูเป็นใจกลาง ยังมีสถานที่น่าท่องเที่ยวอีกมากมายกว่า 40 แห่ง มีโบราณสถานกว่า 30 แห่ง ทั้งวัดวาอาราม ภูเขา สวน ธารน้ำ ฯลฯ
ในบรรดาวัดเก่าแก่ที่อยู่ทางทิศใต้ใกล้ทะเลสาบซีหู ก็คือ วัดจี้กง วัดโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขานานผิง สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์โจว วัดนี้ได้รับการบูรณะหลายครั้ง ภายในมีพระโพธิสัตย์กวนอิมพันกร รูปปั้นพระจี้กง และมีหอระฆังที่บรรจุระฆังทองแดงหนัก 40 ตัน ที่ชาวญี่ปุ่นมอบให้ในปี 1986
วัดจี้กงมีระฆังดีที่ได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสิบของดีแห่งซีหู ระฆังเทพเก้ามังกรของวัดจะถูกเคาะวันละ 108 ครั้ง และทุกวันสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมาฟังเสียงระฆังเที่ยงคืนเพื่อต้อนรับปีใหม่
ใกล้ๆ กับซีหู ยังมีหมู่บ้านใบชาบ่อมังกร หรือใบชาหลงจิ่ง อันเป็นชาที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของเมืองหังโจว หมู่บ้านใบชาแห่งนี้เป็นหนึ่งในกิจการของรัฐบาลจีนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวศึกษาและชมกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนกว่าจะมาเป็นใบชาในกระป๋อง
ด้วยศิลปะการขาย การอธิบายถึงอรรถประโยชน์ลดไขมัน ลดสารพิษ ทำให้นักท่องเที่ยว ต่างควักกระเป๋าซื้อชาในสนนราคากระป๋องละ 200- 300 หยวน (1,000 – 1,500 บาท : 1 หยวน ประมาณ 5 บาท) เป็นของฝาก
ไฮไลต์ทริปท่องหังโจว จบลงด้วยการชมเมืองจำลองราชวงศ์ซ่ง และการแสดงแสง สี เสียง ตระการตา เพื่อบอกเล่าประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สมัยราชวงศ์ซ่งรุ่งเรืองทั้งทางเศรษฐกิจ ศิลปวัฒนธรรม รวมถึงตำนานนางพญางูขาวแห่งซีหู...(อ่านต่อตอนหน้า)