xs
xsm
sm
md
lg

“คัปปาโดเกีย” พิภพมหัศจรรย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : เหล็งฮู้ชง

ในยุค 4 G ที่โลกก้าวล้ำไปไกล แต่ที่คัปปาโดเกียดินแดนทางตอนกลางของประเทศตุรกี กลับยังมีคนอาศัยอยู่ในดินอยู่ในบ้านถ้ำทั่วบริเวณไปหมด แต่ก็อย่าได้เข้าใจว่าพวกเขาล้าหลังหรือเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ยอมพัฒนาตามโลกล่ะ เพราะนี่เป็นวิถีที่พวกเขาปฏิบัติสืบต่อกันมานานนับพันปีแล้ว

คัปปาโดเกีย(Cappadocia) เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์(ชนเผ่ารุ่นแรกๆที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้)แปลว่า“ดินแดนม้าพันธุ์ดี” (ที่ในวันนี้ก็ยังมีการเลี้ยงม้าอยู่)ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกี(หรืออนาโตเลียตอนกลาง)เป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว(ปัจจุบันภูเขาไฟทั้ง 2 ดับแล้ว) ทำให้ลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา

จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกันกัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆนับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย(คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” ที่ในปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี

คัปปาโดเกีย มีอาณาบริเวณกว้างขวางนับพันตารางไมล์ ครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัด อาทิ นิจเด (Nigde),คีเชฮีร์ (Kirsehir) แต่จังหวัดที่โดดเด่นและมีคนนิยมไปเที่ยวกันมากที่สุดก็เห็นจะเป็นในเนฟเชฮีร์ เพราะมีดินแดนศักดิสิทธิ์อย่างเกอเรเม่(Göreme)เป็นศูนย์กลางและเป็นหัวใจสำคัญ

เข้าโบสถ์ถ้ำ ดำเมืองใต้ดิน

ก่อนที่ศาสนาคริสต์จะเผยแพร่เข้าในคัปปาโดเกีย ผู้คนแถบนี้มีเทพเจ้ากรีก-โรมันเป็นที่เคารพบูชา จนเมื่อประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 1 “เซนต์ปอล”ได้เดินทางมาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในเขตคัปปาโดเกีย แต่ดูเหมือนว่าชาวโรมันผู้ปกครองในยุคนั้นจะไม่ให้การยอมรับ ทำให้ผู้นับถือคริสต์ในคัปปาโดเกียต้องหลบซ่อนการรังควานของโรมันด้วยการเจาะถ้ำ ขุดพื้นดินลงไปเป็นอุโมงค์โถงห้องเกิดเป็นเมืองใต้ดินขึ้นมา ที่สำคัญก็คือพวกเขาได้ขุดเจาะบริเวณเกอเรเม่ทำเป็นโบสถ์ถ้ำจำนวนมาก

กระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 5-6 ชาวโรมันให้การยอมรับศาสนาคริสต์ โบสถ์ถ้ำต่างๆในเกอเรเม่ได้รับการปรับแต่ง โบสถ์หลายแห่งมีการวาดภาพจิตกรรมฝาผนังเป็นรูปนักบุญและเรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ที่ถือเป็นยุคทองของศาสนาคริสต์ โบสถ์ถ้ำหลายหลังได้รับการตกแต่งด้วยภาพจิตกรรมฝาผนังอย่างสวยงาม นับเป็นมรดกสำคัญของมวลมนุษยชาติ ที่ปัจจุบันกลายเป็น“พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่”อันทรงคุณค่าแห่งหนึ่งของโลก

สำหรับโบสถ์ถ้ำในเกอเรเม่นั้น ว่ากันว่ามีถึง 365 หลังด้วยกัน(สร้างตามจำนวนวันใน 1 ปี) แต่ว่าปัจจุบันเปิดให้ชมเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งก็มีโบสถ์เด่นๆชวนชมอย่าง โบสถ์มังกร ที่มีภาพม้า 2 ตัวสู้กับมังกร โบสถ์คาริกลิ ที่เป็นภาพเขียนสีเกี่ยวกับประวัติพระเยซู โบสถ์แอปเปิ้ล ที่ภายในวาดภาพพระเยซูและพระแม่มารี
ชาวคัปปาโดเกียอยู่อาศัยกันอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ
ส่วนโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุด เด่นที่สุด และสวยที่สุดก็เห็นจะเป็น“โบสถ์หัวเข็มขัด” (Buckle Church : ในศตวรรษที่ 10 )ที่ภาพภายในยังสมบูรณ์และดูงดงามไปด้วยเรื่องราวในศาสนาคริสต์ ทั้งภาพพระเยซูถูกตรึงไม้กางเขน ภาพลาสท์ซัปเปอร์ และภาพอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก

นอกจากบรรดาโบสถ์ถ้ำในเกอเรเม่แล้ว อีกจุดหนึ่งที่เราสามารถชมภูมิปัญญาของชาวคัปปาโดเกียยุคโบราณอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนก็คือที่“เมืองใต้ดินไคมัคลึ” (Kaymakli)ซึ่งเกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลงไปชนิดที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย เพราะไม่ใช่แค่ขุดเมืองใต้ดินลึก 1-2 ชั้น แต่ว่าได้ขุดลึกลงไป 6-7 ชั้น ไปจนถึง 10 กว่าชั้น โดยชั้นล่างที่ลึกที่สุด ลึกถึง 85 เมตรทีเดียว
หิน 3 หัวที่ปาชาบาค์
เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่าง ทั้งห้องโถง(โถงบางแห่งจุคนได้เป็นพันๆคน) ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ ซึ่งสาเหตุแท้จริงของการสร้างเมืองใต้ดินปัจจุบันยังสรุปไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ต่างลงความเห็นว่าเป็นการสร้างเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู(โดยเฉพาะพวกทหารโรมัน)ที่ยุคหนึ่งรุกรานชาวคัปปาโดเกียอย่างหนัก

แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นกลับถ่ายเท(คงเพราะการสร้างที่ดี)เย็นสบาย เนื่องจากเป็นหินภูเขาไฟ มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 17-18 องศาเซลเซียส หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น ทำให้ยามที่ลงไปท่องในเมืองใต้ดินนี่ผมรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเดินอยู่ในห้องแอร์ยังไงยั้งงั้นเลย

บ้านถ้ำ-คน-นก อิงแอบกลมกลืน ที่ “อุชหิซาร์”

จากเมืองใต้ดินหันมาดูเมืองบนดินที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเด่นของๆเมืองเนฟเชฮีร์กันบ้าง แห่งแรกคือ “ปาชาบาค์” ที่มีไฮไลท์อยู่ที่หิน 3 หัว(3 Head) หนึ่งในสัญลักษณ์แห่งคัปปาโดเกีย ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นท่ามกลางประติมากรรมธรรมชาติรูปร่างแปลกตามากมาย “เซลเว”ที่นี่เป็นแหล่งชุมชนสำคัญในอดีตเต็มไปด้วยธรรมชาติมหัศจรรย์มากมาย และ "อะวาโนส” ที่เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาขึ้นชื่อของคัปปาโดเกีย ส่วนอีกแห่งหนึ่งที่โดนใจผมมากก็เห็นจะเป็น“อุชหิซาร์”แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่อยู่ห่างจากเกอเรเม่ไปไม่ไกลเท่าใดนัก
“อุชหิซาร์”กับประติมากรรมธรรมชาติที่คนสามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้
อุชหิซาร์ เป็นพื้นที่ที่มีจุดเด่นคือภูเขาขนาดใหญ่มีรูพรุนเหมือนรวงผึ้ง รายล้อมไปด้วย หินทรงกระโจม กรวยคว่ำ และเจดีย์เต็มไปหมด ที่สำคัญก็คือส่วนหนึ่งของหินเหล่านี้มีคนอาศัยอยู่ภายใน ในลักษณะ“บ้านถ้ำ” มาช้านานนับจากอดีตถึงปัจจุบัน เป็นการอยู่อาศัยแบบ“เจาะเข้าไป”ภายในหิน โดยไม่มีการ“ทุบทำลายหิน”เหล่านี้ทิ้งเพื่อปรับพื้นที่ให้ราบเรียบแต่อย่างใด ส่วนบ้านที่ปลูกสร้างขึ้นใหม่ก็ทำอย่างกลมกลืน ไม่ทำลายทัศนียภาพ นับเป็นการอยู่อาศัยกับธรรมชาติอย่างอิงแอบพึ่งพิงที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากบ้านคนแล้วผมยังพบว่าอุชหิซาร์ มีหมู่บ้านของนกพิราบด้วย โดยชาวบ้านที่นี่ได้ขุดเจาะโพรง เจาะรูเอาไว้ให้นกมาอยู่อาศัยเพื่อจะได้เก็บขี้ของมันไปขายนั่นเอง
บ้านถ้ำที่อุชหิซาร์มีคนอยู่อาศัยมาช้านานนับจากอดีตถึงปัจจุบัน
ในขณะที่บ้านคนนั้น หลายบ้านที่ผมเห็นมีจานดาวเทียมติดไว้ตรงหน้าต่าง หลายบ้านประดับธงชาติตุรกีเอาไว้ที่ช่องหน้าต่าง บางบ้านจัดสวนเล็กๆไว้มุมใดมุมหนึ่งทางด้านหน้า บางบ้านมีโต๊ะรับแขกเล็กๆตั้งอยู่ด้านหน้า ดังเช่นบ้านของหนุ่มใหญ่ใจดีที่มีอาชีพขายของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อุดหนุนอะไรเขาเลย แต่เขาก็อนุญาตให้ผมเข้าไปเยี่ยมชมบ้านถ้ำของเขา ที่ไม่น่าเชื่อว่าในปล่องไฟนางฟ้าหลังนี้จะมีถึง 6 ชั้นด้วยกัน(แต่ละชั้นต้องปีนขึ้นไป) โดยเจ้าของบ้านนอนชั้น 2 ชั้นล่างเป็นที่ขายของ-รับแขก และมีชั้นใต้ดินเป็นห้องครัว

ไม่เพียงให้ปีนขึ้นไปชมบ้านเท่านั้น เจ้าของบ้านผู้ใจดีท่านนี้ยังชงชาแอปเปิ้ลร้อนๆรสกลมกล่อมมาให้ดื่มดับกระหาย แถมด้วยรอยยิ้มและน้ำมิตรที่สร้างความประทับใจให้กับอาคันตุกะแดนไกลอย่างผมได้มากโข จนต้องขอเก็บคัปปาโดเกียไว้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในความทรงจำไปอีกนานเท่านาน... (อ่านเที่ยวตุรกีต่อในตอนหน้า)
*****************************************

สาธารณรัฐตุรกี เป็นประเทศที่มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งทวีปเอเชีย(ร้อย 97)และยุโรป(ร้อยละ 3) ประชากรร้อยละ 98 นับถือศาสนาอิสลาม เวลาช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง ใช้เงินเตอร์กิชลีรา (TRY: 1 ลีร่าประมาณ 25 บาท) แต่ก็สามารถใช้เงินยูโรหรือยูเอสดอลล่าร์ได้

ตุรกีมีเมืองอิสตันบูลเป็นเมืองใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุด และมี“กรุงอังการา”เป็นเมืองหลวง ส่วนคัปปาโดเกียเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของตุรกี อยู่ห่างจากกรุงอังการาเมืองหลวงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 300 กม. สามารถเดินทางไปกลับจากกรุงอังการาภายในวันเดียวได้ คัปปาโดเกียเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งชาวเมืองยังมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีเครื่องปั้นดินเผาและพรมเป็นสินสำคัญ

สำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวคัปปาโดเกียหรือเมืองต่างๆในตุรกี สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ (บินตรงจากกรุงเทพฯสู่อิสตันบูลทุกวัน)โทร. 0-2231-0300-7

กำลังโหลดความคิดเห็น