โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

"ประชาคม ประชานฤมิตร สำนักงานเขตบางซื่อ"
ตัวหนังสือสีทองบนป้ายไม้แกะสลักสีน้ำตาลเข้ม ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าปากซอย ฉันสะดุดตาซุ้มประตูไม้นี้อยู่หลายต่อหลายครั้งเมื่อมีโอกาสได้นั่งรถผ่านมาทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี และถนนประชาราษฎร์ เขตบางซื่อ
ซอยประชานฤมิตรแห่งนี้ถูกเรียกขานและรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า "ถนนสายไม้" ซึ่งก่อนที่ฉันจะไปเยือนถนนสายไม้นี้ ก็ได้แต่งงๆว่า เพราะเหตุใดซอยประชานฤมิตรจึงได้มีชื่อเล่นว่าถนนสายไม้ จนเมื่อฉันได้มีโอกาสมายืนอยู่หน้าซุ้มป้ายไม้ขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้ม การค้นหาที่มาของชื่อเล่นดังกล่าวจึงได้เริ่มขึ้น

เพียงไม่กี่ก้าวจากปากซอยถนนแบบเดินรถทางเดียว เดินเข้าไปหน่อยก็จะเจอร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือร้านขายเครื่องประดับ ตกแต่งบ้านมากมายเรียงรายไปจนสุดสายตา ทำให้ฉันเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าชื่อ "ถนนสายไม้" คงมาจากเพราะถนนเส้นนี้เป็นแหล่งร้านเครื่องไม้มากมายตลอดสองข้างทาง
แต่นั่นคือการคาดเดาของฉันแต่เพียงผู้เดียว เพราะถ้าอยากจะรู้ถึงที่มาที่ไปของถนนสายไม้เส้นนี้แบบชัดเจนไยไม่สู้ถามผู้รู้อย่าง คุณประสิทธิ์ สืบจากลา ประธานประชาคมประชานฤมิตร มิดีกว่าหรือ ซึ่งคุณประสิทธิ์ ได้เล่าให้ฉันฟังว่า
"เดิมทีไม้ซุงจะได้จากทางภาคเหนือ แถวจังหวัดลำปาง กำแพงเพชร และจะขนส่งทางเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยามายังโรงเลื่อยในกรุงเทพฯ ในสมัยนั้นโรงเลื่อยจะตั้งอยู่รายตาบริเวณท่าน้ำตลอดสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงวัดบางโพ เมื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์แล้วก็จะส่งมาขายที่บางลำพู วัดสระเกศ สะพานดำ"
แต่เมื่อย่านต่างๆเหล่านั้นเริ่มแน่น ไม่สามารถขยายพื้นที่ออกไปได้อีก ประกอบกับพื้นที่ใกล้ๆกับโรงเลื่อย ในสมัยนั้นเป็นพื้นที่ดินลูกรัง น้ำท่วมขัง มีสวนทุเรียน สวนมะพร้าว สวนหมากมาก แต่ก็ยังมีพื้นที่โล่งว่างอยู่เยอะ ทั้งยังใกล้แห่งผลิตและสะดวกในการขนส่ง ร้านรวงต่างๆจึงได้อพยพออกมาอยู่ที่นี่ ซึ่งก็คือย่านซอยประชานฤมิตร ตรงข้ามวัดบางโพโอมาวาสในปัจจุบัน
ส่วนช่างไม้ต่างๆที่นี่ก็ได้รับสืบทอดวิชาความรู้ต่อๆกันมาตั้งแต่ครั้งที่ชาวจีน ชาวไหหลำ ชาวเซี่ยงไฮ้ ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยก็ได้นำเอาความรู้ในเรื่องของการแกะสลักลวดลายงานฝีมือช่างไม้ที่ติดตัวมาประกอบอาชีพ และถ่ายทอดมายังคนไทย

ต่อมาการขนส่งทางบกได้รับการพัฒนาจนกระทั่งกลายเป็นทางหลัก รถบรรทุกและรถพ่วงขนาดใหญ่ไม่สะดวกในการเข้ามาขนส่งไม้ในเมือง โรงเลื่อยต่างๆจึงได้ย้ายออกไปอยู่นอกเมืองแถวๆอำเภอบางไทร จังหวัดอยุธยา แต่ร้านขายผลิตภัณฑ์เครื่องเรือนจากไม้ก็ยังคงตั้งมั่นอยู่ในซอยประชานฤมิตรแห่งนี้
กระทั่งในปี พ.ศ.2540 ผู้อำนวยการสำนักงานเขตบางซื่อในสมัยนั้นได้ลงพื้นที่ แล้วเล็งเห็นว่าซอยนี้มีผลิตภัณฑ์เครื่องเรือนเครื่องใช้ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ควรจะอนุรักษ์เอาไว้ จึงได้ร่วมปรึกษาหารือกับผู้ประกอบการและจัดทำซุ้มประตูไม้ขึ้น 2 ฝั่งทั้งทางเข้าและออกของซอย เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวซอยประชานฤมิตร โดยได้รับการออกแบบจากอาจารย์สุดสาคร ชายเสม ศิลปินอิสระ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และอยู่อาศัยในละแวกประชาคมประชานฤมิตรแห่งนี้ด้วย

ซุ้มประตูไม้นี้ทำมาจากไม้ตะเคียนทอง จากโรงเลื่อยจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นไม้ที่คัดเลือกมาแล้วว่าทนแดดทนฝนเป็นอย่างดี ลงรักของแท้ ตัวหนังสือทำจากทองคำเปลวแท้เช่นกัน สูงประมาณ 8 เมตร กว้างประมาณ 10 เมตร
หลังจากจัดสร้างซุ้มประตูไม้แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2541 คณะกรรมการประชาคมประชานฤมิตรก็ได้ร่วมกับสำนักงานเขตบางซื่อตั้งชื่อซอยนี้ว่า "ถนนสายไม้" และได้จัดงานถนนสายไม้ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2542 เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ และเป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับช่างไม้บนถนนสายไม้แห่งนี้
ตลอดทางของซอยประชานฤมิตร ประมาณ 1กิโลเมตรกว่าๆนั้น มีร้านผลิตภัณฑ์เครื่องไม้อยู่ประมาณเกือบ 200 ร้านเห็นจะได้ ซึ่งเท่าที่ฉันได้เดินสำรวจตรวจตราตลอดทั้งซอยก็เห็นว่าแทบจะทุกบ้านล้วนแล้วแต่ทำกิจการเกี่ยวกับไม้ทั้งสิ้น ทั้งไม้แบบไม้อัดยังไม่แปรรูป และไม้ที่แปรรูปแล้วเป็นเครื่องเรือนเครื่องใช้หลากหลายรูปแบบ เช่น เก้าอี้ ประตู ตู้ เตียง โต๊ะ หรือชิ้นเล็กๆก็เช่น ป้ายไม้ หิ้งพระ ตุ๊กตาไม้รูปสัตว์ต่างๆ แจกัน โคมไฟ เป็นต้น

สำหรับไม้ที่ใช้เป็นวัตถุดิบ คุณประสิทธิ์ บอกว่า "ปัจจุบันแทบจะนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ ไม้สัก เหมาะกับภูมิอากาศในประเทศไทยที่สุด แข็งแรง ทนทาน และปลวกไม่กินอีกด้วย รองจากไม้สักก็คือ ไม้มะค่า ไม้เต็ง ไม้ประดู่ และพวกไม้นอก เช่น ไม้แอช ไม้เมเปิ้ล ไม้เชอร์รี่ ไม้โอ๊ค เป็นต้น"
ฟังแล้วก็นึกเสียดายไม่น้อยเหมือนกัน เพราะสมัยก่อนบ้านนอกบ้านฉันก็มีป่าไม้มากมาย ต้นไม้ต้นใหญ่ๆขนาด 3 คนโอบไม่มิดมีให้เห็นเกลื่อนตาจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่เมื่อมนุษย์เราไม่รู้จักรักษา ไม่รู้จักอนุรักษ์ ไม่รู้จักปลูกทดแทน ใช้ทรัพยากรอย่างไม่คุ้มค่า ทำให้เวลาเพียงไม่กี่สิบปี ไม้เหล่านั้นถูกโค่นล้มไปจนเกลี้ยง หากเราไม่ต้องนำเข้าไม้มาจากต่างประเทศละก็ คงจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเชียวหละ

ฉันเองถึงไม่ได้มีความรู้ในเรื่องไม้เป็นพิเศษ แต่เท่าที่ฉันเห็นงานไม้เหล่านี้ โดยเฉพาะงานไม้ที่ต้องแกะสลักลวดลายคงต้องใช้ความอดทน และความละเอียดมากโขเลยทีเดียว ร้านบางร้านมีช่างไม้แกะสลักนั่งแกะสลักไม้โชว์อยู่หน้าร้าน แต่จริงๆแล้วฉันว่าไม่ได้โชว์อย่างเดียวหรอก แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่างานเหล่านี้ต้องอาศัยความละเอียดดังนั้นจึงต้องทำด้วยมือคน และเป็นการแสดงความสามารถของช่างด้วย ซึ่งฉันคิดว่าเป็นการดีเป็นอย่างมาก เพราะหากนักท่องเที่ยวได้ผ่านไปมาแล้วเห็นการแกะสลักงานของจริงแบบนี้ คงเป็นเสมือนการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติได้ดีโดยไม่ต้องลงทุนโฆษณาแต่อย่างใด
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ถนนสายไม้ หรือ ซ.ประชานฤมิตร (ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 5 หรือ ซอยประชาราษฎร์ 24) เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ จัดงาน "ถนนสายไม้" ครั้งที่ 9 ขึ้นในวันที่ 25-26 ส.ค. 50 ตั้งแต่เวลา 9.00-24.00 น. ซึ่งในปีนี้ถือว่าเป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา ดังนั้นรูปแบบของงานจึงได้เป็นการนำพระอัจฉริยภาพของพระองค์ในด้านต่างๆโดยเฉพาะงานไม้มาเป็นหัวข้อหลักในการจัดงาน ภายใต้แนวคิด “แผ่นไม้คู่แผ่นดิน”
โดยมีกิจกรรมในงานมากมาย อาทิ นิทรรศการพระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ การลงนามถวายพระพรลงบนสมุดปกไม้ การแสดงจากเยาวชนในชุมชน นำผลงานศิลปะและลวดลายวิจิตรของผลิตภัณฑ์งานไม้จากประชาคมฯมาจัดแสดง และจำหน่ายในราคาถูก
และไฮไลท์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในปีนี้ก็คือ ชาวประชาคมประชานฤมิตรได้ร่วมใจกันสร้างตราประทับสัญลักษณ์ 80 พรรษา ขนาดกว้าง 1 เมตร สูง 2.50 เมตร ที่แกะสลักจากไม้ประดู่ในประเทศไทย โดยช่างจากประชาคมฯ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สำหรับการเดินทาง ซ.ประชานฤมิตร หรือถนนสายไม้ เป็นเส้นทางเดินรถทางเดียว ในซอยไม่มีที่จอดรถ จึงไม่ควรนำรถยนต์ส่วนตัวมา รถโดยสารที่ผ่านบริเวณงาน รถประจำทางสาย 5,32,33,49,64,90,117,16,30,50,51,65,97, ปอ.60,505,6,23 และมีบริการรถ2แถวรับส่งฟรีจากสถานีรถไฟบางซื่อมายังบริเวณงาน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตบางซื่อโทร.0-2556-0443 และที่สภาวัฒนธรรมเขตบางซื่อ โทร.08-1632-9253 หรือขอรับเอกสารทางแฟกซ์ได้ที่แฟกซ์. 0-2556-0443
"ประชาคม ประชานฤมิตร สำนักงานเขตบางซื่อ"
ตัวหนังสือสีทองบนป้ายไม้แกะสลักสีน้ำตาลเข้ม ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าปากซอย ฉันสะดุดตาซุ้มประตูไม้นี้อยู่หลายต่อหลายครั้งเมื่อมีโอกาสได้นั่งรถผ่านมาทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี และถนนประชาราษฎร์ เขตบางซื่อ
ซอยประชานฤมิตรแห่งนี้ถูกเรียกขานและรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า "ถนนสายไม้" ซึ่งก่อนที่ฉันจะไปเยือนถนนสายไม้นี้ ก็ได้แต่งงๆว่า เพราะเหตุใดซอยประชานฤมิตรจึงได้มีชื่อเล่นว่าถนนสายไม้ จนเมื่อฉันได้มีโอกาสมายืนอยู่หน้าซุ้มป้ายไม้ขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้ม การค้นหาที่มาของชื่อเล่นดังกล่าวจึงได้เริ่มขึ้น
เพียงไม่กี่ก้าวจากปากซอยถนนแบบเดินรถทางเดียว เดินเข้าไปหน่อยก็จะเจอร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือร้านขายเครื่องประดับ ตกแต่งบ้านมากมายเรียงรายไปจนสุดสายตา ทำให้ฉันเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าชื่อ "ถนนสายไม้" คงมาจากเพราะถนนเส้นนี้เป็นแหล่งร้านเครื่องไม้มากมายตลอดสองข้างทาง
แต่นั่นคือการคาดเดาของฉันแต่เพียงผู้เดียว เพราะถ้าอยากจะรู้ถึงที่มาที่ไปของถนนสายไม้เส้นนี้แบบชัดเจนไยไม่สู้ถามผู้รู้อย่าง คุณประสิทธิ์ สืบจากลา ประธานประชาคมประชานฤมิตร มิดีกว่าหรือ ซึ่งคุณประสิทธิ์ ได้เล่าให้ฉันฟังว่า
"เดิมทีไม้ซุงจะได้จากทางภาคเหนือ แถวจังหวัดลำปาง กำแพงเพชร และจะขนส่งทางเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยามายังโรงเลื่อยในกรุงเทพฯ ในสมัยนั้นโรงเลื่อยจะตั้งอยู่รายตาบริเวณท่าน้ำตลอดสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงวัดบางโพ เมื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์แล้วก็จะส่งมาขายที่บางลำพู วัดสระเกศ สะพานดำ"
แต่เมื่อย่านต่างๆเหล่านั้นเริ่มแน่น ไม่สามารถขยายพื้นที่ออกไปได้อีก ประกอบกับพื้นที่ใกล้ๆกับโรงเลื่อย ในสมัยนั้นเป็นพื้นที่ดินลูกรัง น้ำท่วมขัง มีสวนทุเรียน สวนมะพร้าว สวนหมากมาก แต่ก็ยังมีพื้นที่โล่งว่างอยู่เยอะ ทั้งยังใกล้แห่งผลิตและสะดวกในการขนส่ง ร้านรวงต่างๆจึงได้อพยพออกมาอยู่ที่นี่ ซึ่งก็คือย่านซอยประชานฤมิตร ตรงข้ามวัดบางโพโอมาวาสในปัจจุบัน
ส่วนช่างไม้ต่างๆที่นี่ก็ได้รับสืบทอดวิชาความรู้ต่อๆกันมาตั้งแต่ครั้งที่ชาวจีน ชาวไหหลำ ชาวเซี่ยงไฮ้ ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยก็ได้นำเอาความรู้ในเรื่องของการแกะสลักลวดลายงานฝีมือช่างไม้ที่ติดตัวมาประกอบอาชีพ และถ่ายทอดมายังคนไทย
ต่อมาการขนส่งทางบกได้รับการพัฒนาจนกระทั่งกลายเป็นทางหลัก รถบรรทุกและรถพ่วงขนาดใหญ่ไม่สะดวกในการเข้ามาขนส่งไม้ในเมือง โรงเลื่อยต่างๆจึงได้ย้ายออกไปอยู่นอกเมืองแถวๆอำเภอบางไทร จังหวัดอยุธยา แต่ร้านขายผลิตภัณฑ์เครื่องเรือนจากไม้ก็ยังคงตั้งมั่นอยู่ในซอยประชานฤมิตรแห่งนี้
กระทั่งในปี พ.ศ.2540 ผู้อำนวยการสำนักงานเขตบางซื่อในสมัยนั้นได้ลงพื้นที่ แล้วเล็งเห็นว่าซอยนี้มีผลิตภัณฑ์เครื่องเรือนเครื่องใช้ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ควรจะอนุรักษ์เอาไว้ จึงได้ร่วมปรึกษาหารือกับผู้ประกอบการและจัดทำซุ้มประตูไม้ขึ้น 2 ฝั่งทั้งทางเข้าและออกของซอย เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวซอยประชานฤมิตร โดยได้รับการออกแบบจากอาจารย์สุดสาคร ชายเสม ศิลปินอิสระ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และอยู่อาศัยในละแวกประชาคมประชานฤมิตรแห่งนี้ด้วย
ซุ้มประตูไม้นี้ทำมาจากไม้ตะเคียนทอง จากโรงเลื่อยจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นไม้ที่คัดเลือกมาแล้วว่าทนแดดทนฝนเป็นอย่างดี ลงรักของแท้ ตัวหนังสือทำจากทองคำเปลวแท้เช่นกัน สูงประมาณ 8 เมตร กว้างประมาณ 10 เมตร
หลังจากจัดสร้างซุ้มประตูไม้แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2541 คณะกรรมการประชาคมประชานฤมิตรก็ได้ร่วมกับสำนักงานเขตบางซื่อตั้งชื่อซอยนี้ว่า "ถนนสายไม้" และได้จัดงานถนนสายไม้ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2542 เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ และเป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับช่างไม้บนถนนสายไม้แห่งนี้
ตลอดทางของซอยประชานฤมิตร ประมาณ 1กิโลเมตรกว่าๆนั้น มีร้านผลิตภัณฑ์เครื่องไม้อยู่ประมาณเกือบ 200 ร้านเห็นจะได้ ซึ่งเท่าที่ฉันได้เดินสำรวจตรวจตราตลอดทั้งซอยก็เห็นว่าแทบจะทุกบ้านล้วนแล้วแต่ทำกิจการเกี่ยวกับไม้ทั้งสิ้น ทั้งไม้แบบไม้อัดยังไม่แปรรูป และไม้ที่แปรรูปแล้วเป็นเครื่องเรือนเครื่องใช้หลากหลายรูปแบบ เช่น เก้าอี้ ประตู ตู้ เตียง โต๊ะ หรือชิ้นเล็กๆก็เช่น ป้ายไม้ หิ้งพระ ตุ๊กตาไม้รูปสัตว์ต่างๆ แจกัน โคมไฟ เป็นต้น
สำหรับไม้ที่ใช้เป็นวัตถุดิบ คุณประสิทธิ์ บอกว่า "ปัจจุบันแทบจะนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ ไม้สัก เหมาะกับภูมิอากาศในประเทศไทยที่สุด แข็งแรง ทนทาน และปลวกไม่กินอีกด้วย รองจากไม้สักก็คือ ไม้มะค่า ไม้เต็ง ไม้ประดู่ และพวกไม้นอก เช่น ไม้แอช ไม้เมเปิ้ล ไม้เชอร์รี่ ไม้โอ๊ค เป็นต้น"
ฟังแล้วก็นึกเสียดายไม่น้อยเหมือนกัน เพราะสมัยก่อนบ้านนอกบ้านฉันก็มีป่าไม้มากมาย ต้นไม้ต้นใหญ่ๆขนาด 3 คนโอบไม่มิดมีให้เห็นเกลื่อนตาจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่เมื่อมนุษย์เราไม่รู้จักรักษา ไม่รู้จักอนุรักษ์ ไม่รู้จักปลูกทดแทน ใช้ทรัพยากรอย่างไม่คุ้มค่า ทำให้เวลาเพียงไม่กี่สิบปี ไม้เหล่านั้นถูกโค่นล้มไปจนเกลี้ยง หากเราไม่ต้องนำเข้าไม้มาจากต่างประเทศละก็ คงจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเชียวหละ
ฉันเองถึงไม่ได้มีความรู้ในเรื่องไม้เป็นพิเศษ แต่เท่าที่ฉันเห็นงานไม้เหล่านี้ โดยเฉพาะงานไม้ที่ต้องแกะสลักลวดลายคงต้องใช้ความอดทน และความละเอียดมากโขเลยทีเดียว ร้านบางร้านมีช่างไม้แกะสลักนั่งแกะสลักไม้โชว์อยู่หน้าร้าน แต่จริงๆแล้วฉันว่าไม่ได้โชว์อย่างเดียวหรอก แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่างานเหล่านี้ต้องอาศัยความละเอียดดังนั้นจึงต้องทำด้วยมือคน และเป็นการแสดงความสามารถของช่างด้วย ซึ่งฉันคิดว่าเป็นการดีเป็นอย่างมาก เพราะหากนักท่องเที่ยวได้ผ่านไปมาแล้วเห็นการแกะสลักงานของจริงแบบนี้ คงเป็นเสมือนการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติได้ดีโดยไม่ต้องลงทุนโฆษณาแต่อย่างใด
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ถนนสายไม้ หรือ ซ.ประชานฤมิตร (ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 5 หรือ ซอยประชาราษฎร์ 24) เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ จัดงาน "ถนนสายไม้" ครั้งที่ 9 ขึ้นในวันที่ 25-26 ส.ค. 50 ตั้งแต่เวลา 9.00-24.00 น. ซึ่งในปีนี้ถือว่าเป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา ดังนั้นรูปแบบของงานจึงได้เป็นการนำพระอัจฉริยภาพของพระองค์ในด้านต่างๆโดยเฉพาะงานไม้มาเป็นหัวข้อหลักในการจัดงาน ภายใต้แนวคิด “แผ่นไม้คู่แผ่นดิน”
โดยมีกิจกรรมในงานมากมาย อาทิ นิทรรศการพระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ การลงนามถวายพระพรลงบนสมุดปกไม้ การแสดงจากเยาวชนในชุมชน นำผลงานศิลปะและลวดลายวิจิตรของผลิตภัณฑ์งานไม้จากประชาคมฯมาจัดแสดง และจำหน่ายในราคาถูก
และไฮไลท์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในปีนี้ก็คือ ชาวประชาคมประชานฤมิตรได้ร่วมใจกันสร้างตราประทับสัญลักษณ์ 80 พรรษา ขนาดกว้าง 1 เมตร สูง 2.50 เมตร ที่แกะสลักจากไม้ประดู่ในประเทศไทย โดยช่างจากประชาคมฯ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สำหรับการเดินทาง ซ.ประชานฤมิตร หรือถนนสายไม้ เป็นเส้นทางเดินรถทางเดียว ในซอยไม่มีที่จอดรถ จึงไม่ควรนำรถยนต์ส่วนตัวมา รถโดยสารที่ผ่านบริเวณงาน รถประจำทางสาย 5,32,33,49,64,90,117,16,30,50,51,65,97, ปอ.60,505,6,23 และมีบริการรถ2แถวรับส่งฟรีจากสถานีรถไฟบางซื่อมายังบริเวณงาน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตบางซื่อโทร.0-2556-0443 และที่สภาวัฒนธรรมเขตบางซื่อ โทร.08-1632-9253 หรือขอรับเอกสารทางแฟกซ์ได้ที่แฟกซ์. 0-2556-0443


