xs
xsm
sm
md
lg

สัมผัสโฮมสเตย์เมืองกรุง ชมทุ่งนาเขียวขจี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

สำหรับคนที่ชื่นชอบเรื่องของการท่องเที่ยว คำว่า "โฮมสเตย์" ก็คงเป็นคำที่คุ้นเคยกันดีในฐานะของรูปแบบการท่องเที่ยวแบบหนึ่ง ซึ่งก็หมายความถึงการไปท่องเที่ยวแบบที่ได้ร่วมเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนที่เราไปพักด้วย

ในขณะนี้โฮมสเตย์ก็กำลังเป็นที่นิยม เพราะเจ้าของบ้านไม่ต้องลงทุนมากเหมือนการทำรีสอร์ทหรือโรงแรม เพียงแค่แบ่งพื้นที่ในบ้านให้นักท่องเที่ยวมาพัก อาหารก็เป็นอาหารพื้นบ้านธรรมดาที่คนในบ้านกินกัน ฝ่ายนักท่องเที่ยวก็ยิ่งชอบใจ เพราะได้มาอยู่แบบที่ไม่เคยอยู่ ได้กินอาหารแบบที่ไม่เคยกิน แถมยังได้มาเห็นวิถีชีวิตอีกแบบที่ไม่คุ้นเคย ถือเป็นกำไรชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง ที่สำคัญก็คือโฮมสเตย์นั้นราคาไม่แพงแต่อย่างใด

ทำให้ตอนนี้การท่องเที่ยวรูปแบบโฮมสเตย์ก็ได้แพร่หลายไปในหลายๆ จังหวัด เป็นตัวเลือกของนักท่องเที่ยวได้ดี แต่ที่ฉันแปลกใจก็คือ ในกรุงเทพฯ เองก็มีโฮมสเตย์กับเขาด้วยเหมือนกันแฮะ

เหตุที่ฉันเกิดอาการแปลกใจก็เพราะว่า การท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์นั้นก็คือการไปเรียนรู้วิถีชีวิต แต่ในกรุงเทพฯ นี้จะมีวิถีชีวิตแบบไหนให้เรียนรู้กัน เพราะทุกคนต่างก็เร่งรีบเหมือนๆ กันไปหมด ว่าแล้วก็ต้องไปดูด้วยตัวเองเสียหน่อยว่าโฮมสเตย์กรุงเทพฯ นี้จะเป็นแบบไหน
บรรยากาศบ้านพักโฮมสเตย์หนองจอก
พอฉันได้มาเห็นเองแล้วก็ถึงบางอ้อ เพราะโฮมสเตย์ในกรุงเทพฯ ทั้งสองแห่งที่ฉันมาเยือนนี้ต่างก็อยู่ในแถบชานเมืองของกรุงเทพฯ ด้วยกันทั้งคู่ ชานเมืองขนาดที่ว่าเผลอๆ อาจคิดไปได้ว่าที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ นั่นก็คือโฮมสเตย์ในเขตหนองจอก และเขตสะพานสูง ซึ่งเป็นเขตที่ยังมีการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ จึงไม่แปลกเลยที่จะมีคนอยากมาสัมผัสบรรยากาศของต่างจังหวัดในกรุงเทพกันที่นี่

โฮมสเตย์ที่แรกที่ฉันจะพาไปเยือนนั้นอยู่ในเขตหนองจอก และเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ชุมชนแผ่นดินทองคอยรุตตั๊กวา หรือหมู่บ้านลำไทร เขตหนองจอก ซึ่งเป็นชุมชนอิสลาม และภายในชุมชนก็มีการทำเกษตรกรรมที่หลากหลาย ทั้งการปลูกข้าว ทำสวนผลไม้ การเลี้ยงปลา เลี้ยงแพะ ฯลฯ
บรรยากาศบ้านพักโฮมสเตย์กรุงเทพกลางนา
ในส่วนของโฮมสเตย์ที่หนองจอกนี้มีทั้งหมด 10 หลังคาเรือนด้วยกัน ซึ่งโฮมสเตย์ที่นี่ส่วนมากก็จะเป็นส่วนเดียวกับบ้านของเจ้าของบ้านเลย แต่ก็จะมีบางหลังที่สร้างแยกออกมาให้อยู่กันเป็นสัดเป็นส่วน แต่ฉันว่าถ้าได้อยู่ร่วมกับเจ้าของบ้านแล้วก็คงจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันสนุกไปเลย

โฮมสเตย์ทั้งสิบหลังที่ฉันบอกนั้นก็มีชื่อไพเราะต่างๆ กันไป ทั้งบ้านชมเดือน บ้านเก็บตะวัน บ้านพฤกษา บ้านดาหลา บ้านปลายนา บ้านฟ้าใส ฯลฯ แค่ชื่อก็น่าพักเสียแล้ว แต่ตัวบ้านโฮมสเตย์นั้นจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่สาระสำคัญสักเท่าไร แต่ฉันว่าบรรยากาศและกิจกรรมที่จะมีให้คนไปพักได้ร่วมทำมากกว่าที่เป็นสิ่งสำคัญและเป็นจุดขายของโฮมสเตย์แต่ละแห่ง
เดินเล่นริมทุ่งนา ชมสวนผลไม้ที่หนองจอก
พูดถึงบรรยากาศกันก่อนดีกว่า สำหรับโฮมสเตย์ที่หนองจอกนี้ ฉันรับรองได้เลยว่ามีบรรยากาศที่สวยงาม เงียบสงบ และเหมาะแก่การมาเปลี่ยนบรรยากาศเป็นอย่างยิ่ง ใครที่มาพักอาจจะเผลอคิดไปได้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ที่ต่างจังหวัดสักแห่งหนึ่ง เนื่องจากมองไปทางไหนก็เห็นทุ่งนาเขียวขจี ต้นไม้ร่มครึ้ม มีลำคลองเล็กๆ ดูสะอาดไหลผ่านกลางชุมชน วัวควายก็ยังคงมีให้เห็นบ้างตามคอกในบ้านเรือนแต่ละหลัง การเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่นั้นก็มีให้เห็นเป็นปกติ อาจจะพิเศษหน่อยตรงที่ชุมชนนี้เขาเลี้ยงหงส์เพื่อจำหน่ายกันด้วย

เนื่องจากบริเวณนี้ถือเป็นศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร และพื้นที่กรณีศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง จึงมักมีคณะดูงานเข้ามาศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการเกษตรอยู่เป็นประจำ และโฮมสเตย์นี้ก็เกิดมาเพื่อรองรับคณะดูงานเหล่านี้ ดังนั้นกิจกรรมต่างๆ ที่จะได้ร่วมทำในโฮมสเตย์นี้จึงจะออกเป็นแนวการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการมาเรียนรู้การดำเนินชีวิตการใช้เกษตรแบบผสมผสาน ที่ประสานกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรียนรู้กิจกรรมการเกษตรที่เน้นการพึ่งตนเอง พึ่งพิงธรรมชาติ รวมไปถึงชมเครื่องมือเครื่องใช้ทางการเกษตรของชาวชุมชนตั้งแต่อดีต
เล่นกับลูกแพะสีขาวสะอาดก็ได้
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแบบที่ต้องการมาเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ และมีความสนใจในเรื่องการเกษตรกรรมบ้าง ที่นี่เขาก็ยินดีต้อนรับเช่นกัน ไม่ต้องถึงกับมาดูงานแต่แค่ในวันหนึ่งๆ ตอนเช้าออกไปเดินเล่นกลางทุ่งนา หากไปในช่วงที่เขากำลังเก็บเกี่ยวก็อาจจะได้ลองเกี่ยวข้าวดูบ้าง แวะทักทายพูดคุยกับชาวบ้านในชุมชน ตอนบ่ายๆ ไปดูลูกแพะน่ารักสีขาวสะอาด ชิมนมแพะรสชาติดี แล้วก็ไปแวะชมหงส์ดำสวยๆ หลายตัวที่ฟาร์มหงส์ ส่วนตอนค่ำกลับมาพักผ่อนที่โฮมสเตย์แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว

มาถึงโฮมสเตย์อีกแห่งหนึ่งที่เขตสะพานสูง ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิไม่เท่าไร เป็นที่ตั้งของโฮมสเตย์กรุงเทพกลางนา ซึ่งชื่อก็บอกถึงบรรยากาศของที่พักได้ทันที

ที่โฮมสเตย์กรุงเทพกลางนานี้ เป็นบ้านพักที่สร้างขึ้นใหม่แยกออกมาเป็นส่วนตัว มีให้พัก 1 หลัง 2 ห้อง พักได้ห้องละ 2 คน แม้จะน้อยนิดแต่ก็มีคนมาจองพักกันตลอด บรรยากาศของโฮมสเตย์กรุงเทพกลางนานี้ก็กลางนาสมชื่อ เพราะด้านหน้าเป็นทุ่งนากว้างไกล ช่วงที่ฉันไปต้นข้าวกำลังชุ่มน้ำเขียวขจีเต็มทุ่งดูแล้วสบายตา ชวนนึกถึงที่บ้านนอกบ้านเกิดฉันขึ้นมาตะหงิดๆ
ขี่จักรยานชมทุ่งนาเขียวขจีที่เขตสะพานสูง
วิวทุ่งนาตรงนี้ก็จะเปลี่ยนไปทุกๆ 4 เดือน เพราะในปีหนึ่งเขาจะทำนากันถึง 3 ครั้ง ด้วยกัน หากมาในช่วงที่กำลังปักดำต้นกล้าก็จะได้เห็นบรรยากาศหนึ่ง มาในช่วงข้าวกำลังเติบโตก็จะได้เห็นทุ่งนาเขียวขจีเหมือนที่ฉันเห็น หรืออาจจะได้เห็นทุ่งรวงทองหากมาในช่วงที่ข้าวกำลังออกรวงสุกเหลืองเต็มทุ่ง

ได้มานอนโฮมสเตย์ทั้งทีก็ใช่จะมานอนมองต้นข้าวเพียงอย่างเดียว เพราะที่โฮมสเตย์กรุงเทพกลางนานี้เขาก็มีกิจกรรมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมทำ เช่น การขี่จักรยานรับลมเย็นๆ ชมวิวทิวทัศน์ที่หาไม่ได้ในกลางเมือง หรือจะทดลองพายเรือเล่นไปในคลอง หรือถ้าพายไปไกลหน่อยก็จะสามารถไปชมบ้านทรงไทยสวยๆ ในคลองใกล้ๆ กันได้ หรือจะไปไกลอีกหน่อยด้วยเรือยนต์ ก็จะสามารถไปเที่ยวที่วัดกระทุ่มเสือปลา ไปชมหุ่นขี้ผึ้งพระเกจิอาจารย์และชมพระพุทธรูป 80 ปางได้ด้วย
บ้านปลายนา อีกหนึ่งโฮมสเตย์หนองจอก
โฮมสเตย์ในกรุงเทพฯ ทั้งสองแห่งนี้จึงน่าจะเป็นตัวเลือกของคนที่เบื่อแสงสีในเมือง แต่อยากออกมารับอากาศบริสุทธิ์โดยที่ไม่ต้องก้าวขาออกจากกรุงเทพฯ เลยสักก้าวเดียว

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

โฮมสเตย์ที่ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ชุมชนแผ่นดินทองคอยรุตตั๊กวา เขตหนองจอก ราคาที่พัก 100 บาท/คน/คืน ค่าอาหารหลัก 70 บาท/คน ค่าอาหารว่าง 25 บาท/คน ค่าบริการทางมัคคุเทศก์ 500 บาท/คน/วัน ค่าวิทยากร 1,500 บาท/ครั้ง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อาจารย์สมชาย สมานตระกูล โทร.08-7145-0557

โฮมสเตย์กรุงเทพกลางนา ราคาห้องพัก ห้องละ 2 คน/คืน 400 บาท (ไม่รวมอาหาร) สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.08-9535-5836

กำลังโหลดความคิดเห็น