โดย : ปิ่น บุตรี

“น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน”
นี่คือวรรคทองที่นอกจากจะใช้เปรียบเปรยกับจิตใจคนเราแล้ว(โดยเฉพาะกับหัวใจอ่อนๆของสาวๆที่บางครั้งกลับแข็งโป๊กดุจใจหินกินไวอากร้า) ยังเป็นความจริงแห่งธรรมชาติที่ยากจะปฏิเสธ
ผมเคยเห็นหินใหญ่ก้อนหนึ่งมีรูบุ๋มลงไปเนื่องมาจากถูกน้ำฝนหยดแหมะๆอยู่ชั่วนาตาปี ที่ดูๆไปดูๆมาก็คล้ายกับหินมีสะดือยังไงยังงั้น
นอกจากน้ำจะทำหินกร่อนแล้ว สายน้ำยังสามารถทำหินทะลุเป็นรูกลวงโบ๋ได้อีกด้วย ซึ่งหากพูดถึงปรากฏการณ์น้ำเซาะหินกินจนเป็นรูบานทะโร่แล้ว “น้ำตกลงรู” ที่อุทยานฯผาแต้ม จ.อุบลราชธานี นับเป็นหนึ่งในตัวอย่างอันโดดเด่นสวยงาม ที่หลังถูกโปรโมตให้เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ น้ำตกแห่งนี้ก็กลายเป็นดาวเด่นตัวใหม่ของการท่องเที่ยวไทยในหน้าฝนขึ้นมาทันที

เพราะจะว่าไปลักษณะของน้ำตกลงรูแบบนี้ ทอดตาดูทั่วเมืองไทยก็เห็นจะมีที่ผาแต้มแห่งเดียว
ในขณะที่การเกิดของน้ำตกลงรู ใครจะมองว่าเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติก็มองได้ หรือใครจะมองว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมดาของธรรมชาติก็สามารถมองได้เช่นกัน
เนื่องจากสาเหตุของการเกิดรูขนาดใหญ่บนลานหินทรายนั้น ไม่ได้เกิดจากมีใครเอาระเบิดมาทิ้งบอมบ์หรือมีมนุษย์คนไหนเอาสว่านไปเจาะ แต่ว่ามันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่งนั่นเอง โดยเมื่อมีฝนตกลงมามากๆ น้ำในลำธารตามป่าเขาก็จะมีปริมาณมากตาม แถมยังไหลแรงและเร็วที่ไม่ได้ไหลแรงเร็วอย่างเดียว หากแต่กระแสน้ำยังได้พัดพาเอาใบไม้ ท่อนไม้ ก้อนกรวด ก้อนหิน ไหลตามไปด้วย ซึ่งก้อนกรวดก้อนหินส่วนหนึ่งจะไหลเข้าไปติดอยู่ในซอก ในแง่งเหลี่ยมของลานหิน หรือตกไปอยู่ในหลุมเล็กๆของลานหิน
ครั้นเมื่อถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวเร็วแรงไหลผ่าน ก้อนกรวดก้อนหินที่ติดคาอยู่ตามเหลี่ยม ตามซอก หรือตามหลุมของลานหินก็จะวิ่งหมุนวนไปเรื่อยๆ ทำให้ลานหินทรายที่มีความแข็งแกร่งน้อยกว่าก้อนกรวดก้อนหินก็จะค่อยกร่อนไปเรื่อยๆเกิดเป็นหลุมบนลานหินขึ้นมา (ศัพท์ทางวิชาการธรณีวิทยา เรียกว่า “กุมภลักษณ์” ที่มีลักษณะเป็นหลุมคล้ายหม้อ(กุมภ แปลว่าหม้อ) พบมากในภาคอีสานเนื่องจากมีชั้นหินทรายอยู่มาก)
ยิ่งกระแสน้ำไหลแรงเร็วตอกย้ำอยู่เรื่อยๆเช่นนี้ชั่วนาตาปี ก้อนหินก้อนกรวดก็จะหมุนวนขยายหลุมให้ลึกและกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้หากเป็นลานหินทรายทั่วไปหลุมกุมภลักษณ์ก็จะขยายตัวและลึกจมหายลงไปในพื้นหิน แต่ในกรณีที่เป็นแผ่นหินหนา(อย่างน้ำตกลงรู) หลุมกุมภลักษณ์เมื่อขยายและกร่อนลึกลงไปจนถึงระดับหนึ่ง จากหลุมหม้อก็จะเกิดเป็นรูกลวงเป็นช่องโบ๋ขึ้นมา

จากรูเล็กเพียงน้ำไหลลงรู นานวันเข้าเมื่อถูกสายน้ำพัดพากรวดหินมาตอกย้ำในหลุมอยู่เป็นนิจ รูก็ขยายใหญ่ขึ้นจนเกิดเป็นน้ำตกลงรูในที่สุด
สำหรับกาลเทศะ จังหวะเวลา ในการชมน้ำตกลงรูให้สวยงามก็จะเป็นเฉพาะในช่วงหน้าฝนเท่านั้น เพราะจะมีปริมาณน้ำมากไหลเป็นสายลอดรูเพิงหินลงมากระทบกับลานหินเบื้องล่างแตกกระจายเป็นสีขาว ก่อนจะไหลไปรวมกันในแอ่งน้ำแล้วไหลลงสู่ลำธารต่อไป โดยจุดชมน้ำตกแสงจันทร์ที่สวยงามจุดแรกก็คือทางด้านล่างของน้ำตกหรือแถวใต้รูนั่นแหละ ซึ่งเมื่อมองแหงนขึ้นไปก็จะเห็นสายน้ำสีขาวไหลฟูฟ่องออกมาจากรู ดูประหนึ่งฝักบัวยักษ์ปล่อยน้ำลงมาให้ความชุ่มฉ่ำยังเบื้องล่างยังไงยังงั้นเชียว
เมื่อเดินชมหรือใครอาจจะลองไปยืนอาบน้ำตกใต้ฝักบัวยักษ์(ที่ออกจะสุ่มเสี่ยงต่อก้อนกรวดก้อนหินจากเบื้องบนตกลงหัวเหมือนกัน)กันจนเปียกปอนได้ที่แล้ว ลองเดินเลาะแอ่งน้ำไปนิดส์นึงแล้วมองย้อนเข้ามา ก็จะเห็นน้ำตกลงรูกับองค์ประกอบอันงดงามไม่ว่าจะเป็น สายน้ำขาวนุ่มตาที่ไหลบ่าออกมาจากรูยักษ์บนเพิงหินที่แหว่งโค้งท่ามกลางต้นไม้รายล้อม แต่กลับเปิดทางให้แสงยามเที่ยง-บ่ายสาดส่องลงมาต้องกับสายน้ำตกได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ
อีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดในการชมน้ำตกลงรูก็คือ ให้เดินขึ้นบันไดไปตามทางออกแล้วพอถึงชานพักหินใต้โตรกผา ให้มองย้อนลงมาก็จะเห็นน้ำตกลงรูไหลเป็นสายขาวกระทบกับแอ่งหินเบื้องล่างดูสวยงามไปอีกแบบ
หลายๆคนบอกว่าจากจุดนี้ถ้าดูให้ดี จะเห็นเส้นสายลายน้ำยามที่ตกลงมาจากรูแตกกระจายเป็นรูปหัวใจ ซึ่งผมพยายามดูอยู่หลายครั้ง มองยังไงก็เห็นเป็นรูปน้ำตกอยู่ดี งานนี้สงสัยต้องใช้ใจมองถึงจะเห็นน้ำตกเป็นรูปหัวใจตามที่เขาว่ากัน(มั้ง)

นอกจากจะสวยงามแปลกตาแล้ว น้ำตกลงรูยังได้รับการเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า “น้ำตกแสงจันทร์” อันเนื่องมาจาก ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงไปจนถึงบ่ายซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำตกจะสวยที่สุด เพราะแสงแดดจากเบื้องบนจะส่องแสงลงมากระทบกับสายน้ำ ดูขาวฟูฟ่องนุ่มนวลตาประหนึ่งดังแสงจันทร์ อันเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้
นับเป็นแสงจันทร์กระจ่าง ส่องนำทางสัญจรในยามเที่ยงที่น่ายลเป็นอย่างยิ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมขอย้ำอีกครั้งว่า เฉพาะในช่วงหน้าฝนเท่านั้น เพราะถ้าเลยช่วงหน้าฝนไปสู่ต้นหนาว สายน้ำตกลงรูจะเหลือน้อย แต่ถ้าหลังจากนั้นไปเข้าสู่ฤดูแล้งน้ำจะแห้งหายไปเหลือเพียงรูเฉยๆให้ได้ยลกัน ต้องรออีกทีหน้าฝนปีถัดไปจึงจะได้ชมน้ำตกลงรูแบบจะๆอีกครั้ง
ช่วงปี 46 ที่เพิ่งโปรโมตน้ำตกแสงจันทร์ใหม่ๆ คนส่วนใหญ่ต่างพากันคิดว่านี่เป็นน้ำตกลงรูเพียงแห่งเดียวในเมืองไทย แต่ว่าเมื่อเร็วๆนี้ได้มีรายงานว่า มีการพบน้ำตกลงรูแห่งใหม่อยู่ในเขตอุทยานฯผาแต้มไม่ไกลจากน้ำตกแสงจันทร์เท่าไหร่ ชื่อ“น้ำตกขัวนางนี” (ขัวแปลว่าสะพาน(ภาษาอีสาน),นางนี คือ ชะนี) ที่มีรูให้น้ำตกไหลผ่าน 2 รูแน่ะ แต่ว่าความใหญ่ของรูนั้นสู้น้ำตกแสงจันทร์ไม่ได้ และก็มีให้ชมเฉพาะในหน้าฝนช่วงที่น้ำเยอะเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ในอุทยานฯผาแต้ม จึงมีน้ำตกลงรูด้วยกันถึง 3 รูทีเดียว ซึ่งใครที่จะไปชมน้ำตกลงรู โดยเฉพาะน้ำตกลงรูใหญ่อย่างน้ำตกแสงจันทร์นั้น หากใครเดินขึ้นไปเหนือน้ำตกดูลำธารต้นกำเนิดของน้ำตกลงรูที่ยามหน้าฝน สายน้ำไหลเชี่ยวก่อนจะผลุบหายลงไปในรู ยังไงก็ควรระมัดระวังตัว ระวังลื่นไว้ด้วย เพราะรูน้ำตกนี่มีขนาดใหญ่เอาเรื่องชนิดที่ว่าคนเป็นๆตกลงไปพร้อมๆกัน 2-3 คนได้อย่างสบายๆ
แต่งานนี้หากใครเมื่อตกลงไปแล้ว รับรองว่าไม่สบายแน่นอน ใครตกไปโชคดีหน่อยก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ใครโชคร้ายอาจพิการ ใครโชคร้ายกว่าหัวน็อคพื้น อาจถึง“ตาย” !!!ฉะนั้นใครที่จะไปชมธารน้ำตกลงรูด้านบนยังไงๆก็ห้ามประมาทด้วยประการทั้งปวง เพราะเกิดพลาดพลั้งตกลงไป
ทริปเที่ยว"น้ำตกลงรู"อาจจะกลายเป็นทริปเที่ยว"น้ำตกลงโลง"ไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
*****************************************
น้ำตกลงรู อช.ผาแต้ม จากตัวเมืองอุบลฯเดินทางสู่ อ.โขงเจียมโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2134 แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2112 ที่มุ่งสู่ อ.เขมราฐ ก็จะถึงยังน้ำตกลงรู ช่วงฤดูที่เหมาะสำหรับชมน้ำตกลงรู(อย่างสวยงาม)ก็คือช่วงระหว่างเดือนส.ค.-ต.ค. ซึ่งนอกจากน้ำตกลงรูแล้ว อช.ผาแต้มยังมี สิ่งชวนชมอย่าง ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ น้ำตกสร้อยสวรรค์ ทุ่งดอกไม้บนลานหิน โดยผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานฯผาแต้ม โทร. 0-4524-9780
“น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน”
นี่คือวรรคทองที่นอกจากจะใช้เปรียบเปรยกับจิตใจคนเราแล้ว(โดยเฉพาะกับหัวใจอ่อนๆของสาวๆที่บางครั้งกลับแข็งโป๊กดุจใจหินกินไวอากร้า) ยังเป็นความจริงแห่งธรรมชาติที่ยากจะปฏิเสธ
ผมเคยเห็นหินใหญ่ก้อนหนึ่งมีรูบุ๋มลงไปเนื่องมาจากถูกน้ำฝนหยดแหมะๆอยู่ชั่วนาตาปี ที่ดูๆไปดูๆมาก็คล้ายกับหินมีสะดือยังไงยังงั้น
นอกจากน้ำจะทำหินกร่อนแล้ว สายน้ำยังสามารถทำหินทะลุเป็นรูกลวงโบ๋ได้อีกด้วย ซึ่งหากพูดถึงปรากฏการณ์น้ำเซาะหินกินจนเป็นรูบานทะโร่แล้ว “น้ำตกลงรู” ที่อุทยานฯผาแต้ม จ.อุบลราชธานี นับเป็นหนึ่งในตัวอย่างอันโดดเด่นสวยงาม ที่หลังถูกโปรโมตให้เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ น้ำตกแห่งนี้ก็กลายเป็นดาวเด่นตัวใหม่ของการท่องเที่ยวไทยในหน้าฝนขึ้นมาทันที
เพราะจะว่าไปลักษณะของน้ำตกลงรูแบบนี้ ทอดตาดูทั่วเมืองไทยก็เห็นจะมีที่ผาแต้มแห่งเดียว
ในขณะที่การเกิดของน้ำตกลงรู ใครจะมองว่าเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติก็มองได้ หรือใครจะมองว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมดาของธรรมชาติก็สามารถมองได้เช่นกัน
เนื่องจากสาเหตุของการเกิดรูขนาดใหญ่บนลานหินทรายนั้น ไม่ได้เกิดจากมีใครเอาระเบิดมาทิ้งบอมบ์หรือมีมนุษย์คนไหนเอาสว่านไปเจาะ แต่ว่ามันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่งนั่นเอง โดยเมื่อมีฝนตกลงมามากๆ น้ำในลำธารตามป่าเขาก็จะมีปริมาณมากตาม แถมยังไหลแรงและเร็วที่ไม่ได้ไหลแรงเร็วอย่างเดียว หากแต่กระแสน้ำยังได้พัดพาเอาใบไม้ ท่อนไม้ ก้อนกรวด ก้อนหิน ไหลตามไปด้วย ซึ่งก้อนกรวดก้อนหินส่วนหนึ่งจะไหลเข้าไปติดอยู่ในซอก ในแง่งเหลี่ยมของลานหิน หรือตกไปอยู่ในหลุมเล็กๆของลานหิน
ครั้นเมื่อถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวเร็วแรงไหลผ่าน ก้อนกรวดก้อนหินที่ติดคาอยู่ตามเหลี่ยม ตามซอก หรือตามหลุมของลานหินก็จะวิ่งหมุนวนไปเรื่อยๆ ทำให้ลานหินทรายที่มีความแข็งแกร่งน้อยกว่าก้อนกรวดก้อนหินก็จะค่อยกร่อนไปเรื่อยๆเกิดเป็นหลุมบนลานหินขึ้นมา (ศัพท์ทางวิชาการธรณีวิทยา เรียกว่า “กุมภลักษณ์” ที่มีลักษณะเป็นหลุมคล้ายหม้อ(กุมภ แปลว่าหม้อ) พบมากในภาคอีสานเนื่องจากมีชั้นหินทรายอยู่มาก)
ยิ่งกระแสน้ำไหลแรงเร็วตอกย้ำอยู่เรื่อยๆเช่นนี้ชั่วนาตาปี ก้อนหินก้อนกรวดก็จะหมุนวนขยายหลุมให้ลึกและกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้หากเป็นลานหินทรายทั่วไปหลุมกุมภลักษณ์ก็จะขยายตัวและลึกจมหายลงไปในพื้นหิน แต่ในกรณีที่เป็นแผ่นหินหนา(อย่างน้ำตกลงรู) หลุมกุมภลักษณ์เมื่อขยายและกร่อนลึกลงไปจนถึงระดับหนึ่ง จากหลุมหม้อก็จะเกิดเป็นรูกลวงเป็นช่องโบ๋ขึ้นมา
จากรูเล็กเพียงน้ำไหลลงรู นานวันเข้าเมื่อถูกสายน้ำพัดพากรวดหินมาตอกย้ำในหลุมอยู่เป็นนิจ รูก็ขยายใหญ่ขึ้นจนเกิดเป็นน้ำตกลงรูในที่สุด
สำหรับกาลเทศะ จังหวะเวลา ในการชมน้ำตกลงรูให้สวยงามก็จะเป็นเฉพาะในช่วงหน้าฝนเท่านั้น เพราะจะมีปริมาณน้ำมากไหลเป็นสายลอดรูเพิงหินลงมากระทบกับลานหินเบื้องล่างแตกกระจายเป็นสีขาว ก่อนจะไหลไปรวมกันในแอ่งน้ำแล้วไหลลงสู่ลำธารต่อไป โดยจุดชมน้ำตกแสงจันทร์ที่สวยงามจุดแรกก็คือทางด้านล่างของน้ำตกหรือแถวใต้รูนั่นแหละ ซึ่งเมื่อมองแหงนขึ้นไปก็จะเห็นสายน้ำสีขาวไหลฟูฟ่องออกมาจากรู ดูประหนึ่งฝักบัวยักษ์ปล่อยน้ำลงมาให้ความชุ่มฉ่ำยังเบื้องล่างยังไงยังงั้นเชียว
เมื่อเดินชมหรือใครอาจจะลองไปยืนอาบน้ำตกใต้ฝักบัวยักษ์(ที่ออกจะสุ่มเสี่ยงต่อก้อนกรวดก้อนหินจากเบื้องบนตกลงหัวเหมือนกัน)กันจนเปียกปอนได้ที่แล้ว ลองเดินเลาะแอ่งน้ำไปนิดส์นึงแล้วมองย้อนเข้ามา ก็จะเห็นน้ำตกลงรูกับองค์ประกอบอันงดงามไม่ว่าจะเป็น สายน้ำขาวนุ่มตาที่ไหลบ่าออกมาจากรูยักษ์บนเพิงหินที่แหว่งโค้งท่ามกลางต้นไม้รายล้อม แต่กลับเปิดทางให้แสงยามเที่ยง-บ่ายสาดส่องลงมาต้องกับสายน้ำตกได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ
อีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดในการชมน้ำตกลงรูก็คือ ให้เดินขึ้นบันไดไปตามทางออกแล้วพอถึงชานพักหินใต้โตรกผา ให้มองย้อนลงมาก็จะเห็นน้ำตกลงรูไหลเป็นสายขาวกระทบกับแอ่งหินเบื้องล่างดูสวยงามไปอีกแบบ
หลายๆคนบอกว่าจากจุดนี้ถ้าดูให้ดี จะเห็นเส้นสายลายน้ำยามที่ตกลงมาจากรูแตกกระจายเป็นรูปหัวใจ ซึ่งผมพยายามดูอยู่หลายครั้ง มองยังไงก็เห็นเป็นรูปน้ำตกอยู่ดี งานนี้สงสัยต้องใช้ใจมองถึงจะเห็นน้ำตกเป็นรูปหัวใจตามที่เขาว่ากัน(มั้ง)
นอกจากจะสวยงามแปลกตาแล้ว น้ำตกลงรูยังได้รับการเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า “น้ำตกแสงจันทร์” อันเนื่องมาจาก ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงไปจนถึงบ่ายซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำตกจะสวยที่สุด เพราะแสงแดดจากเบื้องบนจะส่องแสงลงมากระทบกับสายน้ำ ดูขาวฟูฟ่องนุ่มนวลตาประหนึ่งดังแสงจันทร์ อันเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้
นับเป็นแสงจันทร์กระจ่าง ส่องนำทางสัญจรในยามเที่ยงที่น่ายลเป็นอย่างยิ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมขอย้ำอีกครั้งว่า เฉพาะในช่วงหน้าฝนเท่านั้น เพราะถ้าเลยช่วงหน้าฝนไปสู่ต้นหนาว สายน้ำตกลงรูจะเหลือน้อย แต่ถ้าหลังจากนั้นไปเข้าสู่ฤดูแล้งน้ำจะแห้งหายไปเหลือเพียงรูเฉยๆให้ได้ยลกัน ต้องรออีกทีหน้าฝนปีถัดไปจึงจะได้ชมน้ำตกลงรูแบบจะๆอีกครั้ง
ช่วงปี 46 ที่เพิ่งโปรโมตน้ำตกแสงจันทร์ใหม่ๆ คนส่วนใหญ่ต่างพากันคิดว่านี่เป็นน้ำตกลงรูเพียงแห่งเดียวในเมืองไทย แต่ว่าเมื่อเร็วๆนี้ได้มีรายงานว่า มีการพบน้ำตกลงรูแห่งใหม่อยู่ในเขตอุทยานฯผาแต้มไม่ไกลจากน้ำตกแสงจันทร์เท่าไหร่ ชื่อ“น้ำตกขัวนางนี” (ขัวแปลว่าสะพาน(ภาษาอีสาน),นางนี คือ ชะนี) ที่มีรูให้น้ำตกไหลผ่าน 2 รูแน่ะ แต่ว่าความใหญ่ของรูนั้นสู้น้ำตกแสงจันทร์ไม่ได้ และก็มีให้ชมเฉพาะในหน้าฝนช่วงที่น้ำเยอะเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ในอุทยานฯผาแต้ม จึงมีน้ำตกลงรูด้วยกันถึง 3 รูทีเดียว ซึ่งใครที่จะไปชมน้ำตกลงรู โดยเฉพาะน้ำตกลงรูใหญ่อย่างน้ำตกแสงจันทร์นั้น หากใครเดินขึ้นไปเหนือน้ำตกดูลำธารต้นกำเนิดของน้ำตกลงรูที่ยามหน้าฝน สายน้ำไหลเชี่ยวก่อนจะผลุบหายลงไปในรู ยังไงก็ควรระมัดระวังตัว ระวังลื่นไว้ด้วย เพราะรูน้ำตกนี่มีขนาดใหญ่เอาเรื่องชนิดที่ว่าคนเป็นๆตกลงไปพร้อมๆกัน 2-3 คนได้อย่างสบายๆ
แต่งานนี้หากใครเมื่อตกลงไปแล้ว รับรองว่าไม่สบายแน่นอน ใครตกไปโชคดีหน่อยก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ใครโชคร้ายอาจพิการ ใครโชคร้ายกว่าหัวน็อคพื้น อาจถึง“ตาย” !!!ฉะนั้นใครที่จะไปชมธารน้ำตกลงรูด้านบนยังไงๆก็ห้ามประมาทด้วยประการทั้งปวง เพราะเกิดพลาดพลั้งตกลงไป
ทริปเที่ยว"น้ำตกลงรู"อาจจะกลายเป็นทริปเที่ยว"น้ำตกลงโลง"ไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
*****************************************
น้ำตกลงรู อช.ผาแต้ม จากตัวเมืองอุบลฯเดินทางสู่ อ.โขงเจียมโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2134 แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2112 ที่มุ่งสู่ อ.เขมราฐ ก็จะถึงยังน้ำตกลงรู ช่วงฤดูที่เหมาะสำหรับชมน้ำตกลงรู(อย่างสวยงาม)ก็คือช่วงระหว่างเดือนส.ค.-ต.ค. ซึ่งนอกจากน้ำตกลงรูแล้ว อช.ผาแต้มยังมี สิ่งชวนชมอย่าง ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ น้ำตกสร้อยสวรรค์ ทุ่งดอกไม้บนลานหิน โดยผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานฯผาแต้ม โทร. 0-4524-9780