xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยว"เมลเบิร์น"...เมืองน่าอยู่คู่ออสซี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : จุชดานิน

พูดถึงประเทศออสเตรเลีย นอกจากซิดนีย์จะเป็นคุ้นหูคนไทยเป็นอย่างดีแล้ว เมลเบิร์น ก็นับเป็นอีกเมืองหนึ่งแห่งออสเตรเลียที่คนไทยรู้จักมักคุ้นกันไม่น้อย

เมลเบิร์น(Melbourne)เมืองนี้เป็นเมืองหลวงของรัฐวิกตอเรีย มีชื่อในด้านศูนย์กลางทางวัฒนธรรม แฟชั่น อาหาร บันเทิง กีฬา ศิลปะ สถาปัตยกรรม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองน่าอยู่ในอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว

หากดูจากแผนที่จะเห็นว่า ตัวเมืองของเมลเบิร์นถูกวางผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีถนนตัดผ่านเหมือนตารางหมากรุก ทำให้ง่ายต่อการเดินทางภายในตัวเมือง และข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของเมืองก็สามารถเดินทางได้สะดวก เพราะที่นี่เขามีบริการด้านคมนาคมที่ทั่วถึง เรียกว่าแทบจะทุกซอกทุกมุมเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีรถรางเที่ยวชมเมืองที่ดูแล้วแสนจะคลาสสิกไม่น้อยทีเดียว

สำหรับการเที่ยวเยือนนครที่ใฝ่ฝันของหลายๆคนทั่วโลกครั้งนี้ ฉันเลือกเที่ยวเปิดประเดิมทริปกันที่ สวนฟิตซรอย (Fitzroy Gardens) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ อุดมไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นและดอกไม้นานาพันธุ์ที่จะออกดอกสวยสะพรั่งตามฤดูกาลของมัน ที่สวนแห่งนี้เป็นที่นิยมในการถ่ายรูปอีกด้วย เพราะบรรยากาศธรรมชาติแสนสวย ถ้าลองได้เอาหน้างามๆของนักท่องเที่ยว หรือจะหน้าที่งดซึ่งความงามของฉันเข้าไปร่วมแจมในรูปด้วย ยังไงก็ดูดี

หรือจะเลือกถ่ายรูปกับกระท่อมของกัปตันคุก (Cook’s Cottage) นักสำรวจชาวอังกฤษคนสำคัญของโลก ผู้ค้นพบทวีปออสเตรเลีย และซีกขั้วโลกใต้ กระท่อมนี้ได้ถูกย้ายมาจาก Yorkshire ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ.1934 มาสร้างใหม่ให้เหมือนของเดิมบริเวณสวนสาธารณะแห่งนี้ ในการเฉลิมฉลองนครเมลเบิร์นในวาระครบรอบ 100 ปี

หลังจากถ่ายรูปตัวเองไว้เป็นที่ระทึกแล้ว ฉันเดินทางไปต่อยัง ST Patrick’s Cathedral ที่เพียงแค่เห็นด้านนอกโบสถ์นี้ก็ดูสวยงามตระหง่านมากแล้ว ยิ่งเข้าไปด้านในก็ให้ความรู้สึกถึงความสวย ขลัง และโอ่อ่าเป็นอย่างมาก ฉันนึกอยากเห็นตอนที่เขาทำพิธีทางศาสนา คงจะสวยงามกว่านี้มากทีเดียว

โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์คริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคใน ค.ศ.1858 จนถึงตอนนี้คงมีอายุปาเข้าไปเกือบ 150 ปีแล้ว ถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่อย่างมากเลยเชียวหละ

จากนั้นไม่ไกลกันมากนักมีพิพิธภัณฑ์เมลเบิร์น(Melbourne Museum) ที่รวบรวมวิวัฒนาการต่างๆไว้ในอาคารสูง 6 ชั้น ทางด้านตะวันออกของตัวอาคารเป็นที่รวบรวมศิลปวัฒนธรรมของสังคมชาวออสเตรเลีย ส่วนด้านตะวันตกจะเป็นผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, สิ่งแวดล้อมและพัฒนาการของมนุษย์ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ป่าไม้จำลองซึ่งประกอบด้วยพันธุ์ไม้กว่า 8,000 ชนิดในรัฐวิคตอเรีย การแสดงศิลปะและวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองของรัฐวิคตอเรีย คือ เผ่า Bunjilaka แสดงในบริเวณของอะบอริจิ้น เซ็นเตอร์และจะคอยให้คำบรรยายโดยชนพื้นเมืองอย่างแท้จริง หรือที่มุมเด็ก เด็กๆจะได้เพลิดเพลินกับเครื่องเล่นมากมายและสีสันของบ้านต่าง ๆ ที่มีรูปร่างแปลกตา และที่น่าสนุกอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้เข้าชมสามารถชมการต่อสู้ระหว่างร่างกายมนุษย์กับแบคทีเรีย Spaceinvaders ได้ที่โรงภาพยนตร์ ICE (Immersion Cinema Experience ) ซึ่งใช้เป็นที่จัดฉายภาพยนตร์เรื่อง Vital Space เป็นครั้งแรก

จุใจกันไปแล้วในพิพิธภัณฑ์เมลเบิร์น ฉันขอเปลี่ยนบรรยากาศมาชอปยัง Queen Victoria Market ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่และเก่าแก่ของเมืองเมลเบิร์น สินค้าที่นี้มีคุณภาพและมีหลากหลายให้เลือกชอป เท่าที่สังเกตดูพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของตลาดจะขายพวกของสดทั้งเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ตามฤดูกาล พื้นที่ส่วนที่เหลือจะเป็นร้านขายของพวกเสื้อผ้า ของที่ระลึก ร้านขายอาหารและอีกมากมาย ความหลากหลายของสินค้าทำให้ตลาดวิคตอเรียมีความคึกคักอยู่ทุกวัน ฉันว่ามาที่นี่ที่เดียวก็ชอปได้ไม่รู้เบื่อ โดยเฉพาะผลไม้ฉันอยากจะซื้อๆเหมาๆมาให้หมดตลาดกันไปเลย เพราะดูสีสันท่าทางน่ากินทั้งนั้น เดินไปน้ำลายยืดไปปาดแทบไม่ทัน

แวะตลาดเติมพลังให้ตัวเองแล้ว ก็ไปต่อกันที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Melbourne Aquarium) ภายในอุโมงค์โค้งแก้วใส ชมที่รวมของสัตว์น้ำนานาชนิดต่างๆ เช่น ปลาฉลาม ปลากระเบนที่ว่ายวนอยู่รอบตัวเรา รวมถึง Seadragon ซึ่งสามารถหาชมได้เฉพาะที่ออสเตรเลียเท่านั้น

ส่วนสถานที่ที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งในเมลเบิร์นก็คือ Victorian Arts Centre อาคารที่มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายหอไอเฟลคือมียอดแหลมสูง มองผ่านๆก็คล้ายจริงๆอย่างที่เขาว่ากัน ยิ่งตอนกลางคืนที่แห่งนี้จะเปิดไฟสวยงามมาก ถือเป็นอีกหนึ่งวิวยามค่ำคืนที่ฉันชื่นชอบ

Victorian Arts Centre แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของการแสดงศิลปะทุกแขนงจากทั่วโลกเช่น ละครเวที บัลเล่ต์ คอนเสิร์ต ซึ่งมักมาเปิดการแสดงที่นี่บ่อยๆ ไม่เพียงแค่การแสดงชั้นเยี่ยมเท่านั้น แต่ภายในอาคารยังตกแต่งด้วยงานศิลปะของศิลปินชาวออสซี่อีกมากมาย ผู้ที่สนใจศิลปะอย่างแท้จริง ต้องขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งหลายทั้งปวง

เต็มอิ่มกับศิลปะกันไปแล้ว ที่ที่ไม่ควรพลาดอีกแห่งหนึ่งก็คือ อนุสรณ์สถานทหารผ่านศึก (Shrine of Remembrance) ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารชาวออสเตรเลียที่สละชีพเพื่อชาติในสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามมลายู สงครามเวียดนาม และสงครามอื่นๆ ตัวอนุสรณ์สถานสร้างขึ้นในปี1928 ตามแบบมอโซเลียมแห่งฮาลิคาร์นาซุส ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ

ปิดท้ายวันเวลาอันแสนสั้นที่ Royal Botanic Gardens Melbourne ซึ่งนับได้ว่าเป็นสวนที่สวยสุดๆ สนามหญ้า และต้นไม้ที่เขียวขจี ทำให้รู้สึกเย็นสบายตาเป็นอย่างมาก ฉันเดินมานั่งเล่นตรงริมทะเลสาบมองผู้คนที่บ้างก็ผ่านไปมา บ้างก็นั่งเล่นนอนเล่นเหมือนกับฉัน รวมถึงสัตว์ตัวเล็กอย่างเช่น เจ้านกน้อย เป็ด หงส์ ดูแล้วช่างมีความสุขเสียนี่กระไร

นอกจากสถานที่ที่กล่าวมาแล้ว เมลเบิร์นยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมายให้ไปเที่ยวไปเยี่ยมเยือนอีกหลายต่อหลายแห่ง แต่เนื่องจากฉันมีเวลาอยู่ในตัวเมืองเมลเบิร์นเพียงน้อยนิดจึงไม่สามารถเที่ยวได้อย่างใจนึก หากมีโอกาสฉันต้องมาเยือนยังนครที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหนึ่งที่น่าอยู่ที่สุดในโลกแห่งนี้อีกอย่างแน่นอน

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เมลเบิร์น เป็นเมืองหลวงของรัฐวิกตอเรีย และใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศออสเตรเลีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ มีฤดูกาล 4 ฤดูได้แก่ ฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ฤดูใบไม้ร่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ฤดูหนาวเดือนมิถุนายน-สิงหาคม และฤดูใบไม้ผลิเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน การเดินทางจากสนามบินทูลามารีน สนามบินนานาชาติประจำนครเมลเบิร์นไปยังตัวเมืองเมลเบิร์นสะดวกสบายด้วยรถบริการแท็กซี่ หรือรถเมล์ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

กำลังโหลดความคิดเห็น