xs
xsm
sm
md
lg

สนุกเร้าใจกับทริปผจญภัยใจสีเขียว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สมัยก่อนการที่เราจะเข้าในเขตทหารสักแห่งนับเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ เพราะเขตทหารเป็น"เขตหวงห้าม"ที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติมีกฎระเบียบที่เข้มงวด ยากที่ประชาชนอย่างเราๆท่านๆจะมีโอกาสเข้าไปได้
จะมียกเว้นบ้างก็เห็นจะเป็นการไปเข้าค่ายของพวกลูกเสือ-เนตรนารี หรือนักศึกษาวิชาทหาร แต่หลังจากที่ทหารได้ปรับนโยบายเปลี่ยนจาก"เขตทหารห้ามเข้า" เป็น"เขตทหารยินดีต้อนรับ"เมื่อหลายปีก่อน นับแต่นั้นมาค่ายทหารหลายๆค่ายก็กลายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

"ผู้จัดการท่องเที่ยว"เองแม้มีโอกาสแวะเวียนเข้าไปเที่ยวในเขตทหารมาแล้วหลายค่ายหลายครั้ง แต่กับครั้งนี้ต้องถือว่าพิเศษสุดๆ เพราะนี่คือการไปเที่ยว"ผจญภัยใจสีเขียว"ในค่ายทหารอย่างใกล้ชิดผูกพันในระยะเวลา 2 วัน 1 คืน ณ "โรงเรียนสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี" ที่นอกจากจะได้สัมผัสกับชีวิตความเป็นอยู่จริงๆของทหารแล้ว เรายังมีโอกาสได้ไปใช้ชีวิต(เลียน)แบบทหาร ทั้งการ กิน นอน และการฝึกบางอย่าง ที่นานๆทีถึงจะมีโอกาสเช่นนี้สักครั้ง

สำหรับกิจกรรมแรกเริ่มจากการไปศึกษาความเป็นมาของบรรดาหน่วยรบพิเศษ ที่"พิพิธภัณฑ์ทหารรบพิเศษ" หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ที่อยู่ใกล้ๆกับโรงเรียนสงครามพิเศษ เพียงก้าวแรกที่เหยียบย่าง"ผู้จัดการท่องเที่ยว"ก็สัมผัสได้ถึงพลังความเข้มแข็งของชายชาติทหารที่แผ่ออกมาจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

พิพิธภัณฑ์ทหารรบพิเศษ แบ่งห้องจัดแสดงเป็น 4 ห้องหลัก ห้องแรก คือห้องจัดแสดงทั่วไป ที่มีภาพประวัติความเป็นมาของหน่วยรบพิเศษ และภาพผู้บังคับบัญชาทหารสูงสุด รวมถึงเครื่องหมายประกอบเครื่องแต่งกายของนักรบพิเศษ ส่วนห้องจัดแสดงที่ 2 , 3 , 4 เป็นห้องจัดแสดงเกี่ยวกับการดำเนินงานของทหารการสู้รบเพื่อชาติ
 
กิจกรรมการฝึกของทหารทั้งการฝึกกระโดดร่ม การพรางตัว วิธีการอยู่ใต้น้ำอย่างไรให้อยู่นานที่สุด รวมถึงการสู้รบในป่า เหตุการณ์ทั้งหมดล้วนเป็นเหตุการณ์ที่ทหารทุกคนของหน่วยรบพิเศษ ต้องได้รับการฝึก และสโลแกนของหน่วยรบพิเศษที่นี่ คือ พลังเงียบ เฉียบขาด ฟังชื่อสโลแกนแล้วทำให้คิดถึงการสู้รบที่ต้องใช้ทั้งสติปัญญาบวกกับความรอบคอบ ถึงจะพบกับคำว่า"ชัยชนะ"

หลังอุ่นเครื่องเรียกน้ำย่อยกับการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ทหารรบพิเศษแล้ว เราก็ออกเดินทางไปต่อกันที่โรงเรียนสงครามพิเศษ เพื่อเผชิญกับงานหนักประจำทริปอย่างการทำกิจกรรมต่างๆที่ดูแล้วไม่ต่างจากเหล่าทหารหาญเท่าใดนัก ทั้งการกระโดดหอ การเดินบนภูเขาเพื่อหาอาหาร การโรยตัวจากหน้าผาจำลอง และการดำรงชีพในป่าอย่างไรเพื่อไม่ให้อดตาย ซึ่งแค่ฟังโปรแกรมก็โหดแล้ว แต่ว่าการฝึกจริงนั้นโหด มัน ฮา กว่านี้หลายเท่านัก

แต่จะให้ทำไงได้ในเมื่อมาแล้วเราก็ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะเรียกว่ามาไม่ถึงโรงเรียนสงครามพิเศษนะสิ แต่ว่าก่อนออกลุยกันทางค่ายพาเราไปนมัสการ"ศาลเทพเจ้าเอราวัณ"เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นทางค่ายได้พาเราเข้าสู่กิจกรรมละลายพฤติกรรม เพื่อสร้างความคุ้นเคยในฐานะผู้ที่จะต้องออกไปเผชิญชะตากรรมเดียวกัน

สำหรับกิจกรรมละลายพฤติกรรมในวันนั้นเป็นเกมผึ้งน้อยทำรัง โดยเกมนี้จะให้คนในกลุ่มใช้มือตักน้ำในถังเดินไปใส่ในถังเปล่าอีกใบที่มีรูรั่วอยู่ทั่วไป ซึ่งสมาชิกในกลุ่มต้องช่วยกันเอานิ้วมืออุดรูรั่วถังไว้ ในขณะที่ส่วนหนึ่งก็ต้องรีบวิ่งไปตักน้ำมาใส่ถังให้เร็วที่สุด นับเป็นเกมที่นอกจากจะสนุกเพลิดเพลินแล้ว เกมนี้ยังให้ข้อคิดในเรื่องของความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกันได้เป็นอย่างดีทีเดียว

หลังละลายพฤติกรรมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ได้เวลาท้าทายกำลังขา กำลังใจ กับการตะลุยเดินหน้าขึ้นเขาขึ้นเขา"เอราวัณ" ที่เดิมนั้นเขาแห่งนี้มีชื่อว่า"เขาสะพรึง"เพราะมีรูปร่างน่าสะพรึงกลัว แต่ว่าต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น"เขาเอราวัณ"เนื่องจากมีรูปร่างของเขาคล้ายช้างสามเศียรหรือช้างเอราวัณของพระอินทร์นั่นเอง

ต้องยอมรับเลยว่าการเดินขึ้นเขาเอราวัณนี่แม้จะมีระยะทางสั้นแค่ประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ว่าก็โหดหินเอาเรื่องเพราะเส้นทางมันชันเหลือคณา ยิ่งผสมกับอากาศที่ร้อนระยับของอากาศช่วงบ่าย 2 โมง งานนี้บอกได้คำเดียวว่า"เหนื่อยสุดๆ" แต่แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ดูเหมือนว่าเพื่อนที่ร่วมชะตาเดียวกับเราต่างก็ไม่ย่นย่อท้อพร้อมช่วยเหลือเอื้ออาทรกันเป็นอย่างดี

เรียกได้ว่าการเดินขึ้นเขาเอราวัณนอกจากจะทำให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติแล้ว เรายังได้สัมผัสกับน้ำใจไมตรีของเพื่อนที่ร่วมทางมาด้วย

ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น เพราะสุดท้ายแล้วพวกเราก็ขึ้นมาถึงบนยอดเขาเอราวัณจนได้ ไม่น่าเชื่อว่าบนยอดเขาแห่งนี้จะมีถ้ำแฝงเร้นอยู่ที่ภายในนั้นอากาศเย็นมาก ต่างกันลิบลับจากนอกถ้ำที่อากาศร้อนมาก นอกจากถ้ำเย็นๆแล้ว บนยอดเขาเอราวัณเราจะพบกับจุดชมวิวที่มีพระพุทธรูปองค์โตประดิษฐานอยู่ ซึ่งเมื่อมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นทิวทัศน์ของลพบุรีที่ได้เป็นอย่างดี

หลังจากดื่มด่ำกับทิวทัศน์เมืองลพบุรีพอหอมปากหอมคอแล้ว พวกเราก็เดินทางลงจากเขาเพื่อมาทำกิจกรรมการดำรงชีวิตในป่ากันต่อ กิจกรรมนี้สอนวิธีหุงข้าวจากกระบอกไม่ไผ่ การดูต้นไม้บางชนิดว่ามีพิษหรือไม่มีพิษ

ช่วงนี้ระหว่างที่"ผู้จัดการท่องเที่ยว"นั่งฟังครูฝึกอธิบายเกี่ยวกับเรื่องอาหารแล้วท้องก็เริ่มออกอาหารหิวตะหงิดๆขึ้นมาไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงเลือกบรรเทาหิวด้วยไข่ต้มหนึ่งฟองอาหารสาธิตจากครูฝึกที่ก็ช่วยคลายหิวไปได้นิดหน่อย

ช่วงค่ำหลังกินมือเย็นเรียบร้อยแล้วคืนนี้เราได้รับสิทธิพิเศษ คือได้นอนโรงนอนของทหารจริงๆ ซึ่งบทสรุปของการตรากตรำอย่างเหน็ดเหนื่อยในวันนี้ก็คือการนอนหลับปุ๋ยอย่างไม่รู้เดือนรู้ตะวันนั่นเอง

..................................

แสงแดดของเช้าวันใหม่แยงตาเข้ามาทักทายทำให้"ผู้จัดการท่องเที่ยว"รู้สึกตัวว่าสมควรตื่นได้แล้ว แต่แสงยามเช้าก็ไม่ทรงพลังเท่าเสียงนกหวีดจากครูฝึก ที่ช่างเป็นเสียงอันกระชากโสตประสาทได้ดีจริงๆ

หลังจากปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเสร็จกันเรียบร้อยแล้ว มื้อเช้าวันนี้มีความพิเศษตรงที่ กว่าเราจะได้กินข้าวคำแรกนั้นมันช่างแสนจะยากลำบาก เพราะต้องนั่งขัดฉากแบบทหารก่อนกินข้าว แถมเราต้องนั่งขัดฉากกันอยู่หลายทีจนออกอาการเมื่อยไปตามๆกันนั่นแหละ ครูฝึกจึงยอมให้เรากินหม่ำข้าวเช้าได้

เมื่อเพิ่มพลังกันแล้ว ต่อไปก็เป็นคิวของกิจกรรมที่ถือเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ นั่นก็คือ การโรยตัวจากหน้าผาจำลอง และการกระโดดหอที่มีความสูงถึง 34 ฟุต ที่แค่ฟังก็น่าหวาดเสียวแล้ว แต่ยังไงๆมันก็ไม่เท่ากับการได้ปฏิบัติจริงหรอก เพราะมันน่าหวาดเสียวกว่าหลายเท่านัก ซึ่งถ้าใครใจไม่ถึงพอขอเตือนว่าอย่าเล่นดีกว่า หรือใครที่เป็นโรคหัวใจก็อย่าได้พยายามริลองเลย ส่วนเรานั้นเมื่อนั่งทำใจกันจนได้ที่แล้ว ช่วงเวลาอันสุดแสนจะยากลำบากของชีวิตกับการกระโดดหอก็มาถึง

ก่อนการกระโดดเราต้องเรียนรู้การใช้อุปกรณ์และชุดกระโดดหอเพื่อความปลอดภัยกันเสียก่อนกับครูฝึกที่ทั้งโหด มัน ฮา ครบรส และถ้าใครไม่กล้ากระโดดก็จะได้รับอภินันทนาการจากครูฝึก นั่นคือ จะถูกฝ่ามือพิฆาตที่จะช่วยให้เรากระโดดหอได้เร็วขึ้นแบบไม่ต้องคิดมาก

แล้ววินาทีสำคัญก็มาถึงเมื่อเราขึ้นไปยืนบนจุดกระโดดหอ ซึ่งวิวทิวทัศน์ที่อยู่ข้างหน้าแม้จะช่วยบรรเทาอาการกลัวไปได้บ้าง ก่อนที่จะกลั้นลมหายใจ

กระโดด !?!

วิ๊ว...ช่วงจังหวะนี้แม้เป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีแต่ก็เป็นช่วงที่ตื่นเต้นมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตทีเดียว จากนั้นเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ตัวที่ลอยคว้างกลางอากาศตั้งหลักได้ จากความตื่นเต้นก็เปลี่ยนมาเป็นความน่าตื่นตาตื่นใจแทน เพราะนี่เป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตที่เราได้มีโอกาสไปลอยอยู่กลางอากาศ มองลงไปยังเบื้องล่างไม่ต่างกับนกที่แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆแต่มันก็น่าจดจำไม่น้อยทีเดียว

นอกจากความตื่นเต้นท้าทายจากการกระโดดหอแล้ว การโรยตัวลงจากหน้าผาจำลองนับเป็นอีกหนึ่งในความท้าทายที่เราได้มีโอกาสทดสอบในทริปนี้

สำหรับการโรยตัวแบบทหารนั้นมีทั้งแบบเอาหน้าลงและแบบเอาหลังลง ซึ่งแบบที่เอาหน้าลงจะให้อารมณ์ที่หวาดเสียว ตื่นเต้น เพราะว่าหน้าของเราจะขนานกับพื้นดิน เหมาะสำหรับพวกมืออาชีพ ส่วนพวกมือใหม่อย่างพวกเราแค่โรยตัวแบบเอาหลังลงนี่ก็ระทึกใจไม่น้อยแล้ว แต่ว่าหลังจากที่ผ่านการกระโดดหอมาแล้ว ดูเหมือนว่าการโรยตัวจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเราต่อไป

เมื่ออุปกรณ์พร้อม ใจพร้อม "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็ค่อยๆกึ่งเดินถอยหลังกึ่งกระโดด กระดึ๊บๆลงมาจากบนหน้าหผาจำลองลงสู่พื้นโดยสวัสดิภาพ ถือเป็นการปิดฉากทริปผจญภัยใจสีเขียวในค่ายทหารที่นอกจากจะได้ความเพลิดเพลิน ความตื่นเต้นเร้าใจแล้ว เรายังได้ความกล้ามาเสริมสร้างกำลังให้กับหัวใจของตัวเองอีกด้วย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

โรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ค่ายเอราวัณ ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.ลพบุรี การเดินทางจากตัวเมืองลพบุรี จากวงเวียนพระบรมราชานุสาวรีย์พระนารายณ์มหาราช ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน และเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3016 ไปยังค่ายเอราวัณ (โรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ) ทั้งนี้ผู้สนใจเที่ยวผจญภัยใน ร.ร.สงครามพิเศษสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ จสอ.นพดล ใยมาก 0-3641-3440 , 08-6130-6758 ส่วนพิพิธภัณฑ์ทหารรบพิเศษตั้งอยู่ที่ ค่ายวชิราลงกรณ์ ต.ป่าตาล อ.เมือง จ.ลพบุรี โทร. 0-3661-2395

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เที่ยว"เขตทหารยินดีต้อนรับ"สัมผัสวิถีแห่งทหารหาญ
เที่ยวเขตทหาร “กองบิน 53” ย้อนตำนานสมรภูมิรบ         
"ทัวร์ทหาร" ท่องเที่ยวแบบทหารหาญ         
แอ่วค่ายทหารเมืองเหนือ         
มิติใหม่กองทัพไทย เปิดค่ายทหารให้ชมการแสดงสาธิตอาวุธเป็นครั้งแรก  

กำลังโหลดความคิดเห็น