xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวถนนมีชีวิต ชมสีสันแห่งท่าช้าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

หลังไปเยือนย่านท่าพระจันทร์ แดนดินถิ่นแห่งวัตถุมงคลมาเมื่อตอนที่แล้ว ในทริปนี้จากท่าพระจันทร์ฉันเลือกเดินหน้าต่อไปตามถนนมหาราชสู่ย่าน"ท่าช้างวังหลวง"หรือที่คนทั่วไปนิยมเรียกสั้นๆว่า"ท่าช้าง" เหตุที่เรียกย่านนี้ว่าท่าช้าง เพราะในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ บริเวณนี้เป็นบริเวณประตูเมืองที่ใช้สำหรับนำช้างจากวังหลวง หรือพระบรมมหาราชวัง ออกมาลงอาบน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จึงได้รับการเรียกขานว่า"ท่าช้างวังหลวง"

ต่อมาใน พ.ศ.2351 รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระศรีศากยมุนีจากสุโขทัยมาทางแพเพื่อมาประดิษฐานที่วัดสุทัศนเทพวราราม และพักแพที่ท่าช้างวังหลวงเพื่อประกอบพระราชพิธีสมโภชเป็นเวลา 3 วัน แต่พระพุทธรูปไม่สามารถผ่านประตูเมืองบริเวณนี้ได้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อประตูและกำแพงบางส่วนออก แล้วสร้างประตูใหม่พระราชทานนามว่า"ประตูท่าพระ"ด้วยเหตุนี้ชื่อ"ท่าพระ"จึงเป็นอีกชื่อหนึ่งที่คนเรียกขานบริเวณนี้ แต่ว่าก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าชื่อดั้งเดิมอย่างท่าช้าง

มาวันนี้ ท่าช้างวังหลวง เป็นท่าเรือข้ามฟากตั้งอยู่สุดถนนหน้าพระลาน ซึ่งเอกชนได้เช่าจากกรุงเทพมหานครมาดำเนินการ ส่วนท่าพระใช้เรียกท่าเรือฝั่งตรงข้ามกับท่าช้างวังหลวง และยังเป็นชื่อวังที่ตั้งบริเวณท่าช้างวังหลวงซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ คือ "วังท่าพระ" ซึ่งปัจจุบันก็คือ"มหาวิทยาลัยศิลปากร"นั้นเอง

ท่าช้าง ในยุคนี้ พ.ศ.นี้ ถือเป็นท่าเรือสำคัญที่มีผู้สัญจรไปมาเป็นจำนวนมาก ทั้งเรือข้ามฟาก เรือด่วนเจ้าพระยา เรือนำเที่ยวคลองบางกอกน้อย และยังมีเรือนำเที่ยวล่องเจ้าพระยาข้ามจังหวัดจากกทม.ไปถึงเกาะเกร็ดในจังหวัดนนทบุรีอีกด้วย

วันนั้นฉันไม่ได้ลงเรือเดินทางไปไหน แต่ว่าไปยืนรับลมจากท่าเรือท่าช้างดูบรรยากาศการสัญจรในแม่น้ำเจ้าพระเยาที่นับวันก็ยิ่งเพิ่มความพลุกพล่านมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงจะดูโกลาหลบ้างในบางวันบางเวลา แต่ว่ามุมมองแม่น้ำเจ้าพระยาที่นี่ก็น่าดูไม่น้อยเหมือนกัน โน่นฝั่งตรงข้ามมีวัดระฆังตั้งตระหง่านอยู่ ส่วนเยื้องไปอีกหน่อยก็เป็น หอประชุมกองทัพเรือ และพระปรางก์วัดอรุณฯอันโดดเด่นสวยงาม ซึ่งดูแล้วก็ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยเหมือนบ้านนอกบ้านฉันเพียงแต่แม่น้ำไม่กว้างใหญ่เท่าเจ้าพระยาเท่านั้นเอง

จากท่าเรือฉันเดินออกมายังบริเวณลานท่าช้างที่มีบรรยากาศค่อนข้างคึกคัก โดยเฉพาะยามเย็นช่วงหลังเลิกงานหรือช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ที่นี่จะมีผู้คนเดินกันขวักไขว่ชนิดหายใจรดต้นคอกันในบางมุมบางจุดเลยทีเดียว ที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องจากบริเวณนี้เป็นแหล่งค้าขายข้าวของสารพัด ทั้งแบบเป็นร้านถาวรและแบบแบกะดิน อาทิ รองเท้าหนังอูฐ กระเป๋า เครื่องสมุนไพร ว่านชักมดลูก ลูกประคบ ถ้วยชามโบราณ ร้านขายเครื่องเงิน เครื่องทองเหลือง ร้านขายรูปเทพเจ้าต่างๆในศาสนาฮินดู รูปราชวงศ์ทั้งเก่า-ใหม่ ร้านรับซื้อแบงค์เก่า เหรียญเก่า ขาดชำรุด เขาก็รับซื้อ รูปดาราตั้งแต่สมัยที่ฉันยังไม่เกิดก็มี เทปเพลงเก่า หรือจะเป็นหนัง ละครเก่าๆสมัยที่ยังใช้เสียงพากย์ทำเป็นแผ่น vcd dvd ก็มีให้เลือกย้อนยุคกันไป ร้านหนังสือเก่า หรือแม้แต่ จตุคามฯ ที่ท่าช้างเขาก็อินเทรนด์มีให้เช่ากับเขาด้วย คนมะรุมมะตุ่มอยู่ที่ร้านเช่าจตุคามจนฉันนึกว่าเขามีเรื่องอะไรกันขึ้นเสียอีก

ระหว่างที่ฉันเดินเล่นพลางดูข้าวของบินกะแด แบกะดินไปพลางๆ ก็มาเจอกับร้านหนังสือเก่าร้านหนึ่งที่เจ้าของร้านแสนจะเป็นมิตร ตั้งอยู่แถวๆป้ายรถเมล์ ชื่อร้านหนังสือหลวง เพราะเจ้าของร้านชื่อ "หลวง" ขายหนังสือที่ท่าช้างมาแล้ว 4 ปี พี่หลวงเล่าให้ฉันฟังว่า คนที่มาเดินท่าช้างส่วนใหญ่จะมีฐานะระดับกลางและระดับปัญญาชน ฉะนั้นหนังสือที่ขายจึงเป็นแนววิชาการ มีสาระ หนังสือเก่า ตำราเรียน นิยาย หนังสือยิ่งเก่ายิ่งขายดี บางทีเอามาวางไม่เกินชั่วโมงก็มีคนมาซื้อไปแล้ว

นอกจากหนังสือเก่าแล้วที่ร้านหนังสือหลวง ยังมีพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและราชวงศ์ที่หายาก ตั้งแต่ในหลวงทรงพระเยาว์จนกระทั่งปัจจุบันกว่า 4,000 แบบ เพื่อสร้างกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการ กลุ่มลูกค้าที่ซื้อก็เป็นพวกที่รักในหลวง เทิดทูลสถานบันกษัตริย์ พระบรมฉายาลักษณ์แต่ละใบที่พี่หลวงมีจำหน่ายนั้น ไม่เป็นเพียงแค่รูปเท่านั้นแต่ยังมีเรื่องราวที่พี่หลวงมักจะคอยเล่าให้ลูกค้าฟังเสมอ ซึ่งผู้ซื้อนอกจากจะได้รูปกลับบ้านแล้วยังได้เรื่องราวรูปใบนั้นๆติดหัวกลับไปอีกด้วย

พี่หลวงยังคุยให้ฉันฟังอีกว่า จุดเด่นของท่าช้างคือ การที่ประชาชนจะได้เห็นร้านค้าที่ออกมาวางแผงกันทั่วไป แต่เมื่อหมดเวลาก็จะเก็บของกันหายเกลี้ยง กลายเป็นทางเท้าเช่นเดิม ส่วนสินค้าก็มีให้เลือกหลายแบบ และราคาไม่แพง

"ถนนเส้นนี้ คือ ถนนที่มีชีวิต ถ้าเราไล่แม่ค้าพ่อค้าหายไปคนก็จะเดินน้อยลง เพราะคิดว่าไม่รู้จะเดินไปทำไมเนื่องจากไม่มีของให้เลือกชม เช่น เมื่อก่อนนี้มีตลาดนัดในวัดมหาธาตุ ประมาณ 15 ปีที่แล้ว คนที่เขาซื้อหัวปลาช่อนแห้งๆ เขาก็มาซื้อจากตลาดนัดที่วัด แต่พอทางวัดไม่มีตลาดนัดก็เลยไม่มีคนมาซื้อ ก็เหมือนกับถนนที่ตายไปแล้ว พอเลิกงานเสร็จก็เดินทางกลับบ้านอย่างเดียว ถ้ายังมีการค้าขายกันอยู่ก็จะมีคนเดินเพิ่มมากขึ้นทำให้ตลาดดูมีชีวิต ชาวต่างชาติก็เดินเพราะว่ามีสิ่งของที่เขาต้องการ ผ่านไปกี่ปีเขาก็แวะมาซื้อเพราะว่าที่อื่นไม่มี"

สำหรับเสน่ห์ของท่าช้างอีกอย่าง คือ อาหารที่ดูหลากหลายน่ากิน ร้านค้าขายอาหารมากมายตั้งอยู่เรียงรายระหว่างทางไปยังท่าเรือ ทั้งอาหารถุง ข้าวราดแกง ข้าวขาหมู กวยจั๊บ ข้าวคลุกกะปิ อาหารตามสั่ง ขนมปัง ขนมหวาน เต้าฮวย ร้านน้ำปั่น ผลไม้สด ก็มีมากมายหลายร้านจนฉันเลือกไม่ถูกเลยว่าจะลองลิ้มชิมรสร้านไหนดี

ส่วนอีกหนึ่งมุมที่ฉันมองว่าเป็นอีกสีสันของท่าช้างก็คือ "ดนตรีเปิดหมวก"ที่ป้ายรถเมล์จากการเล่นร้องของหนุ่มมาดเซอร์พร้อมด้วยลีลาการดีดกีต้าคู่ใจและเมาท์ออร์แกนตัวเก่ง ที่ส่วนใหญ่จะขับขานบทเพลงแนวเพื่อชีวิต คาวาน คาราบาว พงษ์เทพ ฯลฯ ให้กับผู้คนที่มายืนรอรถเมล์และผู้ที่ผ่านไป-มา

หนุ่มดนตรีเปิดหมวกคนนี้มีฉายาว่า"ปุ้ย รวีวา" เล่นดนตรีที่นี่มา 10 กว่าปีแล้ว เหตุเพราะเขาชอบที่จะแต่งและร้องเพลงในลักษณะนี้ให้ผู้คนฟัง

"หลายคนอาจมองว่าที่ผมมาเล่นดนตรีแบบนี้เพราะไม่มีอะไรจะทำ ไม่มีที่ไป หรือใครจะมาเล่นก็เล่นได้ แต่ผมเล่นด้วยใจ เล่นเพราะเลือกที่จะมาเล่นดนตรีแบบนี้มานานแล้ว"

ปุ้ย รวีวา ยังบอกอีกว่า เขามีกลุ่มคนฟังของเขาเองด้วย แฟนเพลงจะมานั่งฟังทุกวัน บ้างก็ขอเพลงที่เขาเคยฟังแล้วชอบ ทำให้รู้สึกปลื้มใจ และภูมิใจเป็นอย่างมาก ซึ่งฉันเองเมื่อได้ฟังเพลงที่ปุ้ย รวีวา เล่นและร้องก็รู้สึกเพลินหูไปด้วย

นอกจากสีสันของร้านรวงต่างๆแล้ว ที่ท่าช้างยังมีตึกรามบ้านช่องเก่าๆให้ได้ดูอีกด้วย ตึกเหล่านี้เคยเป็นที่อยู่ของข้าราชบริพาร เนื่องจากอยู่ใกล้กับพระบรมมหาราชวังในสมัยก่อน ซึ่งถึงจะเป็นตึกเก่าแต่ก็ได้รับการดูแลรักษาบูรณะทาสีเป็นอย่างดี จนกลายเป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจของท่าช้างแห่งนี้ ในขณะที่อีกฟากหนึ่งก็เป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยศิลปะอันโดดเด่นของเมืองไทยที่บรรดาอาร์ตติสต์ทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันต่างก็ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าออกมาสู่สายตาสาธารณะชนมากมาย

เอาไว้โอกาสเหมะๆฉันจะให้เพื่อนอาร์ตติสต์เด็กศิลปากรพาฉันไปซอกแซกทัวร์ในมหาวิทยาลัยศิลปากรดูสักหน่อย ส่วนวันนี้ฉันเลือกร่ำลาท่าช้างด้วยการเข้าไปในบริเวณราชนาวีสโมสรถิ่นลูกประดู่เพื่อสักการะ"ศาลวิชัยมงคลพฤกษเทวบุตร"สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่นับถือของผู้คนในละแวกนี้ นับเป็นการปิดทริปการเที่ยวท่าช้างที่เป็นสิริมงคลไม่น้อยทีเดียว

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ท่าช้าง ตั้งอยู่สุดถนนหน้าพระลาน เขตพระนคร กรุงเทพฯ บริเวณนี้มีพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงก็มี วัดพระเชตุพนฯ วัดระฆัง(ฝั่งตรงข้าม) มีรถประจำทางที่ผ่านคือ สาย 1, 15, 25, 43, 44, 47, 53, 82,91,123, 203 รถปรับอากาศ สาย 25, 39, 44, 91, 501, 508, 512

กำลังโหลดความคิดเห็น