xs
xsm
sm
md
lg

พายเรือเที่ยวกระบี่ ชมถ้ำผีหัวโต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ใจของเราจึงพลอยเปลี่ยนแปลงตาม

จากเดิมที่"ผู้จัดการท่องเที่ยว"ตั้งใจว่าจะพายเรือคยักล่องอ่าวท่าเลนชมป่าโกงกางและเจ้าลิงแสนซนกลางเมืองกระบี่ แต่เมื่อจู่ๆ 2 สาวพีอาร์จากโรงแรมเชอราตันกระบี่มาชักชวนให้ไปพายเรือคยักลัดเลาะป่าชายเลนผจญถ้ำที่ "บ้านบ่อท่อ" เราก็รีบตกลงโดยทันที พร้อมๆกับหาเหตุผล(ที่น่าจะเป็นข้ออ้างมากกว่า)มาเข้าข้างตัวเองว่า ที่อ่าวท่าเลนน่ะเคยไปพายเรือเที่ยวมาแล้วเมื่อคราวมาเยือนกระบี่หนก่อน ในทริปนี้จึงขอหลีกหนีความจำเจไปพายเรือที่บ้านบ่อท่อกันบ้าง

ว่าแล้วการเดินทางก็ถูกกำหนดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนโดยเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นมีเจ้าหน้าที่จาก Sea Land & Trek ที่จะพาไปล่องเรือในครั้งนี้ มารับพวกเราออกเดินทางจากตัวเมืองกระบี่มุ่งหน้าสู่บ้านบ่อท่อ ซึ่งก็ดูเหมือนว่า 2 สาวพีอาร์ ที่หนึ่งนั้นน่ารักส่วนอีกหนึ่งก็น่าลัก(ขโมย)จะออกอาการกระเหี้ยนกระหือรือต่อการผจญภัยในทริปนี้มาก เพราะระหว่างการเดินทาง(ประมาณ 45 นาที)พวกเธอเล่นนั่งหลับไปตลอด

ครั้นพอถึงยังจุดลงเรือ สาวน่ารักเมื่อตื่นขึ้นมาก็รีบชิงบอกกับทางสตาฟฟ์พายเรือว่า

"พี่ๆหนูขอนั่งเรืออย่างเดียวนะ กลัวพายเรือแล้วเหนื่อยอ่ะ"

งานนี้เล่นเอาสาวน่าลักอ้าปากค้างเพราะเธอชิงจังหวะช้าไปต๋อย เลยต้องรับหน้าที่เป็นนางหน้าพายเรือคู่กับนายท้ายแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่“ผู้จัดการท่องเที่ยว”ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เอ...สาวน่ารักนั่นเธอเหนื่อยตรงไหนหว่า เพราะตอนนั่งรถเห็นนั่งหลับมาตลอดทาง...อิอิ แต่ก็เอาเถอะสำหรับคนน่ารักประจำทริปทำอะไรก็ดูดีโม้ด ต่อให้ตกน้ำก็ไม่จมเพราะเธอมีเสื้อชูชีพสวมใส่นั่นเอง

จากนั้นเมื่อคนพร้อมเรือพร้อม ขบวนเรือคยักขบวนเล็กๆก็ได้ฤกษ์ ค่อยๆลอยลำเนิบๆออกจากท่าเรือริมคลองเล็กในหมู่บ้านบ่อท่อ ซึ่งเป็นชุมชนชาวประมงที่นอกจากจะออกเรือหาปลาเป็นหลักแล้วยังโดดเด่นในเรื่องทำกะปิและเคย แถมทิวทัศน์ของลำคลองไปจนถึงปากอ่าวก็น่ายลด้วยขุนเขา ป่าชายเลน วิถีชีวิตชาวบ้าน และถ้ำริมทะเลที่น่าสนใจ ทำให้มีนักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือ(เครื่อง)หรือพายเรือชมธรรมชาติในบริเวณนี้ ดังเช่นที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" กำลังพายเรือ...บึ้ด จ้ำ บึ้ด...อยู่นี่

ช่วงแรกๆของเส้นทางเมื่อพ้นจากคลองเล็กๆออกมา เราได้พบกับทิวทัศน์ของขุนเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านแวดล้อมไปด้วยผืนป่าชายเลนอันร่มรื่น มีนกบินฉวัดเฉวียนไปมาบนฟากฟ้า ที่วันนี้ท้องฟ้าและผืนน้ำดูจะเป็นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะฟ้าใส น้ำนิ่ง ทำให้พายเรือไม่ยากลำบากยากเย็นแต่อย่างใด(แต่พายไม่ยากไม่ใช่ว่าจะไม่เหนื่อยนะ)

สำหรับการพายเรือในทริปนี้ พวกเราต่างก็มีเป้าหมายอยู่ที่ 3 ถ้ำหลัก ที่ไม่ใช่ถ้ำมองและก็ไม่ใช่การพายเรือลอยไปลอยมาอย่าง"ผู้ชายพายเรือ"ตามภาษิตโบราณ ส่วนหญิงสาว 2 คนนี่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเป็น"ผู้หญิงยิงเรือ"แต่อย่างใด เพราะเท่าที่เห็นพวกเธอมีแต่อาการตื่นตาตื่นใจและตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ ต้องส่งเสียงวี๊ด ว๊าย กระตู้วู้ ออกมาเป็นบางครั้ง โดยเฉพาะยามที่เรือล่องเข้าสู่จุดหมายแรกอย่าง"ถ้ำลอด"นั้น ดูเหมือนว่า 2 สาวจะออกอาการกิ๊วก๊าวเป็นพิเศษ เพราะในถ้ำนั้นมืดตื้อจนสตาฟฟ์ต้องส่องไฟพายเรือ

แต่นั่นก็เป็นเพียงช่วงเวลาชั่วครู่เท่านั้น เพราะเมื่อเรือล่องลอดถ้ำไปเจอแสงที่อีกฟากฝั่ง ริ้วรอยของหินงอกหินย้อยในถ้ำก็ปรากฏอยู่ทั่วไป และจากการรอดมายังอีกฝั่งหนึ่งของถ้ำลอด พวกเราจึงใช้โอกาสนี้แวะพักเหนื่อยปล่อยเรือไหลไปตามน้ำ พร้อมปลดปล่อยอารมณ์ไปกับการชมป่าชายเลนอันอุดมร่มรื่น โน่นปลาตีนตาโปนที่ไวเป็นกรด ส่วนนั่นปูก้ามดาบที่ต่างก็ชูก้ามสลอนวิ่งไป-มา

หลายๆคนเรียกปูก้ามดาบว่าปู ส.ส. เพราะลักษณะการชูก้ามเปรียบได้กับการยกมือของส.ส.ในสภา แต่ว่านัยยะนั้นช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ปูก้ามดาบยกก้ามเพื่อแสดงอำนาจประกาศศักดาหรือเพื่อเรียกร้องความสนใจของตัวเมีย ถือเป็นยกก้ามที่เต็มไปด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นปู ส่วน ส.ส. ส่วนใหญ่ ยกมือตามอำนาจเงิน ยกมือตามใบสั่ง และยกมือตามสังกัดพรรคที่ตัวเองขายตัวถือเป็นการยกมือที่ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี

ฉะนั้นการดูปูก้ามดาบยกก้ามที่ป่าชายเลนจึงสบายตากว่าการดูส.ส.ยกมือในสภาเยอะเลย แต่ว่าในทริปนี้เรามีเวลาดูปูก้ามดาบชูก้ามเพียงชั่วพักเหนื่อยเท่านั้น เพราะยังเหลืออีก 2 ถ้ำเป้าหมายที่จะต้องพายเรือไปเที่ยวชมกันต่อ โดยเรือคยักค่อยๆหันหัวกลับ แล้วล่องฝ่าความมืดและลดเลี้ยวของถ้ำลอดกลับออกมาอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงกิ๊วก๊าวของ 2 สาวเหมือนเดิม

ครั้นเมื่อเรือรอดกลับออกมาจากถ้ำลอด พวกเราก็...บึ้ด จ้ำ บึ้ด...กันต่อเพื่อมุ่งหน้าไปยัง "ถ้ำผีหัวโต" ถ้ำที่ชื่อน่ากลัวแต่ภายในกลับน่าชมเป็นอย่างยิ่ง เพราะในถ้ำแห่งนี้ที่แม้จะเป็นถ้ำตายแต่ก็ยังมีห้องโถงใหญ่ให้เดินชมริ้วรอยของหินงอกหินย้อยที่ปรากฏไปทั่วบริเวณ โดยในปี พ.ศ. 2497 มีการพบกะโหลกมนุษย์ขนาดใหญ่ที่นี่ ชาวบ้านจึงพากันเรียกขานว่า"ถ้ำผีหัวโต”หรือ“ถ้ำหัวกระโหลก" ตั้งแต่นั้นมา

เท่านั้นยังไม่พอถ้ำผีหัวโตยังมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์อายุระหว่าง 2,000-3,000 ปี บนเพดานและผนังถ้ำให้ชมกันจำนวนหนึ่ง โดยภาพที่โดดเด่นที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น ภาพตัวอะไรก็ไม่รู้ดูคล้ายสัตว์มีเขาแต่ยืนเหมือนคนแถมลำตัวยังมีลาย(ขวาง)อยู่เต็มตัว ซึ่ง"ผู้จัดการท่องเที่ยว"ขอเรียกมันว่า "เอเลี่ยนตัวลาย" ที่ทางสตาฟฟ์บอกว่า สีที่ใช้เป็นเลือดสัตว์ผสมกับยางไม้ที่ไม่รู้ว่าเขียนขึ้นเป็นรูปอะไรและเขียนขึ้นเพราะเหตุใด

นอกจากเอเลี่ยนตัวลายแล้ว ถ้ำผีหัวโตยังมีภาพเขียนสีโบราณรูปอื่นๆอีก อาทิ มือ 2 ข้าง สัตว์ คน และลวดลายแปลกๆอีกหลายลายที่สุดแท้แต่ว่าใครจะเห็นเป็นรูปอะไร
ความน่าสนใจของถ้ำผีหัวโตยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในนี้ยังมีโพรงถ้ำ 2 โพรงติดกันที่เมื่อมองจากด้านล่างขึ้นไปดูคล้ายลูกกะตาผีหรือลูกกะตาโบ๋ของหัวกระโหลกไม่น้อย ส่วนถ้าหากปีนขึ้นยืนบนนั้นแล้วมองออกไปก็จะพบกับทิวทัศน์อันน่ายลของเวิ้งอ่าว ขุนเขา และผืนป่าชายเลนอันเขียวขจี

สำหรับสาวน่าลักเห็นเธอพายเรือง่อนแง่นอย่างนั้นก็เถอะ แต่ยามที่เดินเที่ยวถ้ำนี่เดินปร๋อเลย โดยเฉพาะตอนที่ปีนขึ้นไปยืนชมวิวบนลูกกะตาผีนี่เดินนำลิ่วไปโลดเหมือนมีวิชาตัวเบายังไงยังงั้น

แม้วิวจะสวย ลมจะเย็น ที่จุดชมวิวลูกกะตาผี แต่ว่าพวกเราก็ไม่สามารถอยู่บนนั้นได้นาน เพราะทางสตาฟฟ์ที่เฝ้าเรืออยู่เดินขึ้นมาตะโกนบอกว่าให้รีบไป เนื่องจากน้ำเริ่มลงแล้ว เดี๋ยวจะเข้าไปดูลากูนสีเขียวมรกตใน“ถ้ำเขาวง” ไม่ทัน ซึ่งก็เป็นจริงดังนั้นเสียด้วยสิ เพราะเมื่อพวกเราไปถึงยังถ้ำเขาวง น้ำลงหมดแล้วเหลือเพียงเลนเละ ส่วนเรือนั่นก็ติดแหงก ไม่สามารถพายเข้าไปในโถงถ้ำได้

งานนี้มีทางเลือก 2 ทาง คือ หนึ่งพายเรือกลับ สองเดินย่ำเท้าลุยเลนเละๆเข้าไป ซึ่งก็น่าแปลกว่า 2 สาวเธอรีบชิงจังหวะบอกว่าไหนๆเมื่อมาถึงแล้วก็น่าจะลองเดินเข้าไปดูสักตั้ง ว่าแล้วก็ค่อยๆย่องย่างเดินลงเรือลุยเลนลงไป... หนึ่งก้าว...สองก้าว...เท่านั้นแหละขาติดเลนหนึบเลย เพราะเลนที่เห็นนั้นเมื่อเหยียบแล้วขาจมลงไปถึงครึ่งค่อนน่องทีเดียว ทำให้พวกเราเดินกันค่อนข้างยากลำบาก

กระนั้นในท้ายที่สุดแล้ว พวกเราก็ค่อยๆย่องย่างไปทีละก้าวๆจนถึงยังโถงถ้ำเขาวงจนได้ ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายว่าพวกเรามาช้าไปพักใหญ่ เพราะเมื่อน้ำลง ลากูนก็หายไป เหลือเพียงเลนและโถงถ้ำที่เป็นห้องขนาดใหญ่มีต้นไม้มากมายขึ้นอยู่ภายในดูคล้ายผืนป่าดึกดำบรรพ์ที่ยามต้องแสงแดดจะเกิดแสงเงาดูงดงามไปอีกแบบ

หลังชมโถงถ้ำเขาวงกันพอหอมปากหอมคอแล้ว พวกเราก็เดินลุยเลนมาลงเรือแล้วพายแบบเนิบๆกลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง ที่ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นมือใหม่ที่พายเรือ(ดู)ไม่เข้าท่าเข้าทาง(ชอบเข้าข้างทางมากกว่า) แต่จนแล้วจนรอดก็สามารถบังคับเรือให้กลับเข้าท่าจนได้ ซึ่งนี่คงเป็นเพราะทุกคนในทริป ไม่มีใคร"มือไม่พาย แล้วเอาเท้าราน้ำ"นั่นเอง

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *  

บ้านบ่อท่อ ตั้งอยู่ใน ต.อ่าวลึกใต้ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ โดยถ้ำลอด ถ้ำผีหัวโต และถ้ำเขาวงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ซึ่งผู้สนใจพายคยักเที่ยวถ้ำและป่าชายเลนสามารถติดต่อได้ที่ Sea Land & Trek โทร.0-7563-7364,08-1406-6732 หรือสอบถามกิจกรรมท่องเที่ยวและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆใน จ.กระบี่ได้ที่ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวกระบี่ โทร.0-7562-2163

ที่พัก                          
ร้านอาหาร

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

สัมผัสมนต์เสน่ห์...ทะเลและหมู่เกาะ “กระบี่”
เที่ยว "กระบี่"...ที่ไม่ได้มีแต่ทะเล
“เกาะลันตา”ไข่มุกซุกซ่อนแห่งทะเลกระบี่
ทะเลกระบี่...ความงามที่ยังอยู่คู่อันดามัน
Unseen เมืองกระบี่ มีทั้งดูดีและน่าผิดหวัง
กำลังโหลดความคิดเห็น