กลางฤดูเหมันต์ สายลมหนาวพัดยะเยือก...
มีบ้างบางคนเมื่อความหนาวมาเยือน จิตใจมักอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ส่วนบางคนกลับรู้สึกหัวใจอบอุ่น พร้อมทั้งอยากเดินทางไปสัมผัสกับธรรมชาติอันหนาวเหน็บตามดอยสูง ภูสวย
แม้ยิ่งสูงจะยิ่งหนาว แต่ยิ่งสูงยิ่งหนาวถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งแห่งมนุษยชาติ
แม้จะยิ่งสูงยิ่งท้าทาย แต่ความท้าทายในหลายพื้นที่มีความงดงามปรากฏอยู่ เฉกเช่นดัง "ดอยวาวี" ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ที่นับเป็นหนึ่งในดอยที่มีบรรยากาศโรแมนติกไม่ใช่น้อย เพราะดอยแห่งนี้ยามหน้าหนาว ดอกซากุระจะพากันผลิดอกบานย้อมบริเวณที่ปลูกเป็นสีชมพูสดใสดูเพลินใจ เพลินตา
ดอกซากุระที่นี่ไม่ใช่ซากุระจากแดนอาทิตย์อุทัย หากแต่เป็นซากุระเมืองไทยหรือต้นนางพญาเสือโคร่งที่ยามคลี่กลีบแย้มบานพร่างพราวเต็มต้น ความงดงามไม่ได้เป็นรองซากุระจากแดนอาทิตย์อุทัยแต่อย่างใด
ซากุระเมืองไทย เป็นพันธุ์ไม้ป่าตระกูลเดียวกับบ๊วย ท้อ พลัม เชอร์รี่ หรือ ซากุระ พบในที่สูงอากาศหนาวเย็นตามยอดดอยในภาคเหนือ อย่าง เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และน่าน ซึ่งปัจจุบันตามสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆแห่งจะมีซากุระเป็นนางเอกชูโรงในหน้าหนาว อาทิ ดอยอ่างขาง ดอยแม่สลอง ดอยอินทนนท์ ขุนวาง แม่จอนหลวง
ตระการตา ซากุระบาน
ว่ากันว่าดอยวาวีที่ตั้งอยู่บนทิวเขาอันสลับซับซ้อนแห่งเทือกเขาผีปันน้ำตะวันตกเป็นอาณาจักรแห่งซากุระ(ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย เพราะมีการปลูกซากุระมากถึง 400,000 ต้นเลยทีเดียว สำหรับจุดชมความงามของซากุระที่ดอยวาวีนั้นอยู่ทีศูนย์บริการวิชาการด้านพืชและปัจจัยการผลิตเชียงราย(สถานีทดลองเกษตรที่สูงวาวี) บน"ดอยช้าง"เขาลูกหนึ่งแห่งดอยวาวี ที่มีรูปร่างเหมือนช้างสองแม่ลูก
สถานีฯวาวีแห่งนี้แม้จะเดินทางขึ้นลำบากเพราะต้องนั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นไป แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าต่อการเดินทางยิ่งนัก เพราะในสถานีแห่งนี้ครบเครื่องทั้งเรื่อง "ชม"เรื่อง "ชิม" และเรื่อง "ช้อป" (เล็กๆ) ด้วย แถมยังเป็นแหล่งศึกษาดูงานท่องเที่ยวเชิงเกษตรอันสวยงามแห่งหนึ่งของเชียงราย ซึ่งก่อนที่จะไปชมสิ่งที่น่าสนใจภายในสถานีแห่งนี้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ขอเติมพลังด้วยการจิบกาแฟสดดอยช้าง(ฟรี) ซึ่งนี่คือสุดยอดกาแฟคุณภาพของเมืองไทย เป็นกาแฟพันธุ์อาราบริก้าที่ให้กลิ่นหอมกรุ่นพร้อมด้วยอันรสชาติเข้มข้นถึงใจ
ใครที่เป็นคอกาแฟรสเข้มไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง ส่วนใครที่ชิมกาแฟดอยช้างแล้วติดใจจะซื้อกลับมาชงดื่มต่อที่บ้านก็เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เพราะดื่มกาแฟขับรถตำรวจไม่จับแต่อย่างใด
"ผู้จัดการท่องเที่ยว" หลังจุใจกับการเติมพลังกาแฟไล่ความง่วงแล้ว ต่อจากนั้นก็เป็นการเดินทอดน่องชมสิ่งสวยๆงามๆในสถานีฯวาวี ที่ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200-1,500 เมตร มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี อบอวลไปด้วยบรรยากาศอันสวยงามของแปลงไม้เมืองหนาว อาทิ ดอกกระดาษ ป๊อบปี้ พิทูเนีย ซัลเซีย บิโกเนีย ลำโพงขาว กุหลาบพันปี ฯลฯ อีกทั้งยังมีว่านสี่ทิศหลายสายพันธุ์ ทั้งสีแดง ชมพู ที่ออกดอกชูช่อไปทั่วทั้งแปลง
ส่วนที่ถือเป็นไฮไลท์หรือนางเอกแห่งวาวีดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นซึ่งหนึ่งปีบานเพียงครั้งเดียวในช่วงหน้าหนาวระหว่างเดือน ม.ค.-ก.พ. ก็คือ ซากุระเมืองไทย ที่หากไปถูกช่วงถูกเวลาแล้วเราจะพบดอกซากุระออกดอกชมพูสดใสบานสวยงามเต็มทั่วสถานีไปหมด ไม่เพียงแต่ดอกซากุระสีชมพูเท่านั้นแต่บนดอยช้างยังมีดอกซากุระสีขาวให้ชมอีกด้วย
และถ้าใครไปถูกจังหวะเวลาก็จะได้ชิมและช้อปผลไม้เมืองหนาวอย่าง สตรอเบอร์รี่ ท้อ บ๊วย สาลี่ พลัม สดๆใหม่ๆที่เพิ่งเก็บจากต้น สำหรับบ๊วยนั้นแม้จะเป็นผลไม้ชื่อไม่เพราะแต่ว่าไม่เพียงมีรสชาติยอดเยี่ยมเท่านั้น ดอกบ๊วยสีขาวที่บานสะพรั่งเต็มต้นช่วงน่าหนาวนั้นก็สวยงามไม่เบา แถมยามมองไกลๆ ดอกบ๊วยจะดูคล้ายดอกซากุระขาวไม่น้อย (เป็นพืชตระกูลเดียวกัน) จนหลายๆคนเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าดอกบ๊วยเป็นดอกซากุระขาวไป
นอกจากไม้เมืองหนาวสวยๆงามๆแล้ว ในสถานีฯวาวียังมีพุทธอุทยาน อันเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสมเด็จพระพุทธสิกชี สิ่งศักดิ์สิทธ์คู่สถานีฯท่ามกลางสวนไผ่และพันธุ์ไม้ป่าที่ร่มรื่นแต่แฝงไว้ด้วยความขรึมขลังเปี่ยมศรัทธา กลางพุทธอุทยานมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 9 แห่งที่นำไปทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาฯซึ่งมีน้ำใสสะอาดไหลเย็นฉ่ำตลอดทั้งปีไม่เคยเหือดแห้ง หลายๆคนนิยมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์มาล้างหน้าล้างตาดื่มกินเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต
จุดน่าสนใจบนดอยช้างยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะจากพุทธอุทยานขึ้นเขาไปอีกราว 2 กม.ก็จะเป็นจุดชมวิวบนยอดดอยช้างบนระดับความสูงประมาณ 1,700 เมตร “ผู้จัดการท่องเที่ยว” เมื่อขึ้นมาพานพบก็รู้สึกผูกพันทันที เพราะเสน่ห์ของภูมิทัศน์บนจุดชมวิวดอยช้างช่างงดงามนัก งามทั้งสวนประดับที่มีไม้เมืองหนาวขึ้นเรียงรายเสริมแต่งองค์ประกอบให้กันอย่างลงตัว งามทั้งทิวทัศน์ของทะเลภูเขาอันสลับซับซ้อนมองเห็นทั้งเชียงราย เชียงใหม่ และเมืองยอนของพม่า ยิ่งยามที่อาทิตย์อัสดง (ในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ) บนดอยช้างนี่ยิ่งดูงดงามจับใจ เพราะมีทั้งมุมกว้างของทะเลภูเขาหรือมุมที่มีฉากหน้าของต้นไม้สวยๆงามๆให้เลือกถ่ายรูปกันตามใจชอบ
...ดวงตะวันแม้จับไม่ได้ไปไม่ถึง แต่ก็สามารถเก็บไว้ในภาพถ่าย ภาพเขียน และเก็บไว้ในความทรงจำได้...
ยลวิถีชนเผ่าเคล้าชารสเลิศ
บนดอยวาวียังมีความเป็นเอกอุอีกอย่างหนึ่งที่ชวนให้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" หลงใหล หลงรส นั่นก็คือ เสน่ห์แห่ง "ชา" ที่ชาวบ้านบนดอยวาวีปลูกกันเป็นอาชีพหลักอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพราะที่นี่มีชาวจีนฮ่อหรือจีนยูนนานมาอาศัยอยู่ยุคเดียวกับกองพล 93 ที่ดอยแม่สลอง(ที่ขึ้นชื่อเรื่องชาเช่นกัน)ส่งผลให้บนดอยวาวีนิยมปลูกชากันมาก
ชาบนดอยวาวี มีทั้งชาพันธุ์พื้นเมืองสายพันธุ์ "อัสสัม" ชาสายพันธุ์ไต้หวันอย่างชิงชิง เบอร์ 12, 13 และชา "อู่หลง" ที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะดอยวาวีถือเป็นแหล่งปลูกชาอู่หลงแห่งแรกของเมืองไทย
เครดิตนี้"ผู้จัดการท่องเที่ยว" ขอยกให้กับ ลุงพังโก : พินิจ พิทักษ์วารี ชายอายุ 60 กว่าๆ ผู้ที่ติดใจในรสชาติชาอู่หลงจนถึงขนาดแอบลักลอบนำต้นชาอู่หลงพันธุ์ดีเข้ามาปลูกในเมืองไทย เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว และลองผิดลองถูกอยู่ 8 ปี จนปัจจุบันได้พัฒนาเป็นชาอู่หลงแบบไทยๆที่รสชาติยอดเยี่ยมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอู่หลงของไต้หวัน แถมยังส่งไปตีตลาดที่ไต้หวันอีกด้วย
แม้ไม่ใช่ผู้พิสมัยชาในระดับแฟนพันธุ์แท้ แต่เมื่อเราได้ลิ้มลองชาอู่หลงก้านอ่อนบนดอยวาวีแล้ว บอกได้คำเดียวว่า "เยี่ยมยอดนัก" เพราะกลิ่นชาหอมกลุ่น ส่วนรสชาติก็กลมกล่อมละมุนละไม แถมยังได้สาวๆชาวจีนฮ่อหน้าตาจิ้มลิ้มมาชงชาและสอนวิธีดื่มชาให้อีก ก็ยิ่งทำให้ชาที่ดื่มมีรสหวานหอมเป็นพิเศษ จนเราอดไม่ได้ต้องซื้อติดมือกลับมาชงดื่มต่อที่กรุงเทพฯ ทั้งๆที่เป็นคนพิสมัยการดื่มสุรามากกว่าการดื่มชา
นอกจากจะมีชาให้ชิมให้ช้อป (หาซื้อหาชิมได้ตามร้านขายชาทั่วไป) แล้ว ดอยวาวียังมีชาให้ชมด้วย ซึ่งนอกจากไร่ชาที่ชาวบ้านปลูกเรียงรายลดหลั่นไปตามไหล่เขาแล้ว ดอยวาวียังมีต้น "ชาพันปี" ที่บ้านใหม่พัฒนาเป็นหนึ่งในจุดสนใจทางการท่องเที่ยว ชาพันปีต้นนี้วัดเส้นรอบวงบริเวณโคนต้นได้ 150 เซนติเมตร สูงถึง 20 เมตร เป็นชาสายพันธุ์อัสสัมที่ขึ้นเองตามธรรมชาติบนดอยวาวีมาช้านานแล้ว ชาวบ้านนิยมนำใบมาทำ "เมี่ยง" กินให้ความกระชุ่มกระชวย
บนดอยวาวียังไม่หมดของดีเพียงเท่านี้ เพราะการที่ดอยแห่งนี้มีชนเผ่าอาศัยอยู่ถึง 13 ชนเผ่า อาทิ อาข่า (มีอยู่เยอะที่สุด) มูเซอ ลีซอ เย้า กะเหรี่ยง จีนฮ่อ และเผ่าอื่นๆ ก็ทำให้ดอยแห่งนี้มีวัฒนธรรมและประเพณี การแต่งกาย บ้านเรือน และภาษา ของแต่ละชนเผ่าที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป แต่ว่าทุกคนบนดอยวาวีต่างก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติที่โอบล้อม
สำหรับหนาวนี้ หนาวหน้า หรือช่วงเวลาไหนๆ ใครที่อยากไปเที่ยวชมดอยวาวีก็สามารถหาเวลาเดินทางไปกันได้ แม้ดอยวาวีจะอยู่ในพื้นที่ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่ว่าก็เป็นความสูงและความหนาวที่มากไปด้วยเสน่ห์อันชวนหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ดอยวาวี ตั้งอยู่ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จากตัวเมือง ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ประมาณ 22 กม. จะถึงทางแยกไป อ.แม่สรวย ให้เลี้ยวขวาที่บ้านปากทางไปตามทางหลวงหมายเลข 118 อีกประมาณ 30 กม. ก็จะถึงสามแยกบ้านตีนดอย ที่เป็นเส้นทางขึ้นไปเที่ยวตามจุดต่างๆบนดอยวาวี ซึ่งเส้นทางท่องเที่ยวบางแห่งเป็นถนนลูกรัง คดเคี้ยว และสูงชัน ต้องนั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นไป (ควรสอบถามเส้นทางก่อน) หน้าหนาวนี้ (2550) จนท.สถานีฯวาวีบอกว่าดอกซากุระจะบานระหว่างวันที่ 15 ม.ค.-15 ก.พ.(บวก-ลบ 1 สัปดาห์)
หากไปด้วยรถโดยสารประจำทาง ขึ้นรถสองแถวที่ อำเภอแม่สรวย-ดอยช้าง ค่าโดยสารประมาณคนละ 30-40 บาท เวลา 10.00-15.00 น. มีบริการวันละ 3 เที่ยว หรือเช่าเหมารถสองแถวจากสถานีขนส่ง อำเภอเมืองเชียงราย ราคาประมาณ 300-500 บาท
ทั้งนี้ผู้สนใจเที่ยวดอยวาวีสามารถสอบถามได้ที่ อบต.วาวี 0-5360-5950 สมาคมท่องเที่ยวเชียงราย 0-5360-1299, 0-5371-5690 สถานีฯเกษตรวาวี 0-5360-5932, 0-5360-5934
ที่พักในจังหวัดเชียงราย ร้านอาหารในจังหวัดเชียงราย
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
แอ่วเชียงราย ดินแดนเหนือสุดแดนสยาม
ยลงานศิลป์ของ 2 ยอดศิลปินแห่งเชียงราย..."ถวัลย์-เฉลิมชัย"
“รอยพระบาทในหลวง”หนึ่งเดียวในเมืองไทยที่ จ.เชียงราย
“พิพิธภัณฑ์อูบคำ” ของดีซ่อนกายแห่งเชียงรายรำลึก