"สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น"
สุภาษิตโบราณบทนี้ถือเป็นอมตะที่ใช้ได้ในหลายเรื่องราว โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวนี่...ต่อให้สิบปากว่า ร้อยปากว่า หากไม่เดินทางไปสัมผัสด้วยตัวเองแล้วก็จะไม่รู้เลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งมีความน่าสนใจแค่ไหน
ไม่ว่าเที่ยวใกล้หรือไกล ถ้าไม่ไปก็ไม่รู้ ?!?
1...
ชื่อของ "น้ำตกเต่าดำ" ในอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า จังหวัดกำแพงเพชร เคยมีคนเล่าขานให้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ฟังมานานแล้วถึงเรื่องของความสวยงามและความท้าทายในการเดินทางเข้าถึงตัวน้ำตก ทั้งเส้นทางรถยนต์ที่สมบุกสมบันและเส้นทางเดินเท้าที่แม้จะเป็นระยะทางสั้นแต่ว่าเส้นทางนั้นชันและโหดหินเอาเรื่อง
เรื่องนี้สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าการได้ไปสัมผัสกับความสวยงามเย็นฉ่ำของสายน้ำด้วยตัวเอง
ครั้นพอได้จังหวะเหมาะ เพราะทางชมรมฮอนด้าได้จัดกิจกรรมมอบอาคารเรียน อุปกรณ์การเรียนและทุนการศึกษาให้กับเด็กๆโรงเรียนบ้านโละโคะ ในอุทยานฯคลองวังเจ้าที่อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกเต่าดำเท่าไหร่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" จึงไม่รีรอออกเดินทางสู่น้ำตกเต่าดำ ตามคำชวนของคุณทรงศักดิ์ ศรีเคลือบ ผู้ประสานงานจากฟูจิทัวร์ทันที
จากกรุงเทพฯเดินทางแบบสบายๆสู่ที่ทำการอุทยานฯคลองวังเจ้า ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ก่อนที่ทางทีมงานจะให้คณะแยกย้ายกันไปนั่งรถโฟร์วีลของกลุ่มออฟโรดกำแพงเพชรมุ่งหน้าสู่บ้านโละโคะ
ระยะทางช่วงแรกถนนหนทางลาดยางดูดี รถวิ่งฉิวจนเพื่อนร่วมทริปบางคนปรามาสว่าถนนอย่างนี้รถเก๋งก็วิ่งได้สบาย ไม่เห็นจำเป็นจะต้องใช้รถโฟร์วีลด์เลย แต่หลังจากที่เพื่อนคนนั้นพูดได้สักพัก จู่ๆถนนลาดยางก็หายไปกลายเป็นถนนลูกรังที่ทั้งแคบและคดเคี้ยวทอดยาวหายเข้าไปในผืนป่า
ปฐมบทของความวิบากได้เริ่มขึ้นแล้วเมื่อรถแล่นขึ้นๆ ลงๆ คดๆ เคี้ยวๆ ดังงูเลื้อยผ่านป่าไพร หุบเขา ทุ่งนา ไร่ข้าวโพด บ้านคน สลับกันไป บางช่วงเป็นลำธารมีไม้ซุงพาดผ่านให้รถวิ่งข้ามไปอย่างลุ้นระทึก
สำหรับเส้นทางจากที่ทำการอุทยานฯสู่บ้านโละโคะที่ถือเป็นจุดหมายของการค้างแรมในคืนนี้ มีระยะทาง 17 กม. ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่งโมงครึ่ง ซึ่งกว่าจะเดินทางถึงบ้านโละโคะ ตัวของเรานอกจากจะหัวสั่นหัวคลอนตัวกระดอนกระเด็นไปตามแรงเหวี่ยงของรถและสภาพของถนนแล้ว "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ยังรู้สึกว่าเครื่องในของเรามันได้สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งไปตั้งแต่เมื่อรถเทโค้งที่ 3 แล้วล่ะ
ครั้นพอถึงบ้านโละโคะเราใช้เวลาจัดระเบียบอวัยวะภายในให้เข้าที่เข้าทางสักพัก ก่อนจะจัดแจงเรื่องที่หลับที่นอนเพราะเวลาเริ่มเย็นย่ำแล้ว ซึ่งที่นี่มีทั้งบ้านพักสไตล์ชาวบ้านบรรยากาศเยี่ยม และลานกางเต็นท์พร้อมห้องน้ำสะดวกสบายเอาไว้ให้พวกเราพักค้างแรมกัน
เมื่อความมืดมาเยือนยาดองสูตรพื้นถิ่น ดื่มกินรอบกองไฟดูเหมือนจะเป็นตัวช่วยไล่ความหนาวและตัวช่วยให้พวกเราหลับสบายภายใต้แสงจันทร์และเสียงหรีดเรไรแห่งป่าไพร
2...
"ผัวๆๆๆๆ"
เสียงชะนียามเช้าปลุกพวกเราให้ตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตา จิบกาแฟ ข้าวต้ม ซึ่งสมาชิกที่ร่วมทางมาทั้งหมดแบ่งเป็น 2 เพศ ชาย-หญิง ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครที่จะไปหาเรื่องต่อล้อต่อเถียงต่อเสียงของชะนีที่ตะโกนก้องป่าแต่อย่างใด
หลังมื้อเช้าผ่านพ้นไป ปฐมบทของการเดินทางในวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แต่ว่าก่อนที่จะเดินทางไปยังน้ำตกเต่าดำ คณะของเราอุ่นเครื่องด้วยการเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวหมู่บ้านโละโคะกันก่อน
ประชากรหลักของหมู่บ้านนี้เป็นชาวกะเหรี่ยงและชาวม้ง ที่ตั้งถิ่นฐานรกรากอยู่ในผืนป่าแห่งนี้มายาวนานนับร้อยปี ก่อนที่จะมีการประกาศเป็นอุทยานฯ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมีความชอบธรรมต่อการอยู่อาศัยและทำมาหากินอยู่ในผืนป่าแห่งนี้ ส่วนทางอุทยานฯ นั้น เท่าที่ผมรู้มาพวกเขาก็ไม่ได้ไปขับไล่หรือตั้งแง่ใดๆ กับชาวบ้าน คือทั้งชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ต่างก็อยู่อาศัยร่วมกันในผืนป่าคลองวังเจ้า โดยมีกฎระเบียบ กติกาเป็นข้อตกลงในการอยู่ร่วมกัน
หลังเพลิดเพลินกับการชมวิถีชาวบ้านกันพอหอมปากหอมคอ(ทั้งๆที่อยากชมนานกว่านี้) แต่ด้วยตะวันที่สายโด่งและแสงแดดที่ร้อนแรงขึ้นทุกขณะ พวกเราต่างเห็นพ้องต้องกันว่าควรจรลีสู่น้ำตกเต่าดำกันได้แล้ว เพราะเจ้าหน้าที่อุทยานฯบอกว่า ระยะทาง 17 กม.สู่ตัวน้ำตกเต่าดำนั้นโหดกว่าเส้นทางจากอุทยานฯสู่บ้านโละโคะเสียอีก แถมยังเป็นถนนเลนเดียวที่หากเจอรถสวนต้องถอยและหามุมหลบสถานเดียว
จริงดังที่เจ้าหน้าที่คนนั้นว่า เพราะเมื่อเดินทางจากบ้านโละโคะไปได้แป๊บเดียวถนนหนทางเริ่มเป็นเหมือนขามาคือ ลัดเลาะคดเคี้ยว ขึ้นๆ ลงๆ ผ่านป่าเขา ลำธาร ทุ่งหญ้า ไร่ชาวบ้าน ที่สำคัญคือถนนลูกรังที่เต็มไปด้วยฝุ่นนั้นได้ทำปฏิกิริยากับผมของเราเกิดเป็นไฮไลท์สีแดงเถือก ซึ่งต่อให้ช่างทำผมฝีมือเยี่ยมแค่ไหนก็คงไม่สามารถทำไฮไลท์สีนี้ให้กับผมของเราได้ แต่นี่ก็ถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการเดินทางที่หาซื้อหาสัมผัสไม่ได้ในป่าคอนกรีต
นอกจากนี้ในเส้นทางสู่น้ำตกเต่าดำเรายังได้พบกับภาพวิถีชีวิตที่หาชมได้ยากอย่าง การนวดข้าว การเก็บผลผลิต การจูงวัวควายออกหากิน และวิวทิวทัศน์ของเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามขุนเขาอันสวยงามน่ายล ซึ่งนับเป็นเส้นทางออฟโรดที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย โดยเฉพาะตอนที่รถวิ่งช้าๆ (เพื่อให้เกิดฝุ่นเพียงน้อยนิด) ผ่านหมู่บ้านบ้านป่าคาหมู่บ้านสุดท้ายก่อนถึงตัวน้ำตกเต่าดำจะมีเด็กๆวิ่งออกมาทักทายดูน่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อย
เด็กบางคนถึงขนาดขอติดรถไปเที่ยวน้ำตกเต่าดำด้วยก็มี ซึ่งพวกเราก็ไม่ขัดข้องแต่ประการใด แถมดีเสียอีกที่มีเด็กๆซึ่งชำนาญพื้นที่ร่วมทางไปกับเรา
3...
ระยะทางร่วมๆ 2 ชั่วโมงจากบ้านโละโคะในที่สุดถนนก็มาสุดสาย ณ บริเวณ ทางลงน้ำตกเต่าดำที่มีระยะทางเดินเท้าแค่ 300 เมตรเท่านั้น
งานนี้สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ร้อยรอยเท้าที่ผ่านทางไม่เท่ากับ 2 เท้าของเราออกย่ำเดินสัมผัสด้วยตัวเอง เพราะเส้นทางเดินแค่ 300 เมตรนั้น มันชันสุดขั้วประมาณ 80 องศาเห็นจะได้ที่มองยังไงก็ไม่เป็นทางเดิน
สำหรับการจะเดินขึ้น-ลง น้ำตกเต่าดำ ต้องใช้วิธีไต่หรือเดิน 4 เท้าลงไปสถานเดียว แถมบางช่วงทิ้งดิ่งต้องไต่เชือกที่ทางอุทยานฯจัดสร้างไว้ให้ลงไป
อย่างไรก็ตามแม้เส้นทางจะลำบากสมบุกสมบันชันถึงกึ๋น แต่เมื่อทุกคนค่อยๆเดินและช่วยกันประคับประคอง "ผู้จัดการท่องเที่ยว"ก็มาถึงยังตัวน้ำตกเต่าดำอย่างไม่ยากเย็น แต่ก็ใช้เวลานานโข (เกือบ 1 ชม.แน่ะ)และเรียกเหงื่อได้ชุ่มตัว
"น้ำตกเต่าดำ" ชื่อนี้ใครที่ฟังแล้วก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะเท่าที่สอบถามจากชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้ข้อมูลสอดคล้องกันว่า เดิมบริเวณน้ำตกมีเต่าตัวสีดำอาศัยอยู่ชุกชุม ชาวบ้านเลยตั้งชื่อน้ำตกแห่งนี้ว่า “น้ำตกเต่าดำ” ง่ายๆไม่มีอะไรซับซ้อน
มาวันนี้เต่าตัวดำหาแทบไม่ได้แล้ว มีเพียงสายน้ำตกสีขาวฟูฟ่องขนาดใหญ่ 2 ชั้น ชั้นแรกสูงไม่มากนัก ส่วนชั้น 2 ที่ถือเป็นไฮไลท์ สูงราว 200 เมตร โดยสายน้ำตกจากชั้นแรกได้ไหลทิ้งดิ่งโจนทะยานจากผาเบื้องบนเป็นสายฟูฟ่องแผ่สยายลงมาตามโตรกผา ท่ามกลางต้นไม้รอบข้างที่เขียวครึ้มประสานกับเสียงน้ำตกที่อื้ออึงดูยิ่งใหญ่สวยงาม ก่อนกระทบกับแอ่งเบื้องล่างเกิดเป็นสระน้ำธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวลงไปแหวกว่ายน้ำ และไหลเป็นลำธารลงไปหล่อเลี้ยงผืนป่าและผู้คนที่อยู่เบื้องล่างต่อไป
สำหรับ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" แล้ว น้ำตกเต่าดำถือเป็นสายน้ำแห่งความชุ่มชื้นชุ่มฉ่ำสำหรับผืนป่าและชาวไร่ชาวนา และยังเป็นสายน้ำแห่งความท้าทายของนักเดินทางผู้รักการผจญภัย ซึ่งสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ร้อยคำเล่าขานไม่เท่าการออกย่ำเดินไปสัมผัสกับน้ำตกเต่าดำด้วยตัวเอง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
น้ำตกเต่าดำ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ต.โกสัมพี กิ่ง อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯไป 34 กม. เส้นทางสู่น้ำตก เป็นเส้นทางวิบากสมบุกสมบัน เดินรถทางเดียว ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรถกระบะที่มีประสิทธิภาพสูง ส่วนคนขับก็ต้องมีประสบการณ์สูงเยี่ยมและไม่ควรไปในช่วงหน้าฝน
นอกจากน้ำตกเต่าดำแล้ว ในอุทยานฯ คลองวังเจ้า ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ น้ำตกคลองวังเจ้า น้ำตกกระแตไต่ไม้ น้ำตกนาฬิกาทราย น้ำตกคลองโป่ง แก่งร้อยเกาะ ผู้สนใจเที่ยวน้ำตกเต่าดำและอุทยานฯคลองวังเจ้า สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า โทร. 0-5576-6006-7