บรรยากาศเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปีนี้หนาวดีพิลึก หลายๆคนโดยเฉพาะในกรุงเทพฯเมื่อเจอความหนาวที่ห่างหายไปนาน ช่วงปีใหม่นี้จึงเลือกไปอีสานหรือขึ้นเหนือไปหาหนาว เพื่อไปสัมผัสกับบรรยากาศอันหนาวเหน็บ บางคนไปลุ้นให้เช้าอันสดใสที่เหน็บหนาวมี “แม่คะนิ้ง”หรือ“น้ำค้างแข็ง” เกาะพราวบนยอดไม้ใบหญ้า
ในช่วงหยุดยาวปีใหม่ที่ปีหมูจะเข้ามา ปีหมาจะจากไป หลายๆคนจึงเล็งสถานที่ท่องเที่ยววันหยุดยาวไว้แตกต่างกัน ซึ่งยังไงๆการเที่ยวในช่วงเทศกาลอย่างนี้ก็ควรทำใจเอาไว้บ้างว่า ใครที่ไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตจะต้องไปเจอกับ คน...คน...คน และ ก็คน ที่สุดแสนจะพลุกพล่านสับสนอลหม่าน
สำหรับ"ผู้จัดการท่องเที่ยว"ทริปนี้ขอมาแปลกแหวกแนว ด้วยการไปเที่ยวรอบกรุงกับเส้นทาง"สมุทรสัญจร" ที่ประกอบด้วย 3 เมืองสมุทรรอบกรุง อย่าง สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ที่หากว่าปีใหม่นี้คนกรุงเทพฯและในปริมณฑล ยังไม่รู้จะไปไหน เส้นทางสมุทรสัญจรใน 3 เมืองสมุทรรอบกรุง ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย(โดยเฉพาะคนกรุงและปริมณฑล) เพราะนอกจากจะเป็นเส้นทางที่มีแหล่งท่องเที่ยวอันหลากหลายแล้ว ยังเป็นเส้นทางที่จากกรุงเทพฯสามารถไปเที่ยวในแต่ละจังหวัดแบบไปเช้า-กลับเย็นได้อย่างสบายๆ
เที่ยวสมุทรสงคราม
ล่องแม่กลอง ท่องอัมพวา
สมุทรสงคราม เมือง 3 น้ำ หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีว่า “เมืองแม่กลอง” จังหวัดนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเรือกสวน โดยเฉพาะที่อำเภออัมพวาที่ขึ้นชื่อเรื่องลิ้นจี่และส้มโอ อำเภอนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่เข้มข้น มีวัดเก่าแก่มากมาย อีกทั้งยังมีตลาดน้ำอัมพวาอันขึ้นชื่อที่จะคึกคักเป็นพิเศษในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
สำหรับจุดเริ่มต้นของทริปเพื่อเป็นการเสริมสิริมงคลเอาฤกษ์เอาชัย เราจึงเลือกไปไหว้พระขอพรเปิดทริปที่ “วัดอัมพวันเจติยาราม” วัดสำคัญอันเก่าแก่แห่งเมืองแม่กลอง เพราะเป็นสถานที่ประสูติของรัชกาลที่ 2 ซึ่งสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี พระมเหสีในรัชกาลที่ 1 ได้พระราชทานที่ดินตรงนี้ให้สร้างเป็นวัดอัมพวาขึ้น และได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดอัมพวันเจติยารามในสมัยรัชกาลที่ 3
วัดอัมพวัน มีการปฏิสังขรณ์อีกหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ได้โปรดให้ช่างมาเขียนจิตรกรรมฝาผนังขึ้นใหม่ เป็นเรื่องราวพระราชประวัติของรัชกาลที่ 2 และเรื่องราวในวรรณคดีที่ท่านทรงพระราชนิพนธ์ขึ้น ซึ่งสมเด็จพระเทพฯ เองก็ได้ทรงลงมือวาดเองด้วย ใครที่ไปชมจิตรกรรมฝาผนังวัดนี้ขอให้เพ่งพิจารณาให้ดีๆ เพราะที่นี่มีภาพมดผูกคอตายอยู่ด้วยซึ่งเป็นการแสดงอารมณ์ขันของผู้เขียน
จุดสนใจต่อไปอยู่ติดกับวันอัมพวัน คือ อุทยานพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าอุทยาน ร.2 ซึ่งมีบ้านเรือนไทยที่จัดเป็นพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นเรือนไทย 5 หลัง จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ เช่น เครื่องเบญจรงค์ หัวโขน หัวหุ่นต่างๆ และข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์
นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว ภายในอุทยาน ร.2 ยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้หลากหลายพันธุ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพรรณไม้ที่ไม่ได้พบเห็นกันบ่อยนัก เช่น ต้นปาริชาติ ที่เชื่อว่าหากนอนหลับไปได้ต้นนี้แล้วจะสามารถระลึกชาติได้ ต้นอัมพวา หรือมะเปรียง ต้นไม้หายาก พบได้แต่เฉพาะที่อัมพวาเท่านั้น
เมื่อเดินออกจากอุทยาน ร.2 ผ่านวัดอัมพวันไปก็จะพบกับ ตลาดน้ำอัมพวา ที่ตั้งอยู่ปากคลองอัมพวา ตัวตลาดเป็นห้องแถวโบราณที่ยังคงรักษาความเป็นชุมชนเก่าแก่ไว้ได้ค่อนข้างสมบูรณ์ จนได้รับรางวัลชุมชนอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในปี 2545
ในช่วงวันหยุดตลาดน้ำอัมพวาจะเต็มไปด้วยเรือพายของพ่อค้าแม่ขายที่บรรทุกอาหารและของกินต่างๆ มาเต็มอัตรา ด้านริมน้ำจะมีบันไดท่าน้ำให้คนมานั่งกินอาหาร หรือใครอยากกินสบายๆ บนโต๊ะก็มีที่จัดเตรียมไว้ให้ อีกทั้งยังมีบริการเรือพายและเรือแจวชมห้องแถวริมน้ำให้สำหรับผู้ที่สนใจ
งานนี้ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” จึงเลือกสรรความสำราญด้วยการนั่งเรือชมชีวิตสองฝั่งริมคลองอัมพวาซึ่งยังมีร้านรวงเก่าๆ อยู่มากมาย ทั้งร้านขายยา ร้านทอง ร้านขนมเปี๊ยะ และร้านกาแฟโบราณที่ยังส่งกลิ่นหอมฉุยตอนเรือแล่นผ่าน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ยังคงลงเล่นน้ำคลองกันอยู่อย่างสนุกสนาน มีเสียงเพลงดนตรีไทยจากฝีมือเด็กนักเรียนโรงเรียนดนตรีขับกล่อมทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวดังก้องไปทั่วทั้งคุ้งน้ำท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น
เรือใช้เวลาแล่นพาชมสองฝั่งคลองอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็พาเรากลับมายืนที่เดิม รอเวลาให้ถึงหนึ่งทุ่ม เพื่อที่จะได้นั่งเรืออีกรอบหนึ่ง เพื่อไปชมหิ่งห้อยในลำน้ำแม่กลอง ซึ่งเมื่อแล่นเรือไปได้ไม่นานไฟในเรือก็ดับลง เป็นสัญญาณว่าเรากำลังจะเข้าสู่อาณาจักรหิ่งห้อย หรือดงหิ่งห้อย เพราะมีหิ่งห้อยเกาะอยู่เต็มต้นไปหมด “ผู้จัดการท่องเที่ยว” เองก็นับไม่ถูกว่ามีเจ้าแมลงเรืองแสงเกาะอยู่สักกี่ตัวกันแน่ รู้แต่ว่ามันทำให้ต้นไม้เหมือนประดับด้วยไฟคริสต์มาสไม่มีผิด เห็นแล้วทำให้ ”ผู้จัดการท่องเที่ยว” ประทับใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
เที่ยวสมุทรปราการ...
ชมช้างเอราวัณ ยลสีสันเมืองปากน้ำ
จากสมุทรสงคราม ทริปต่อไปเราเดินทางสู่จังหวัด"สมุทรปราการ" หรือ "เมืองปากน้ำ" ซึ่งเราเลือกไปเที่ยวในเขตอำเภอเมือง ตามเส้นทางถนนสุขุมวิท(สายเก่าไปทางชลบุรี) โดยเริ่มต้นที่ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุที่สะสมไว้ให้เป็นมรดกของแผ่นดินไทยที่น่าสนใจมากมาย
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ตัวสถาปัตยกรรมถูกออกแบบเป็นช้างเอราวัณยืนอยู่บนตัวอาคาร ภายในอาคารช้างแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ชั้นล่างสุด (คล้ายชั้นใต้ดิน) เปรียบดังนครบาดาล จัดแสดงนิทรรศการและวัตถุโบราณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถ้วยชามเบญจรงค์ลายต่าง ๆ ที่มีอายุมานานหลายสมัยทั้งของไทยและจีน
ชั้น 2 หรือ ชั้นโลกมนุษย์ ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ภายในจัดแสดงเครื่องถ้วยของไทยและจีน เครื่องกระเบื้องแบบต่างๆ เพดานห้องเป็นภาพแผนที่โลกทำจากกระจกหลากสี ถัดจากเพดานลงมา มีเสา 4 เสาที่หุ้มด้วยงานแกะสลักแผ่นดีบุกภาพศาสนาต่างๆอย่างสวยงาม
ส่วนชั้นที่ 3 คือ ที่เปรียบดังชั้นสวรรค์ดาวดึงส์ บนนี้เพดานตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังสีฝุ่นที่เขียนขึ้นเป็นภาพสุริยจักรวาล ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปยุคสมัยต่าง ๆ และพระประธานที่เป็นพุทธรูปปางลีลาดูเคร่งขรึมสำรวมชวนกราบไหว้
จากพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ออกเดินทางไปตามถนนสุขุมวิทสู่ เมืองโบราณ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 800 ไร่ ภายในนั้นมากมายไปด้วยงานสถาปัตยกรรมจำลอง ทั้ง โบราณสถาน วัดวาอาราม ตลาดน้ำอาคารน่าสนใจ และงานประติมากรรม งานศิลปกรรมอันน่ามองอีกมากมายที่จัดแสดงไว้ ภายในเนื้อที่ของเมืองโบราณที่มีลักษณะคล้ายแผนที่ประเทศไทยกลับทิศ (คือภาคใต้อยู่ด้านหน้า)
ภายในเมืองโบราณแบ่งการแสดงสิ่งน่าสนใจเป็นภาคต่าง เหนือ ใต้ กลาง อีสาน และภาคตะวันออก โดยมีสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจ อาทิ มณฑปพระพุทธบาท จ.สระบุรี พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท กทม. ตลาดน้ำ ในภาคกลาง, หมู่บ้านไทยภาคเหนือ และวิหารวัดภูมินทร์ จ.น่าน ในภาคเหนือ, ตึกแดง จ.จันทบุรี ในภาคตะวันออก,พระธาตุพนม จ.นครพนม ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ ปราสาทหินพิมาย จ.นครราชสีมา ในภาคอีสาน และพระบรมธาตุไชยา จ.สุราษฏร์ธานี ในภาคใต้
ส่วนที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ถือว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของเมืองโบราณก็คือ พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท ที่ของจริงต้นฉบับนั้นหาดูไม่ได้แล้ว ส่วนพระที่นั่งสรรเพชญฯแห่งเมืองโบราณเป็นการถอดแบบจากหลักฐานต่างๆที่หลงเหลือ มาสร้างย่อส่วนลง 3 ใน 4 ซึ่งนั่งสรรเพชญฯหลังนี้งามวิจิตรทั้งภายในและภายนอก
และสถานที่สุดท้ายที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" จะไปเยือนก็คือ สถานตากอากาศบางปู อดีตที่ตากอากาศใกล้กรุงฯที่วันนี้ยังคงความคลาสสิคอยู่ไม่เสื่อมคลาย เมื่อไปตากอากาศบางปูในยามเย็น ก็ไม่ควรพลาดการดูนกนางนวลบินฉวัดเฉวียนด้วยประการทั้งปวง
นกนางนวลเหล่านี้เดินทางไกลมาเป็นระยะทางกว่า 3,000 ไมล์ จากแหล่งสร้างรังบริเวณที่ราบสูงตอนในของทวีปเอเชีย จนย่างเข้าเดือนเมษายน นกนางนวลจึงเริ่มทยอยเดินทางกลับไปวางไข่ให้ทันในเดือนพฤษภาคม ซึ่งในช่วงปีใหม่เช่นนี้นับเป็นโอกาสดีในการชมนกนางนวล เพราะหากเลยช่วงเมษายนไปแล้ว ต้องรออีกทีปีหน้านานวลจึงจะบินกลับมาให้ชมกันอีกครั้ง
เที่ยวสมุทรสาคร...
ท่องคลองโคกขาม ไหว้ศาลพันท้ายนรสิงห์
ปิดทริปสบายๆใน 1 วันกันด้วยการออกท่อง จังหวัด“สมุทรสาคร” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “มหาชัย” เป็นจังหวัดเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนปากน้ำท่าจีน ห่างจากทะเลเพียง 2 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 36 กิโลเมตรจังหวัดเล็กๆแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่หลายแห่งด้วยกัน โดยเฉพาะที่ตำบลโคกขามเพียงแห่งเดียวก็เรียกได้ว่าเที่ยวคุ้มเกินคุ้ม
“ตำบลโคกขาม”ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองเป็นพื้นที่ริมทะเล มี “คลองโคกขาม” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ซึ่งปัจจุบันสองฝั่งคลองยังเต็มไปด้วยต้นโกงกาง มีธรรมชาติอันร่มรื่น สวยงามและสงบ หากแต่เดิมเป็นคลองที่มีความคดเคี้ยวมาก ลักษณะเป็นโค้งข้อศอก กระแสน้ำเชี่ยวมากยากต่อการเดินเรือ หลังการประหารพันท้ายนรสิงห์ พระเจ้าเสือทรงโปรดให้ขุดคลองลัดตัดทางคดเคี้ยวของคลองโคกขามให้ตรง
โดยให้เจ้าพระยาราชสงครามเป็นแม่กองคุมไพร่พลจำนวน 3,000 คน ขุดคลองตัดจากคลองโคกขามตั้งแต่ปี พ.ศ. 2248 ตรงมาเชื่อมกับแม่น้ำท่าจีน ขนาดคลองกว้าง 5 วา ลึก 6 ศอก เสร็จในปี พ.ศ. 2252 ในสมัยของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ เมื่อขุดเสร็จจึงได้พระราชทานนามว่า “คลองสนามไชย “ ต่อมาเปลี่ยนเป็น “ คลองมหาชัย” แต่บางทีชาวบ้านก็เรียกว่า “คลองถ่าน”
ริมคลองโคกขามนั้นมี “ศาลพันท้ายนรสิงห์” (ศาลเดิม) ตั้งอยู่ ณ ตำแหน่งที่เชื่อกันว่าเป็นหลักประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ นายท้ายเรือพระที่นั่งเอกชัยของพระเจ้าเสือแห่งกรุงศรีอยุธยา ในคราวที่คัดท้ายเรือพระที่นั่งเอกชัยจนหัวเรือชนกิ่งไม้ใหญ่ริมคลองโคกขาม ทำให้โขนเรือหักตกลงในน้ำ พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมทูลพระเจ้าเสือให้ประหารชีวิตตามกฎมณเฑียรบาล
พระเจ้าเสือทรงจำฝืนพระทัยตามพระราชกำหนดที่วางไว้จึงมีรับสั่งให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ แล้วให้ทำศาลขึ้นสูงเพียงตา และนำศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกชัยที่หักขึ้นพลีกรรมไว้บนศาล เพื่อเป็นอนุสรณ์แสดงถึงความซื่อสัตย์จงรักภักดี ต่อมากรมศิลปากรได้จัดสร้างศาลขึ้นใหม่แทนหลังเก่าที่พังลงมา ภายในศาลมีรูปปั้นของพันท้ายนรสิงห์ขนาดเท่าคนจริงอยู่ในท่าถือท้ายคัดเรือ
ภายในตำบลโคกขามยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่ายลอีกสิ่งหนึ่งนั้นก็คือ “วัดโคกขาม”เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมคลองโคกขาม เป็นวัดเก่าแก่ สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้ คือ พระอุโบสถหลังเก่ามีใบเสมารอบๆ ด้านหน้ามีพระเจดีย์ที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซม เป็นสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา ลวดลายการแกะสลักไม้ที่หน้าบันนั้นงดงาม นอกจากนั้นยังมีศาลพันท้ายนรสิงห์ซึ่งเป็นศาลเพียงตาเดิม และเป็นที่เก็บโบราณวัตถุที่เล่ากันว่าเกี่ยวพันกับเรื่องของพันท้ายนรสิงห์ เช่น ชิ้นส่วนของเรือพระที่นั่งเอกชัย และบุษบก เป็นต้น
ในฤดูหนาวที่โคกขามยังเป็นแหล่งดูนกชายเลนที่อพยพหนีหนาวมาจากตอนเหนือของทวีปเอเชียในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนและในช่วงที่พวกมันบินกลับบ้านในเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนนกที่จะพบมีอยู่ด้วยกันหลายชนิดเช่นนกตีนเทียน นกอีก้อยใหญ่ นกเต้าดินซึ่งมีบางชนิดที่หาดูได้ค่อนข้างยากที่นี่เขามีจุดให้สอบถามข้อมูลที่ “Bird Center”จะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำเส้นทางและให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับนกในแหล่งชายเลนตำบลโคกขามด้วย
นอกจากนี้คลองโคกขามยังมีคลองประมง ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงยึดอาชีพประมงพื้นบ้านไม่แตกต่างจากในอดีต ไม่ว่าจะเป็น การวางโพงพาง การลงอวน ลอบ จับปลา จับปู เลี้ยงหอยแมลงภู่ การทำกะปิจากเคย โดยชาวบ้านต่างพร้อมใจกันดูแลรักษาป่าชายเลนในพื้นที่คลองโคกขามอย่างดีเพราะนี่ไม่เพียงเป็นทรัพยากรชุมชนเท่านั้นแต่ยังเป็นทรัพยากรของมวลมนุษยชาติอีกด้วย
**********************************************************************************
สมุทรสาคร : คลองโคกขาม มีเรือหางยาวให้บริการนำเที่ยวแบบเช่าเหมาลำ มีหลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ 4-18 ที่นั่ง ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม. จุดลงเรืออยู่ที่ศาลพันท้ายนรสิงห์(ศาลเดิม) หรือสอบถามที่ อบต.พันท้ายนรสิงห์ โทร. 0-3447-8461,0-3447-8060 ส่วนผู้ต้องการดูนก เที่ยวป่าชายเลน สอบถามที่ ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติโคกขาม โทร. 0-3485-7104,0-3485-7232
สมุทรสงคราม : ผู้สนใจล่องลำน้ำแม่กลอง ใน อ.อัมพวา มีเรือหางยาวของชาวบ้านให้บริการนักท่องเที่ยวนั่งได้ไม่เกิน 15 คน ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.จุดลงเรืออยุ่ที่ท่าเรือริมคลองอัมพวา บริเวณตลาดอัมพวา อีกทั้งยังมีบริการเรือพาย (คนละ30บาท) และเรือแจว (คนละ20บาท) ชมตลาดและชุมชนในละแวกนั้น สอบถามเพิ่มเติมที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทางน้ำ ชุมชนตลาดอัมพวา โทร. 0-3475-1141,08-1638-1640
หรือสอบถามรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวใน จังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงครามได้ที่ ททท. ภาคกลาง เขต 2 โทร. 0-3247-1005-6
สมุทรปราการ : พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น. ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก50 บาท โทร. 0-2371-3135-6 เมืองโบราณตั้งอยู่เลยจากสามแยกสมุทรปราการเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิท(ไปทางบางปู) ประมาณ กม.ที่ 33เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ราคาค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท โทร. 0-2371-3135-6
หรือสอบถามรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวใน จังหวัดสมุทรปราการได้ที่ ททท. ภาคกลาง เขต 8 โทร. 0-3731- 2282, 0-3731-2284