หน้าหนาวปีนี้ แม้ถนนแทบทุกสายทางการท่องเที่ยวจะมุ่งหน้าสู่งานมหกรรมพืชสวนโลกที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวอีกหลายๆคนเลือกเดินทางไปแสวงหาความหนาวเย็นและธรรมชาติอันงดงามตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเป็นธรรมเนียมของหน้าหนาวที่ตามขุนเขา ดงดอย ป่าไพร จะมีคนนิยมเดินทางไปเที่ยวกันเป็นจำนวนไม่น้อย
"เลย"จังหวัดชื่อสั้นๆแต่มากไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว นับเป็นอีกหนึ่งเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเที่ยวกันไม่น้อยในช่วงหน้าหนาว เพราะเลยมี 3 ภู่ที่น่าสนใจอย่าง ภูกระดึง ภูเรือ ภูหลวง เป็นแหล่งท่องเที่ยวชูโรง นอกจากนี้ที่ริมโขง อ.เชียงคานก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่กำลังมาแรง เช่นเดียวกับที่ "สวนหินผางาม"หรือ"คุนหมิงเมืองเลย"หรือ"คุนหมิงเมืองไทย" (แล้วแต่ใครจะเรียก) ที่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ ที่โด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็วในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา
สวนหินผางาม ตั้งอยู่ที่ บ้านผางาม ต.ปวนพุ กิ่ง อ.หนองหิน จ.เลย มีลักษณะเป็นเทือกเขาหินปูน มีความสูงอยู่เหนือระดับน้ำทะเลระหว่าง 500-750 เมตร มีเนื้อที่ทั้งหมด 9,000 ไร่ เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 2540 โดยได้เปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมประมาณ 30 % นักวิชาการสันนิษฐานว่า เมื่อราว 225 ล้านปีที่แล้ว สวนหินแห่งนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน เพราะปรากฏซากฟอสซิลของสัตว์ทะเลให้เห็น
สำหรับการเที่ยวชมสวนหินผางามนั้นมี 2 วิธี คือ การนั่งรถอีแต๊กเข้าไปเที่ยวชมสำหรับคนมีเวลาน้อยหรือคนที่ไม่ต้องการเมื่อยขาหรือเดินไม่ไหว ซึ่งจะพาไปยังจุดชมวิวแล้วให้เที่ยวบนนั้นสักพักก่อนกลับลงมา
อีกวิธีหนึ่งก็คือการเดินทางเข้าไปซอกแซกชมหินรูปร่างแปลกตาล ต้นไม้ใบหญ้า และสิ่งที่น่าสนใจอื่นใจสวนหิน ซึ่งวิธีนี้ควรให้ไกด์ท้องถิ่นนำชมเพื่อจะได้ไม่หลงและจะได้รับคำอธิบายเกี่ยวกับสภาพพื้นที่และหินรูปร่างแปลกประหลากต่างอย่างเต็มที่ หรือใครจะใช้วิธีเดินไปชมสวนหินและให้รถอีแต๊กมารับกลับก็จะได้รับอรรถรสครบทั้ง 2 บรรยากาศ
ทั้งนี้เมื่อเดินเข้าเขตพื้นที่สวนหิน 2 ข้างทางจะเรียกน้ำย่อยด้วยหินประหลาดรูปปากไดโนเสาร์ หินมีจมูก ก่อนจะได้พบกับกินช้างร้องไห้ที่มองคล้ายช้างมีน้ำตาไหลเป็นทาง และหินตาข้างเดียวที่ดูคล้ายตาของยักษ์(ข้างเดียว)จ้องมองผู้ที่ผ่านไป-มาอยู่
จากนั้นจะเป็นปากทางเข้าถ้ำลับแล ที่ปากทางเข้าออกมีตาชั่ง 2 เครื่องตั้งไว้เป็นปริศนาธรรมแสดงถึงการาปล่อยวาง เครื่องหนึ่ง"ชั่งเขา" อยู่ปากทางเข้า อีกเครื่องหนึ่ง"ชั่งมัน"วางไปปากทางออก
เส้นทางนับจากนี้ไปเต็มไปด้วยผาหินซึ่งดูแล้วให้บรรยากาศไม่ต่างจากเขาวงกตเท่าใด ใครที่ชอบต้นไม้พันธุ์ไม้จากบริเวณนี้ไปจะเต็มไปด้วยพืชทนแล้ง อย่าง จันทน์ผา ปรง ตะบองเพชร ที่ขึ้นแทรกแซมสลับกับต้นไม้ใหญ่ เถาวัลย์ และพืชพันธุ์อื่นอย่างพึ่งพาอาศัยกัน ถือเป็นเสน่ห์ของคุนหมิงเมืองไทยที่ให้บรรยากาศต่างออกไปจาคุนหมิงเมืองจีน
และที่ดูเหมือนเป็นสิ่งท้าทายนักท่องเที่ยวก็คือเมื่อเข้าสู่แดน"ตะเงิดตะง้อ"(ภาษาถิ่น)หรือแดนสลับซับซ้อน เส้นทางช่วงแรกต้องเดินขึ้นไปตามบันไดชัน สู่เนินท้อแท้หรือเนินวัดใจเนื่องจากนักท่องเที่ยวที่มาเห็นเนินนี้บางคนเกิดอาการท้อแท้ไม่อยากเดินบางคนเกิดอาการท้าทายอยากเดินขึ้นไปพิสูจน์ ซึ่งถึงแม้จะเป็นระยะทางสั้นๆแต่วาก็เรียกเหงื่อได้ไม่น้อยทีเดียว
บนเนินท้อแท้ถือเป็นจุดชมวิวชั้นดี มีลมเย็นๆผัดผ่าน เมื่อมองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์ของป่าหินและป่าไม้ที่อยู่เบื้องล่าง นอกจากนี้บนเนินท้อแท้ยังมีก้อนหินที่มีซากฟอสซิลของหอยและสัตว์โบราณให้ชม รวมถึงต้นจันทน์ผาที่ขึ้นเป็นดงใหญ่อีกมากมายหลายต้น
จากนั้นก็เป็นซุ้มคารวะ หรือซุ้มนักเลงเกรงใจ ที่เป็นช่องหินเตี้ยๆ เวลาใครเดินลอดผ่านจะต้องค้อมตัวลงต่ำเหมือนกับกระทำอาการคารวะกับช่องหินนี้ ก่อนที่ลอดออกไปจะเป็นบันไดไม้ที่นำลงสู่ถ้ำอรทัย ถ้ำที่ตั้งชื่อเป็นเป็นเกียรติให้แก่คุณอรทัยผู้มาสำรวจถ้ำรุ่นแรกๆที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด ซึ่งใกล้ๆกันนั้นมีรากไม้ขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายงูตัวโตเลื้อยอยู่
และเมื่อเดินเลยจากถ้ำไปก็จะได้พบกับ ช่องสรีระ ที่เป็นช่องหินเล็กๆ ตั้งอยู่กลางทางเดินที่คับมีขนาดแค่พอให้คนๆเดียวมุดลอดเข้าไป ซึ่งก็จะไปพบกับ ป่องเอี้ยม ที่เป็นช่องหินที่เมื่อมองลอดลงไปแล้วจะเห็นเส้นทางที่เดินผ่านมา
ประตูโขง ถือเป็นจุดสนใจต่อไปที่มีลักษณะเป็นซุ้มหินขนาดใหญ่คล้ายกับประตูก่อนจะไปพบกับ ผนังหินที่ทะลุเป็นช่องรูปร่างคล้ายๆ กับรูปหัวใจ แต่เป็นหัวใจที่ดูบูดๆเบี้ยวๆ เปรียบดังหัวใจที่ชอกช้ำรัก ชาวบ้านจึงขนานนามว่า ถ้ำหัวใจสลาย
ต่อจากนั้นก็เป็น มงกุฎไดอานา ที่เป็นแท่งหินสูงระดับเอวมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับ ถ้วยฟุตบอลโลก แต่ปลายเป็นแฉกๆ ที่มองบางมุมก็จะคล้ายมงกุฎเหมือนกัน ก่อนที่เส้นทางจะพาเดินขึ้นบันไดมุ่งสู่จุดชมวิว ที่เมื่อมองออกไปจะเห็นทิวทัศน์ของสวนหินผางามหรือคุนหมิงเมืองเลยในมุมกว้าง ที่สวยงามไปด้วยเทือกเขาหินปูนรูปร่างแปลกสูงๆต่ำๆตาทอดตัวยาวเหยียด โดยมีต้นไม้สีเขียวขจีขึ้นแซมอยู่เป็นช่วงๆ
นอกจากนี้ตรงทางลงของจุดชมวิว ยังมีต้นปรงพันปี สูงนับสิบเมตรแผ่สยายกิ่งใบ ยืนโดดเด่น เป็นสง่าอยู่ใกล้กับบันไดท่ามกลางหมู่ไม้จันทน์ผาที่มีอยู่ทั่วไปในสวนหินแห่งนี้
อีกจุดหนึ่งที่เป็นจุดชมทิวทัศน์เช่นกันนั่นก็คือ หอดูดาว ที่เมื่อขึ้นไปสามารถชมวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าได้รอบทิศทางแบบพานอรามา
ครั้นเมื่อเดินลงมาจากจุดชมวิวก็จะพบกับผาบ่อง (บ่อง แปลว่า ช่อง) เป็นภูเขาหินปูนที่ถูกกาลเวลากัดเซาะจนเกิดเป็นช่องขนาดใหญ่ โดยมีตำนานพื้นบ้านเหล่าขานของที่มาของช่องทะลุนี้ว่าเกิดจากพรานที่สูงแปดศอก ได้มาทดลองปืนของตนว่ามีอนุภาพขนาดไหนด้วยการยิงปืนใส่ภูเขาทะลุเป็นช่องขนาดใหญ่ให้เราเห็นอยู่จนทุกวันนี้
สำหรับผาบ่องถือเป็นจุดน่าสนใจส่งท้ายในการซอกแซกเที่ยวชมสวนหินผางาม ที่นอกจากจุดน่าสนใจต่างๆแล้ว ในสวนหินแห่งนี้ยังมีหินรูปร่างประหลาดแปลกตาชวนให้จินตนาการอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หินคล้ายพญานาค เต่า หน้ากากผีตาโขน ไดโนเสาร์ กบ ฯลฯ ซึ่งในการเดินเท้าเที่ยวชมสวนหินนั้น ควรเปิดใจและปล่อยจินตนาการตามก้อนหินรูปร่างแปลกๆตามไปด้วยเพื่อการเที่ยวที่มีอรรถรสมากขึ้น
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สวนหินผางาม ที่ตั้ง อยู่ที่บ้านผางาม ต.ปวนพุ กิ่ง อ. หนองหิน จ.เลย การเดินทางจากตัวเมืองเลยเดินทางไปยัง อ.วังสะพุง โดยใช้ทางทางหลวงหมายเลข 201 จากนั้นเดินทางต่อไปยัง กิ่ง อ.หนองหิน พอถึงตลาด เลี้ยวขวาเข้าบ้านผางาม
ผู้ที่ไปชมสวนหินผางามควรแต่งกายทะมัดทะแมง โดยสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่นำชมสวนหินผางามได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวหน้าเส้นทางเข้าสวนหิน (เจ้าหน้าที่ 1 คน ราคา 100 บาท ต่อนักท่องเที่ยวไม่เกิน 10 คน )ส่วนค่ารถอีแต๊กเที่ยวละ 10 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อบต.หนองหิน โทร. 08-1462-1719 หรือที่ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว จ.เลย โทร. 0-4281-2812