xs
xsm
sm
md
lg

"ต้นไม้ของพ่อ" น้ำพระทัยจากในหลวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ปลูกป่าเพื่อให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยให้ราษฎรในท้องที่นั้นๆ เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจให้ราษฎรเห็นความสำคัญของป่า และการปลูกป่า ให้ชาวบ้านได้ร่วมกิจกรรมตั้งแต่ต้น และควรมีประโยชน์จากกิจกรรมด้วย" …..พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2527

จากพระราชดำรัสข้างต้นดังกล่าว ทำให้เห็นได้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ่อหลวงอันเป็นที่รักและเคารพยิ่งของปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ทรงห่วงใยราษฎรของพระองค์ในทุกๆ เรื่อง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของป่าไม้ ต้นไม้ พระองค์ทรงตระหนักว่าป่าไม้นั้นมีความสำคัญต่อประเทศชาติเพียงใด เพราะหากมีการอนุรักษ์ป่าไม้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ ประชาชนก็สามารถใช้สอยหาประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติจากป่าไม้ได้นานับประการ

ฉะนั้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 79 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคมในปีนี้ “หน้าท่องเที่ยว” ขอร่วมเทิดพระเกียรติในหลวงด้วยการพาไปสัมผัสเรื่องราว “ต้นไม้ของพ่อ” ต้นไม้ที่ในหลวงทรงปลูกตามสถานที่ต่างๆ ทั่วทั้งผืนแผ่นดินไทย ที่หยั่งรากลึกลงไปบนผืนแผ่นดิน เปรียบได้ดั่งพระบารมีแห่งพระกรุณาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแผ่คุ้มครองพสกนิกรของพระองค์ทั่วทั้งประเทศไทย
ในหลวงทรงปลูกต้นหญ้าแฝก ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้
และครั้นหากจะให้กล่าวถึงต้นไม้ที่พระองค์ทรงปลูกไว้ก็คงจะกล่าวได้ไม่หมด จึงขอหยิบยกต้นไม้ของพ่อที่น่าสนใจมาในบางสถานที่

ต้นสนฉัตร"สัญลักษณ์รักนิรันดร์ที่ อุทยานแห่งชาติแม่โถ

"อุทยานแห่งชาติแม่โถ" จ.เชียงใหม่ ถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มาแรงในทางภาคเหนือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติขุนเขาอันบริสุทธิ์ และที่อุทยานแห่งชาติแม่โถ ยังเป็นที่ตั้งของ "ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ" อันเป็นหนึ่งในโครงการจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกด้วย

ซึ่งหากใครได้เดินทางมาเที่ยวภายในอุทยานฯ และได้พักที่บ้านพักในอุทยาน ในบริเวณใกล้ๆ กับบ้านนั้น จะเห็นว่ามีต้นสนฉัตร 2 ต้น ยืนต้นสูงตระหง่านผลิดอกออกใบแผ่กิ่งก้านสาขา ซึ่งต้นสนนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นต้นสนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงปลูกไว้เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2523
ต้นมะม่วงที่ในหลวงทรงปลูก ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาเที่ยว ณ อุทยานแห่งชาตินี้ ในบางครั้งมักเลือกที่จะกางเต็นท์นอนใต้ร่มเงาของต้นสน 2 ต้นที่ยืนหยัดคู่กันนี้ เพราะถือว่าได้เป็นการซึมซับเอาร่องรอยของวันวานในวันที่ในหลวงทรงเคยเหยียบย่างมา ณ บริเวณนี้ โดยเฉพาะหนุ่มสาวมักจะยึดถือเชื่อกันว่า หากได้มานอนอยู่ใต้ต้นสนคู่นี้ความรักจะสุขสมหวังนิรันดร ดั่งสัญลักษณ์ต้นสนคู่นี้ที่ยืนต้นเคียงคู่กันตลอดไปตราบนานเท่านาน

ต้นมะม่วงและหญ้าแฝก" ต้นไม้ทรงปลูก ที่ศูนย์ศึกษาฯห้วยฮ่องไคร้

จากอุทยานแห่งชาติแม่โถ พามากันที่ "ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้" อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ให้เป็นศูนย์กลางในการศึกษา ทดลอง วิจัย ศึกษาสภาพพื้นที่ป่าไม้ต้นน้ำลำธาร การประมง เกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์และโคนม และด้านเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อราษฎรที่จะเข้ามาศึกษากิจกรรมต่างๆ ภายในศูนย์ฯ แล้วนำไปใช้ปฏิบัติได้ผลจริง

หากเมื่อได้มาเที่ยวภายในศูนย์ฯ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันพิสุทธิ์และได้พบกับองค์ความรู้มากมายเกี่ยวกับโครงการต่างๆ และที่สำคัญต้องไม่พลาดไปชมต้นไม้ที่ในหลวงทรงปลูกไว้ ซึ่งพระองค์ทรงปลูกต้นมะม่วงพันธุ์"พิมเสนมัน" ไว้บริเวณหน้าเรือนเพาะชำกล้าไม้โตเร็ว เมื่อวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2527 และก็ยังได้ทรงปลูกต้นหญ้าแฝกไว้ ณ บริเวณพื้นที่แปลงมะขามหวาน เมื่อวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 อีกด้วย

โดยทุกวันนี้ศูนย์ศึกษาฯ ห้วยฮ่องไคร้ได้ทำหน้าที่ เป็นดั่ง "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ"ที่มีชีวิตสำหรับทุกคน และก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ สำหรบผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและใคร่ศึกษาหาความรู้ พร้อมกับได้สัมผัสถึงน้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่ ที่ในหลวงทรงมีต่อพสกนิกรของพระองค์
ต้นจันทน์ 2 ต้น ปลูกอยู่ที่หน้าหอพระไตรปิฎกวัดระฆัง
"ต้นจันทน์" แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ที่วัดระฆัง

จากภาคเหนือมากันที่กรุงเทพฯ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามายังฝั่งธนบุรีเพื่อมายัง "วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร" (วัดระฆัง) วัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ในหลวงทรงเสด็จมาปลูกต้นไม้ไว้ที่นี่

สำหรับต้นไม้ที่พระองค์ทรงปลูกไว้เป็น"ต้นจันทน์" ทรงปลูกไว้เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2514 และข้างๆ กันยังมีต้นจันทน์อีกหนึ่งต้นที่ปลูกโดยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งต้นจันทน์ทั้ง 2 ต้นนี้ ปลูกอยู่ตรงบริเวณด้านหน้าตำหนักจันทน์ หรือ หอพระไตรปิฎก

ซึ่งหอไตรปิฎกแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินทุนในการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ เมื่อปีพ.ศ. 2511 เนื่องจากทรุดโทรมลงมาก และหอพระไตรปิฎกยังได้รับการซ่อมแซมครั้งใหญ่เมื่อคราวฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี และยังเคยได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นประจำปี 2530 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์อีกด้วย

เรียกว่าหากใครที่เดินทางมายังวัดระฆังแล้ว นอกจากจะมาทำบุญ กราบไหว้พระขอพรจากองค์หลวงพ่อโตสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) กันแล้ว ก็ลองเดินมาชมความงามของต้นจันทน์ ที่ยืนต้นเด่นเป็นสง่าแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาครึ้มดูอบอุ่น เปรียบประดุจได้ดั่งน้ำพระทัยจากในหลวงที่แผ่มาถึงพสกนิกรชาวไทย

"ต้นยูงทอง" ต้นไม้แห่งความปลาบปลื้มของชาวธรรมศาสตร์

และนอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวทั้งหลายแล้ว ยังมีสถาบันการศึกษาอันเก่าแก่และมีชื่อเสียงของประเทศไทย อย่างที่ "มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" ตรงท่าพระจันทร์ ถือว่าเป็นสถาบันที่มีต้นไม้พระราชทานจากองค์ในหลวงอีกแห่งหนึ่ง

สำหรับต้นไม้พระราชทานนั้น เป็นต้นหางนกยูงฝรั่ง หรือที่ชาวธรรมศาสตร์เรียกว่า"ต้นยูงทอง" ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาทรงปลูกไว้ที่หน้าหอประชุมใหญ่จำนวน 5 ต้น เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 เวลา 14.30 น. พร้อมกับทรงพระราชทานให้เป็นต้นไม้สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะสีของดอกหางนกยูงนั้น มีสีสอดคล้องกับสีประจำมหาวิทยาลัยคือ สีเหลือง-แดง

และในปีพ.ศ.2507 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทำนองเพลงพระราชนิพนธ์ "ยูงทอง" ให้เป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และต่อมานายจำนง ราชกิจ ข้าราชสำนักได้แต่งเนื้อร้อง และกลายเป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ซึ่งทั้งต้นยูงทอง ต้นไม้ที่องค์ในหลวงทรงปลูกด้วยพระองค์เอง และเพลงพระราชนิพนธ์ยูงทอง ทำให้เหล่าชาวธรรมศาสตร์ มีความปลาบปลื้มเป็นล้นพ้นในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยน้ำพระทัย ที่แผ่ไพศาลไปทั่วแผ่นดิน

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

"ต้นมะม่วง" ในพระมหาชนก คำสอนของพ่อผ่านงานวรรณกรรม

จากเรื่องราวของต้นไม้ที่ทรงปลูกไว้ เพื่อให้ปวงชนชาวไทยได้รับรู้ถึงความสำคัญของต้นไม้แล้วนั้น พ่อหลวงของเรายังได้ปลูกต้นไม้แห่งความคิดให้ไว้กับประชาชนขาวไทยอีกด้วย ดังจะเห็นได้จากเรื่องของ "ต้นมะม่วง" ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพระราชนิพนธ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิ เรื่อง "พระมหาชนก"

โดยเนื้อหาในเรื่องนั้นได้กล่าวถึงตอนที่ พระมหาชนกเสด็จทอดพระเนตรพระราชอุทยาน ในกรุงมิถิลา ซึ่งทางเข้าสวนหลวงมีต้นมะม่วงอยู่สองต้น ต้นหนึ่งมีผลดก อีกต้นหนึ่งไม่มีผล และพระองค์ก็ได้ทรงลิ้มรสมะม่วงอันโอชา แล้วเสด็จกลับเยี่ยมอุทยาน ครั้นเมื่อเสด็จกลับออกจากสวนหลวง ทรงทอดพระเนตรเห็นต้นมะม่วงที่มีผลรสดีต้นนั้น ถูกเหล่าข้าราชบริพารดึงทึ้งเก็บลูกมะม่วงกินจนโค่นลง ส่วนต้นที่ไม่มีลูกก็ยังคงตั้งอยู่ตระหง่านอยู่เช่นเดิม ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ แสดงให้เห็นว่า "สิ่งใดดีมีคุณภาพ จะเป็นเป้าหมายของการยื้อแย่ง และจะเป็นอันตรายในท่ามกลางผู้ที่ขาดปัญญา" ซึ่งในหลวงทรงหยิบยกมาเป็นคำสอน เพื่อให้คนไทยทุกคนได้นำไปใช้เป็นคติสอนใจในการดำเนินชีวิต

และเรื่องราวของต้นมะม่วงไม่ได้มีแต่ในแง่ของงานวรรณกรรมที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์เท่านั้น ยังมีเรื่องราวของต้นมะม่วงที่มีความน่าสนใจ ในแง่ที่ว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญและสนพระทัยกับเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ อย่างเรื่องของ "ต้นมะม่วง" ที่ปลูกอยู่ที่ "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร" (วัดโพธิ์)

สำหรับเรื่องราวของต้นมะม่วงนี้กล่าวกันว่า เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งยังทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงเสด็จมาที่วัดโพธิ์แล้วมีต้นมะม่วงต้นหนึ่งปลูกอยู่ และครั้นเมื่อพระองค์เจริญพระชันษาขึ้น พระองค์ได้เสด็จกลับมาที่วัดโพธิ์อีกครั้ง แล้วทรงทอดพระเนตรไม่เห็นต้นมะม่วงต้นดังกล่าว พระองค์ทรงตรัสถามถึงต้นมะม่วงต้นนั้น ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าต้นมะม่วงต้นนั้นทางวัดได้ตัดโค่นทิ้งไปแล้ว

พอหลังจากที่พระองค์ทรงได้ถามถึงต้นมะม่วงในครั้งนั้น ทางวัดจึงได้ทำการปลูกต้นมะม่วงต้นใหม่ขึ้นมา ณ บริเวณเดิมที่พระองค์ทรงตรัสถามถึง ซึ่งทุกวันนี้ต้นไม้มะม่วงต้นนั้นก็ได้เจริญเติบโตแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาและความร่มรื่นอยู่ภายในวัดโพธิ์ ตรงบริเวณหน้าวิหารพระพุทธไสยาสน์ และกลายเป็นต้นไม้ที่ให้ความร่มเย็นเป็นที่นั่งพักผ่อนแก่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวภายในวัดโพธิ์ได้เป็นอย่างดี

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *


"ราชพฤกษ์" ต้นไม้เฉลิมพระเกียรติในหลวง

และนอกจากต้นไม้ที่ในหลวงทรงปลูกแล้ว ในทางกลับกันหากย้อนถามว่ามีต้นไม้อะไรที่ปวงชนชาวไทยปลูกถวายเฉลิมพระเกียรติแด่องค์ในหลวงบ้างแล้วล่ะก็ เห็นจะเป็นต้นไม้ต้นนี้ที่มีชื่อว่า"ต้นราชพฤกษ์" ต้นไม้มงคล ที่มีอายุยืน ทนทาน ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ และเมื่อถึงฤดูร้อนต้นราชพฤกษ์จะออกดอกสีเหลืองบานสะพรั่งเต็มต้น ช่อดอกเป็นพวงระย้าสวยงามมาก

ซึ่งต้นราชพฤกษ์นี้ยังถือว่าเป็นต้นไม้ประจำชาติ ส่วนดอกราชพฤกษ์ก็เป็นดอกไม้ประจำชาติ และที่ถือว่าเป็นต้นไม้เฉลิมพระเกียรติในหลวง ก็เนื่องมาจากว่าเมื่อปีพ.ศ.2530 เป็นปีเนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางรัฐบาลจึงได้เลือกต้นราชพฤกษ์ เป็นต้นไม้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เหตุเพราะดอกของต้นราชพฤกษ์นั้นมีสีเหลือง ซึ่งเป็นสีเดียวกับวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงได้มีการส่งเสริมให้ประชาชนชาวไทยปลูกต้นราชพฤกษ์ขึ้นทั่วประเทศจำนวนกว่า 99,999 ต้น จนทำให้ทุกวันนี้มีต้นราชพฤกษ์ถูกปลูกอยู่มากมายทั่วประเทศไทย

สำหรับความสำคัญของ "ต้นราชพฤกษ์" นี้ยังได้ไปปรากฏเป็นสัญลักษณ์อยู่ในงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ที่จัดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 1 พ.ย.49-31 ม.ค. 50 แห่งนี้ด้วย ซึ่งต้นราชพฤกษ์นี้ มีหมายความถึงในหลวงของปวงชนชาวไทย ที่ทรงเป็นนักเกษตรเอกพระองค์หนึ่งของโลก

หากใครมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวงานราชพฤกษ์ 49 ก็สามารถไปชมความงามของต้นราชพฤกษ์ ที่ถูกปลูกตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บน "เนินราชพฤกษ์" เนินที่อยู่หน้าทางเข้างานราชพฤกษ์เลย ถือว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของงานที่ไม่ควรพลาดชม
กำลังโหลดความคิดเห็น