โดย : มะเมี้ยะ
ไปเที่ยวสรวงสวรรค์บนผืนพิภพที่จิ่วไจ้โกวมาแล้ว ก็ไม่ควรพลาดไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวข้างเคียงซึ่งเป็นมณีล้ำค่าประดับเคียงคู่กันอย่าง “หวงหลง”หรือ “มังกรเหลือง”อันงดงามด้วยเสน่ห์แห่งแอ่งธาราและโตรกธารที่รินไหล
อุทยานแห่งชาติหวงหลงได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เมื่อ ค.ศ.1992 ตั้งอยู่ที่อำเภอซงพัน ในเขตปกครองตนเองของชนเผ่าทิเบตอาป้า และเผ่าเชียง ทางตอนเหนือของมณฑลซื่อชวน หรือเสฉวนของจีน มีอาณาเขตติดต่อกับเขตอุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว ครอบคลุมพื้นที่ 1,340 ตารางกิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 3,000-5,588 เมตร ภายในอุทยานมีพันธุ์ไม้อนุรักษ์กว่า 1,500 ชนิด สัตว์ป่าหายาก 59 ชนิด และนกกว่า 155 สายพันธุ์
“หวงหลง” หรือ “มังกรเหลือง”นั้นมีหลากหลายข้อสันนิษฐานถึงที่มา แต่ข้อที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นตัวของอุทยานเอง ที่เมื่อมองจากมุมสูงแล้วจะแลเห็นเป็นประดุจรูปมังกรมีเกล็ดสีเหลืองทอง ที่ทอดตัวเลื้อยลดคดเคี้ยวไปตามป่าเขาพร้อมกับทะยานเหินสู่ขุนเขา ที่ประดับประดาด้วยหิมะอันพิสุทธิ์
อีกข้อหนึ่งเป็นตำนานกล่าวถึงเรื่องเล่าที่จักรพรรดิอวี่ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เซี่ย หนึ่งในสามจักรพรรดิผู้ยิ่งยงของประวัติศาสตร์จีนโบราณได้เคยมาบรรเทาอุทกภัยที่นี่ โดยทรงมีพาหนะคือมังกรเหลือง หลังเสร็จสิ้นภารกิจมังกรเหลืองได้ละทิ้งวังมังกรมาอยู่ยังโลกมนุษย์และได้สร้างสระหยกแห่งนี้ขึ้น
แต่ถ้าจะให้ถูกตามหลักวิทยาศาสตร์ก็คงต้องบอกว่า หวงหลงมีความงามในแบบเฉพาะตัวมีลักษณะทางกายภาพที่ประกอบด้วยแนวหินสีเหลืองที่เกิดจากการจับตัวและการผสมผสานกับสีจากผลึกแร่แคลเซียมที่เกาะตัวกันอยู่ใต้แอ่งธาราใส ที่ยามมองจะเห็นเป็นสีต่างๆ ทั้งสีเขียวมรกต สีฟ้าคราม และสีเหลืองทอง แผ่ปกคลุมอยู่โดยทั่วไปบริเวณสันเขาลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ
เนื่องจากหวงหลงมีความสูงอยู่เหนือระดับน้ำทะเลมาก ดังนั้น อากาศข้างบนจึงค่อนข้างเบาบางบริษัททัวร์บางแห่งจึงมีการตรวจสอบสุขภาพของลูกทัวร์ก่อนการเดินทางไปหวงหลงเสมอ สำหรับคนที่ตรวจร่างกายผ่านก็อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะว่าหนทางการขึ้นสู่หวงหลงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
เพราะคุณอาจจะทนต่อแรงกดอากาศไม่ไหว จนต้องพึ่งออกซิเจนกระป๋องที่มีขายอยู่ตลอดทางไว้ติดตัวเผื่อฉุกเฉินกรณีหายใจไม่ทัน แต่หากเดินไม่ไหวจริงๆ เขาก็มีเกี้ยวให้เช่าขึ้นไป ราคาแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ห้องน้ำในหวงหลงนั้นทำให้ลืมว่าอยู่ในห้องน้ำเมืองจีนชั่วขณะ เพราะสะอาดสะอ้านเหลือเชื่อ นอกจากออกซิเจนกระป๋องแล้วตลอดทางเดินจะมีจุดแวะพักให้เอนหลังพักเหนื่อยด้วย
การเดินชม “หวงหลง” นักท่องเที่ยวจะถูกบังคับให้เดินตามเส้นทางเดินที่เป็นไม้ ตั้งแต่ประตูทางเข้าที่เป็นส่วนหางของมังกรไปจนถึงส่วนหัวของมังกร รวมระยะทาง 3.6 กิโลเมตร กฎเหล็กอันเคร่งครัดของที่นี่คือห้ามสูบบุหรี่ ห้องนำอาหารเข้ามารับประทาน หรืแม้แต่ส่งเสียงดังรบกวนธรรมชาติก็ไม่ได้ และห้ามนำเท้าลงไปสัมผัสกับแอ่งน้ำเป็นอันขาด ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันให้หวงหลงงดงามน่าเที่ยวไปนานๆ
ระหว่างขึ้นไปหวงหลงนั้นสองข้างทางเติมเต็มชีวิตไปด้วยธรรมชาติของป่าสนรวมถึงไม้ผลัดใบสีต่างๆและยอดของขุนเขา ยวี่เชว่ยเฟิง (Yu Cui Feng) เมื่อเดินเข้ามาไม่ไกลนัก ฉันก็ต้องตะลึงกับความงามของสระน้อยใหญ่ที่เรียงทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ น้ำในแอ่งก็มีสีสันต่างกันไปทั้งเขียว ฟ้าใส เสียงไกด์เรียกชื่อสถานที่เป็นภาษาจีนว่า “หยิงปิงไฉ่ฉือ” (Yin Bing Cai Chi) หรือสระต้อนรับแขก
การจะเดินเที่ยวหวงหลงขอแนะนำว่าเดินไปถ่ายรูปไปดีกว่า อย่ามัวแต่พะวงว่าเมื่อไหร่จะถึงเมื่อเดินลึกเข้ามาอีกก็จะเจอ ธารน้ำแข็งที่ไหลเอื่อยผ่านแนวสันเขาหินปะการังสีทองลงมา จุดนี้บรรดาคนรักการถ่ายรูปรัวชัตเตอร์กันแบบไม่ยั้ง
จากธารน้ำแข็งเมื่อไหลลงมาจะกลายเป็นน้ำตกน้อยใหญ่ ที่โดดเด่นก็เห็นจะเป็น “ธารน้ำตกดอกบัว” หรือ เหลี่ยนไถเฟยผู้ (Lain Tai Fei pu) ที่มีคงามงดงามยิ่งนัก เมื่อสายน้ำไหลมาถึงไหล่เขา ที่ความสูงราว 3,100-3,600 เมตร จะกลับมารวมกันที่โตรกธารหวงหลงอีกครั้ง จนเกิดเป็นสระมรกตหลากสีสันกว่า 3,000 สระ บ้างมีขนาดใหญ่เป็นพันตารางเมตร บ้างก็มีความลึกความตื้นแตกต่างกัน สมแล้วที่ได้รับสมญานามว่า “แอ่งธาราแห่งสวรรค์” หรือ หรินเจียนเหยาฉือ (Ren Jian Yao Chi)
เดินต่อไปอีกไม่ไกลจะถึง “น้ำตกถ้ำล้างตัว” หรือ สี่เซินต้ง (Xi Shen Dong) มีลักษณะเป็นโพรงถ้ำขนาดเล็ก ชาวทิเบตกล่าวกันว่า เป็นถ้ำล้างตัวของเทวดา มักนิยมมาขอบุตรกันเพราะเชื่อว่าจะสมหวัง
ฉันเดินมาเพียงเท่านี้ก็รับรู้ได้ว่าร่างกายไม่สามารถต้านทานกับอากาศที่เบาบางได้ดังนั้นจึงหยุดแวะพักและตัดสินใจที่จะไม่เดินขึ้นต่อไปแม้ว่าบรรดาเพื่อนร่วมทางจะคะยั้นคะยอก็ไม่เป็นผลสำเร็จจนทุกคนถอดใจปล่อยให้ฉันนั่งพักอยู่ที่น้ำตกล้างตัว
แต่อย่างไรก็ตามฉันก็ยังไม่หมดความพยายามที่จะรู้ว่าเหนือจุดที่ฉันยืนอยู่มีอะไร ฉันอาศัยให้เพื่อนที่ขึ้นไปนำกลับมาบอกเล่าและถ่ายรูปมาให้ชมเหนือขึ้นไปจากจุดที่ฉันยืนอยู่เป็น “ธารน้ำตกทรายทอง” หรือ จินซาผู่ตี้ (Jin Sha Pu Di) เป็นธารน้ำไหลที่สามารถมองเห็นได้ตลอดทางริมทางเดิน
แล้วยังมี “สระน้ำสะท้อนเงา” หรือ หมิงจิ้งเต่ายิ่งฉือ (Ming Jing Dao Ying Chi) ซึ่งมีอยู่หลายสระด้วยกันความงดงามอยู่ที่เงาในน้ำซึ่งทำหน้าที่โอบอุ้มเขาขุนเป็นกระจกเงาบานใหญ่และหากเดินไปอีกราวหนึ่งกิโลเมตร
จะไปถึงหัวมังกรที่สุดแห่งเส้นทางหลักในหวงหลง “สระน้ำห้าสี” และ “สระดอกไม้หมุนวน”ซึ่งคงต้องยกนิ้วให้สำหรับผู้ที่ฝ่าฟันสภาพอากาศไปจนถึง เพราะมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ยอมยกธงขาวเสียก่อน
อีกจุดหนึ่งที่นอกเหนือจากการเดินชมสระสวรรค์ในหวงหลงแล้ว ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆกันที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือการแวะมาที่ “วัดกลางจงสื้อ” วัดสมัยราชวงค์หมิงที่มีการผสมผสานด้วยหลักความเชื่อของศาสนาพุทธและเต๋าอย่างกลมกลืม
และอีกแห่งคือ“วัดมังกรเหลืองโบราณ” หรือ หวงหลงกู่สื้อ ซึ่งเป็นวัดเต๋าตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเทือกเขาหมินซาน ที่ภายในมีหินงอก หินย้อย ที่โดดเด่นคงจะเป็นหินงอกที่มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูปภายในถ้ำประดับประดาไปด้วยไฟสีต่างๆ แลดูงดงามอีกแบบ
หวงหลงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่มีความงดงาม และเกิดจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติโดยแท้ ซึ่งหาดูได้ไม่ง่ายนัก สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมาเยือนมณฑลเสฉวนในประเทศจีน ฉันก็ขอแนะนำว่าอย่าลืมมาเยี่ยมเยือนมรดกโลกทางธรรมชาติทั้งที่ “จิ่วไจ้โกว” และ “หวงหลง” แล้วจะรู้ว่าสวรรค์บนดินก็มีอยู่จริง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ทางจันทรคติ (ราววันที่ 10-20 มิถุนายน) ของทุกปี ที่วัดหวงหลงมีเทศกาลงานวัดประจำปีของชนเผ่าต่างๆ ในท้องถิ่น
เวลาเปิดทำการ : 09.10-16.40 น. อุทยานฯจะปิดทำการในเดือนพฤศจิกายน-มีนาคมของทุกปี (เส้นทางอันตรายจากหิมะ และเพื่อฟื้นฟูสภาพทางนิเวศวิทยา) บัตรผ่านประตู : ฤดูท่องเที่ยว (เมษายน-ตุลาคม) ราคา 110 หยวน นอกฤดูท่องเที่ยว (ตุลาคม-พฤศจิกายน) 80 หยวน
เส้นทางการท่องเที่ยวในหวงหลง:ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ระยะทาง 3.4 กิโลเมตร เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวภายในเขตอุทยานฯ มีความสูงระหว่าง 3,000-3,500 เมตร และใช้เส้นทางเดินเท้าตลอดสาย ดังนั้น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูงอาจเกิดอาการหายใจขัดจากการแพ้ที่สูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเดินทางไปจิ่วไจ้โกวและหวงหลง เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือชีวิต และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
สำหรับผู้ที่แพทย์อนุญาตให้เดินทาง ควรถ่ายสำเนาประวัติการรักษาและยาที่ใช้ นำติดตัวไปด้วยเพื่อกรณีฉุกเฉินแพทย์จีนจะได้รักษาอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และควรมีชื่อ / หมายเลขโทรศัพท์ของแพทย์ในประเทศไทยไว้ติดต่อด้วย หากเกิดกรณีฉุกเฉินและต้องการติดต่อสถานกงสุลใหญ่ฯ ให้ติดต่อโทรศัพท์มือถือหมายเลข 133 981 79229 และควรซื้อประกันสุขภาพระหว่างการเดินทางด้วย
ไปเที่ยวสรวงสวรรค์บนผืนพิภพที่จิ่วไจ้โกวมาแล้ว ก็ไม่ควรพลาดไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวข้างเคียงซึ่งเป็นมณีล้ำค่าประดับเคียงคู่กันอย่าง “หวงหลง”หรือ “มังกรเหลือง”อันงดงามด้วยเสน่ห์แห่งแอ่งธาราและโตรกธารที่รินไหล
อุทยานแห่งชาติหวงหลงได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เมื่อ ค.ศ.1992 ตั้งอยู่ที่อำเภอซงพัน ในเขตปกครองตนเองของชนเผ่าทิเบตอาป้า และเผ่าเชียง ทางตอนเหนือของมณฑลซื่อชวน หรือเสฉวนของจีน มีอาณาเขตติดต่อกับเขตอุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว ครอบคลุมพื้นที่ 1,340 ตารางกิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 3,000-5,588 เมตร ภายในอุทยานมีพันธุ์ไม้อนุรักษ์กว่า 1,500 ชนิด สัตว์ป่าหายาก 59 ชนิด และนกกว่า 155 สายพันธุ์
“หวงหลง” หรือ “มังกรเหลือง”นั้นมีหลากหลายข้อสันนิษฐานถึงที่มา แต่ข้อที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นตัวของอุทยานเอง ที่เมื่อมองจากมุมสูงแล้วจะแลเห็นเป็นประดุจรูปมังกรมีเกล็ดสีเหลืองทอง ที่ทอดตัวเลื้อยลดคดเคี้ยวไปตามป่าเขาพร้อมกับทะยานเหินสู่ขุนเขา ที่ประดับประดาด้วยหิมะอันพิสุทธิ์
อีกข้อหนึ่งเป็นตำนานกล่าวถึงเรื่องเล่าที่จักรพรรดิอวี่ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เซี่ย หนึ่งในสามจักรพรรดิผู้ยิ่งยงของประวัติศาสตร์จีนโบราณได้เคยมาบรรเทาอุทกภัยที่นี่ โดยทรงมีพาหนะคือมังกรเหลือง หลังเสร็จสิ้นภารกิจมังกรเหลืองได้ละทิ้งวังมังกรมาอยู่ยังโลกมนุษย์และได้สร้างสระหยกแห่งนี้ขึ้น
แต่ถ้าจะให้ถูกตามหลักวิทยาศาสตร์ก็คงต้องบอกว่า หวงหลงมีความงามในแบบเฉพาะตัวมีลักษณะทางกายภาพที่ประกอบด้วยแนวหินสีเหลืองที่เกิดจากการจับตัวและการผสมผสานกับสีจากผลึกแร่แคลเซียมที่เกาะตัวกันอยู่ใต้แอ่งธาราใส ที่ยามมองจะเห็นเป็นสีต่างๆ ทั้งสีเขียวมรกต สีฟ้าคราม และสีเหลืองทอง แผ่ปกคลุมอยู่โดยทั่วไปบริเวณสันเขาลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ
เนื่องจากหวงหลงมีความสูงอยู่เหนือระดับน้ำทะเลมาก ดังนั้น อากาศข้างบนจึงค่อนข้างเบาบางบริษัททัวร์บางแห่งจึงมีการตรวจสอบสุขภาพของลูกทัวร์ก่อนการเดินทางไปหวงหลงเสมอ สำหรับคนที่ตรวจร่างกายผ่านก็อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะว่าหนทางการขึ้นสู่หวงหลงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
เพราะคุณอาจจะทนต่อแรงกดอากาศไม่ไหว จนต้องพึ่งออกซิเจนกระป๋องที่มีขายอยู่ตลอดทางไว้ติดตัวเผื่อฉุกเฉินกรณีหายใจไม่ทัน แต่หากเดินไม่ไหวจริงๆ เขาก็มีเกี้ยวให้เช่าขึ้นไป ราคาแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ห้องน้ำในหวงหลงนั้นทำให้ลืมว่าอยู่ในห้องน้ำเมืองจีนชั่วขณะ เพราะสะอาดสะอ้านเหลือเชื่อ นอกจากออกซิเจนกระป๋องแล้วตลอดทางเดินจะมีจุดแวะพักให้เอนหลังพักเหนื่อยด้วย
การเดินชม “หวงหลง” นักท่องเที่ยวจะถูกบังคับให้เดินตามเส้นทางเดินที่เป็นไม้ ตั้งแต่ประตูทางเข้าที่เป็นส่วนหางของมังกรไปจนถึงส่วนหัวของมังกร รวมระยะทาง 3.6 กิโลเมตร กฎเหล็กอันเคร่งครัดของที่นี่คือห้ามสูบบุหรี่ ห้องนำอาหารเข้ามารับประทาน หรืแม้แต่ส่งเสียงดังรบกวนธรรมชาติก็ไม่ได้ และห้ามนำเท้าลงไปสัมผัสกับแอ่งน้ำเป็นอันขาด ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันให้หวงหลงงดงามน่าเที่ยวไปนานๆ
ระหว่างขึ้นไปหวงหลงนั้นสองข้างทางเติมเต็มชีวิตไปด้วยธรรมชาติของป่าสนรวมถึงไม้ผลัดใบสีต่างๆและยอดของขุนเขา ยวี่เชว่ยเฟิง (Yu Cui Feng) เมื่อเดินเข้ามาไม่ไกลนัก ฉันก็ต้องตะลึงกับความงามของสระน้อยใหญ่ที่เรียงทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ น้ำในแอ่งก็มีสีสันต่างกันไปทั้งเขียว ฟ้าใส เสียงไกด์เรียกชื่อสถานที่เป็นภาษาจีนว่า “หยิงปิงไฉ่ฉือ” (Yin Bing Cai Chi) หรือสระต้อนรับแขก
การจะเดินเที่ยวหวงหลงขอแนะนำว่าเดินไปถ่ายรูปไปดีกว่า อย่ามัวแต่พะวงว่าเมื่อไหร่จะถึงเมื่อเดินลึกเข้ามาอีกก็จะเจอ ธารน้ำแข็งที่ไหลเอื่อยผ่านแนวสันเขาหินปะการังสีทองลงมา จุดนี้บรรดาคนรักการถ่ายรูปรัวชัตเตอร์กันแบบไม่ยั้ง
จากธารน้ำแข็งเมื่อไหลลงมาจะกลายเป็นน้ำตกน้อยใหญ่ ที่โดดเด่นก็เห็นจะเป็น “ธารน้ำตกดอกบัว” หรือ เหลี่ยนไถเฟยผู้ (Lain Tai Fei pu) ที่มีคงามงดงามยิ่งนัก เมื่อสายน้ำไหลมาถึงไหล่เขา ที่ความสูงราว 3,100-3,600 เมตร จะกลับมารวมกันที่โตรกธารหวงหลงอีกครั้ง จนเกิดเป็นสระมรกตหลากสีสันกว่า 3,000 สระ บ้างมีขนาดใหญ่เป็นพันตารางเมตร บ้างก็มีความลึกความตื้นแตกต่างกัน สมแล้วที่ได้รับสมญานามว่า “แอ่งธาราแห่งสวรรค์” หรือ หรินเจียนเหยาฉือ (Ren Jian Yao Chi)
เดินต่อไปอีกไม่ไกลจะถึง “น้ำตกถ้ำล้างตัว” หรือ สี่เซินต้ง (Xi Shen Dong) มีลักษณะเป็นโพรงถ้ำขนาดเล็ก ชาวทิเบตกล่าวกันว่า เป็นถ้ำล้างตัวของเทวดา มักนิยมมาขอบุตรกันเพราะเชื่อว่าจะสมหวัง
ฉันเดินมาเพียงเท่านี้ก็รับรู้ได้ว่าร่างกายไม่สามารถต้านทานกับอากาศที่เบาบางได้ดังนั้นจึงหยุดแวะพักและตัดสินใจที่จะไม่เดินขึ้นต่อไปแม้ว่าบรรดาเพื่อนร่วมทางจะคะยั้นคะยอก็ไม่เป็นผลสำเร็จจนทุกคนถอดใจปล่อยให้ฉันนั่งพักอยู่ที่น้ำตกล้างตัว
แต่อย่างไรก็ตามฉันก็ยังไม่หมดความพยายามที่จะรู้ว่าเหนือจุดที่ฉันยืนอยู่มีอะไร ฉันอาศัยให้เพื่อนที่ขึ้นไปนำกลับมาบอกเล่าและถ่ายรูปมาให้ชมเหนือขึ้นไปจากจุดที่ฉันยืนอยู่เป็น “ธารน้ำตกทรายทอง” หรือ จินซาผู่ตี้ (Jin Sha Pu Di) เป็นธารน้ำไหลที่สามารถมองเห็นได้ตลอดทางริมทางเดิน
แล้วยังมี “สระน้ำสะท้อนเงา” หรือ หมิงจิ้งเต่ายิ่งฉือ (Ming Jing Dao Ying Chi) ซึ่งมีอยู่หลายสระด้วยกันความงดงามอยู่ที่เงาในน้ำซึ่งทำหน้าที่โอบอุ้มเขาขุนเป็นกระจกเงาบานใหญ่และหากเดินไปอีกราวหนึ่งกิโลเมตร
จะไปถึงหัวมังกรที่สุดแห่งเส้นทางหลักในหวงหลง “สระน้ำห้าสี” และ “สระดอกไม้หมุนวน”ซึ่งคงต้องยกนิ้วให้สำหรับผู้ที่ฝ่าฟันสภาพอากาศไปจนถึง เพราะมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ยอมยกธงขาวเสียก่อน
อีกจุดหนึ่งที่นอกเหนือจากการเดินชมสระสวรรค์ในหวงหลงแล้ว ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆกันที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือการแวะมาที่ “วัดกลางจงสื้อ” วัดสมัยราชวงค์หมิงที่มีการผสมผสานด้วยหลักความเชื่อของศาสนาพุทธและเต๋าอย่างกลมกลืม
และอีกแห่งคือ“วัดมังกรเหลืองโบราณ” หรือ หวงหลงกู่สื้อ ซึ่งเป็นวัดเต๋าตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเทือกเขาหมินซาน ที่ภายในมีหินงอก หินย้อย ที่โดดเด่นคงจะเป็นหินงอกที่มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูปภายในถ้ำประดับประดาไปด้วยไฟสีต่างๆ แลดูงดงามอีกแบบ
หวงหลงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่มีความงดงาม และเกิดจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติโดยแท้ ซึ่งหาดูได้ไม่ง่ายนัก สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมาเยือนมณฑลเสฉวนในประเทศจีน ฉันก็ขอแนะนำว่าอย่าลืมมาเยี่ยมเยือนมรดกโลกทางธรรมชาติทั้งที่ “จิ่วไจ้โกว” และ “หวงหลง” แล้วจะรู้ว่าสวรรค์บนดินก็มีอยู่จริง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ทางจันทรคติ (ราววันที่ 10-20 มิถุนายน) ของทุกปี ที่วัดหวงหลงมีเทศกาลงานวัดประจำปีของชนเผ่าต่างๆ ในท้องถิ่น
เวลาเปิดทำการ : 09.10-16.40 น. อุทยานฯจะปิดทำการในเดือนพฤศจิกายน-มีนาคมของทุกปี (เส้นทางอันตรายจากหิมะ และเพื่อฟื้นฟูสภาพทางนิเวศวิทยา) บัตรผ่านประตู : ฤดูท่องเที่ยว (เมษายน-ตุลาคม) ราคา 110 หยวน นอกฤดูท่องเที่ยว (ตุลาคม-พฤศจิกายน) 80 หยวน
เส้นทางการท่องเที่ยวในหวงหลง:ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ระยะทาง 3.4 กิโลเมตร เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวภายในเขตอุทยานฯ มีความสูงระหว่าง 3,000-3,500 เมตร และใช้เส้นทางเดินเท้าตลอดสาย ดังนั้น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูงอาจเกิดอาการหายใจขัดจากการแพ้ที่สูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเดินทางไปจิ่วไจ้โกวและหวงหลง เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือชีวิต และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
สำหรับผู้ที่แพทย์อนุญาตให้เดินทาง ควรถ่ายสำเนาประวัติการรักษาและยาที่ใช้ นำติดตัวไปด้วยเพื่อกรณีฉุกเฉินแพทย์จีนจะได้รักษาอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และควรมีชื่อ / หมายเลขโทรศัพท์ของแพทย์ในประเทศไทยไว้ติดต่อด้วย หากเกิดกรณีฉุกเฉินและต้องการติดต่อสถานกงสุลใหญ่ฯ ให้ติดต่อโทรศัพท์มือถือหมายเลข 133 981 79229 และควรซื้อประกันสุขภาพระหว่างการเดินทางด้วย
