xs
xsm
sm
md
lg

'จิ่วไจ้โกว'สรวงสวรรค์บนผืนพิภพ (1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : มะเมี้ยะ

ไม่รู้ว่ามีใครเคยเป็นอย่างฉันบ้าง บ่อยครั้งที่นั่ง ดูหนัง ดูละคร แล้วเห็นฉากที่อลังการหรือสวยแบบวิจิตรพิสดารจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าฉากที่เห็นจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ หรือถ้ามีอยู่จริงแล้วมันแอบซ่อนอยู่ที่ไหนกัน จนบางครั้งคิดว่าทางผู้กำกับเขาต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วยแน่ๆเลย

ความคิดที่ไม่เชื่อว่าสถานที่งดงามราวภาพฝันมีอยู่จริงเพิ่งจะเปลี่ยนก็เมื่อได้มีโอกาสไปเยือนอุทยานสวรรค์อย่าง "จิ่วไจ้โกว" ในอำเภอหนังผิง เขตปกครองตนเองของชนเผ่าเชียง ชนชาติทิเบต ทางตอนเหนือของมณฑลซื่อชวนหรือเสฉวนในภาคตะวันตกของจีนนั่นเอง

รู้จักดินแดนแห่งเทพนิยาย

"จิ่วไจ้โกว" มีความหมายในภาษาจีนหมายถึงลำธารเก้าหมู่บ้าน จิ่วคือเก้า ไจ้คือหมู่บ้าน ส่วนโกวคือ แควหรือธารน้ำ ซึ่งมีที่มาจากชนชาติทิเบตที่อาศัยอยู่บริเวณรอบๆอุทยานแต่เดิม ซึ่งมีจำนวน 9 หมู่บ้าน

จิ่วไจ้โกวเป็นธารน้ำสองสายที่ไหลมารวมกัน สายหนึ่งไหลมาจากฉางไห่ (ทะเลสาบยาวด้านตะวันตก อีกสายหนึ่งไหลมาจากตาน้ำที่ป่าดึกดำบรรพ์ ทางด้านตะวันออก สองสายธารไหลคู่ขนานแล้วมาบรรจบกันที่ใกล้บริเวณทะเลสาบกระจก หรือจิ้งไห่ จากนั้นไหลรวมกันลงไปสู่แม่น้ำขาวหรือไป๋สุ่ยเจียง มีลักษณะเป็นรูปตัววาย

จิ่วไจ้โกวอยู่ห่างจากเมืองเฉิงตูขึ้นไปทางเหนือระยะทาง 470 กิโลเมตร มีระดับความสูง 2,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ใช้เวลาการเดินทางจากเมืองเฉิงตูราว 10 ชั่วโมง เนื่องจากระยะทางเป็นเทือกเขาสูงคดเคี้ยว ภายในมีทะเลสาบน้อยใหญ่ทั้งหมด 108 แห่ง แต่บริเวณที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมนั้น ครอบคลุมพื้นที่เพียงประมาณ 3 หมู่บ้านเท่านั้น

ส่วนพื้นที่อื่นนอกเหนือจากนี้เป็นเขตหวงห้าม นอกจากชาวพื้นเมืองที่อาศัยใน 9 หมู่บ้านแล้วห้ามบุคคลภายนอกเข้าไป ทางอุทยานมีการกำหนดจำนวนคนที่จะเข้าไปเที่ยวในแต่ละวันไว้ไม่เกินวันละ 2,000 คน หากมีจำนวนเกินจากนั้นจะไม่ขายบัตรให้นักท่องเที่ยวอีก

มีกฎข้อหนึ่งที่ฉันชื่นชอบมากของที่นี่ก็คือ ห้ามสูบบุหรี่เด็ดขาด จะฝ่าฝืนก็ได้แต่ก็คงไม่คุ้มกับค่าปรับที่จะเสียเพราะว่าแพงมาก ส่วนการเดินทางภายในอุทยานห้ามนำรถยนต์ทุกชนิดเข้าในเขตอุทยาน อนุญาตให้นักท่องเที่ยวใช้รถไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ทางอุทยานจัดให้บริการเท่านั้น

สีสันหลากหลายในจิ่วไจ้โกว

ฉันไปเยือนจิ่วไจ้โกวช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงหรือราวเดือนตุลาคม ซึ่งก็เป็นฤดูท่องเที่ยวของที่นี่พอดี ไฮไลต์ ที่รู้จักกันดีของที่นี่ก็เห็นจะเป็น "แม่น้ำ 5 สี" ในยามกระทบแสงแดดอ่อนๆเป็นสีเขียว ไม่ถูกแสงแดดเป็นสีน้ำเงิน บางจุดก็เป็นสีเงิน สีขาว หรือสีม่วงตามแต่สายตาผู้มอง สระน้ำแต่ละแห่งมีสีสันหลากสี บางสระมีปลาเล็กปลาน้อยแหวกว่ายอยู่ บางสระก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่เลยนับเป็นความแปลกประหลาดอีกอย่างหนึ่งของที่นี่

อย่างที่กล่าวแต่ต้นว่าเส้นทางในอุทยานจิ่วไจ้โกว มีลักษณะตามรูปอักษรตัววายในภาษาอังกฤษ แยกเป็นสามเส้นทางหลักโดยปลายด้านหนึ่งไปสุดที่ทะเลสาบยาว ส่วนอีกสายหนึ่งไปสุดที่ป่าดึกดำบรรพ์ ส่วนหางตัววาย ทางขึ้นสู่อุทยานในระยะแรกนั้น เพียงไม่นานจะเห็นทิวทัศน์เป็นทุ่งหญ้าผืนใหญ่ดอกหญ้าน้อยๆปลิดปลิวละล่องไปกับสายลมอันเหน็บหนาว

เดิมทีฉันมีความตั้งใจที่จะเดินให้ทั่วจิ่วไจ้โกวแต่ไกด์นำทางก็เตือนด้วยความหวังดีว่า ถ้าฉันจะเที่ยวให้ทั่วก็คงต้องใช้เวลากว่า2 วัน ทีแรกก็ไม่อยากเชื่อเท่าไหร่แต่ไม่นานก็ค้นพบสัจธรรม เพราะเดินยังไม่ถึงแยกของตัววายฉันก็หมดแรงแล้ว

มีอีกเรื่องที่ฉันต้องขอสารภาพตรงนี้เลยว่า แรงบันดาลใจที่ทำให้ข้ามน้ำข้ามทะเลอยากมาเที่ยวจิ่วไจ้โกวเป็นเพราะภาพยนตร์จีนเรื่อง “ฮีโร่” ทีเดียวเชียว กะว่ามาแล้วจะไปดูสถานที่ที่เคยใช้ถ่ายทำซะหน่อย แต่พอเอาเขาจริงๆกลับทนต่อความกดอากาศบนที่สูงไม่ไหว เลยขึ้นไปไม่ถึงจุดที่ใช้ถ่ายทำเพราะหมดแรงซะก่อน

ทั้งที่เป็นอีกจุดหนึ่งที่กล่าวขวัญกันว่าสวยมากเสียด้วย ถ้าใครยังพอจำฉากในภาพยนตร์จีนเรื่องนี้ได้ จะมีอยู่หลายฉากด้วยกันถ่ายทำที่นี้ เพราะฉากหลังเหล่านี้แหละทำให้ฉันเผลอชื่นชมกันบรรยากาศของฉากมากกว่าตัวละคร

อย่างฉากการต่อสู้ระหว่างกระบี่หักกับชายไร้นามกลาง (จำไม่ได้แล้วว่าใครแสดงเป็นใคร) แล้วกลางแม่น้ำมีร่างอันแน่นิ่งของนางเอกนอนอยู่ในเก๋งจีนช่างสวยงามจริงๆ แต่ก็นั้นล่ะเป็นจุดที่ฉันตะเกียกตะกายขึ้นไปไม่ถึง เก๋งจีนนี้เป็นผลพลอยได้จากภาพยนตร์เรื่อง "ฮีโร่" ได้ยินไกด์บอกแว่วๆว่าทางอุทยานจะรื้อเก๋งจีนนี้ทิ้งแต่ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้รื้อไปหรือยัง

น้ำตกน้อยใหญ่และลำธารมากมายที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เป็นอีกจุดหนึ่งที่งดงามไม่น้อยมีอยู่ที่หนึ่งฉันจำได้ติดตาว่าเป็นฉากโรแมนติระหว่างกระบี่หักกับหิมะเหิรพระเอก นางเอก ที่เป็นสถานที่พบรักกัน ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะชื่อน้ำตก "นั่วยื่อหล่าง" (Nourilang) เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีทิวทัศน์งดงาม

อีกแห่งหนึ่งไม่ไกลจากกันนั้นเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพก็คือ "ทะเลสาบยาว" ซึ่งอยู่ด้านซ้ายของตัววายเป็นทะเทสาบที่มีความยาวทั้งหมดถึง 7.8 กิโลเมตร บริเวณลานกว้างก่อนถึงทะเลสาบ เป็นจุดชมวิวที่ชาวทิเบตนำจามรีมาให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป ภูเขารอบทะเลสาบมีหิมะปกคลุมบางๆตามต้นไม้สวยราวกับแก้วเจียระไนก็ไม่ปาน

ไม่เกินคำกล่าวที่ว่า "หากไปชมภูเขาที่หวงซานมาแล้ว ...ขุนเขาอื่นในปฐพีภพล้วนไม่มีความหมาย หากไปชมธารน้ำที่จิ่วไจ้โกวมาแล้ว...สายน้ำอื่นในโลกาย่อมไม่อยู่ในสายตา" นี้คือประโยคคลาสสิกที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวที่สะท้อนความงามของจิ่วไจ้โกวได้ดีที่สุดก็ว่าได้ มันเหมือนฉันหลงมาอยู่ในโลกแห่งภาพวาดที่รังสรรค์ด้วยจิตรกรฝีมือเอกไม่ผิดเพี้ยน

ยังมีความงามดุจดินแดนในสรวงสวรรค์ที่จิ่วไจ้โกวอีกมากมายที่บรรยายได้ไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะตำนานอันน่ารักของจิ่วไจ้โกวและทะเลสาบกระจกอันงดงามคงต้องขอยกยอดไว้ในคราวหน้า...(อ่านต่อตอนต่อไป)

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

อุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว มรดกโลกทางธรรมชาติ ปีค.ศ. 1992 ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน)ภาคตะวันตกของจีน มีอาณาเขตเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 643 ตารางกิโลเมตร อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,000 – 4,760 เมตร โดยเปิดให้สาธารณชนท่องเที่ยว 55 ตารางกิโลเมตร

หลังวันที่เดือนพฤศจิกายนไปแล้ว จิ่วไจ้โกวจะเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ร้านขายอาหารหลายแห่งปิดให้บริการ ควรเจรจากับทางสถานที่พักให้เตรียมจัดหาอาหารไว้ล่วงหน้า (ฤดูท่องเที่ยวอุทยานฯจิ่วไจ้โกวและหวงหลง อยู่ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม, กันยายน-ตุลาคม- 15 พฤศจิกายน)

ราคาบัตรผ่านประตู : ฤดูท่องเที่ยว 1 เมษายน – 15 พฤศจิกายน ราคา 220 หยวน ส่วนระหว่าง 16 พฤศจิกายน – ปลายเดือนมีนาคม ราคา 80 หยวน (ราคาปรับใหม่เมื่อ 1 กรกฎาคม 2548 )

นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าไปเที่ยวในอุทยานฯจิ่วไจ้โกว มากกว่าหนึ่งครั้งขึ้นไปต้องทำเรื่องล่วงหน้า ณ จุดจำหน่ายตั๋ว ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่บริษัทนำเที่ยวทั่วไป

กำลังโหลดความคิดเห็น